ลึกๆ แล้ว แม็กควีนมีความซับซ้อนทางอารมณ์ขนาดไหน อย่างไร คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ ดังนั้น จนถึงทุกวันนี้ การตายของเขาก็ยังนับว่าเป็นปริศนา
วันนี้เมื่อ 9 ปีก่อน "ลี อเล็กซานเดอร์ แม็กควีน, ซีบีอี" แฟชั่นดีไซเนอร์ชื่อก้องโลก ชาวอังกฤษ จบชีวิตตัวเองด้วยการแขวนคอที่บ้านพักในกรีนสตรีต
เหตุการณ์นี้ นับว่าช้อคคนทั่วโลก เพราะผิวเผินแล้ว ทุกคนยอมรับกันดีว่า อเล็กซานเดอร์ แม็กควีน คือบุคคลที่ก้าวขึ้นไปอยู่บนยอดเขาแห่งความสำเร็จ ชื่อเสีย เงินทอง ความชื่นชม ทุกอย่างเป็นของเขาด้วยสมองและสองมือล้วนๆ
แต่ลึกๆ แล้ว แม็กควีนมีความซับซ้อนทางอารมณ์ขนาดไหน อย่างไร คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ ดังนั้น จนถึงทุกวันนี้ การตายของเขาก็ยังนับว่าเป็นปริศนา ที่เหลือจึงเป็นเพียงแต่การคาดเดาเอาเท่านั้น
โดยเฉพาะที่่หลายคนวิเคราะห์ว่า เพราะความทุกข์ใจจากการสูญเสียคนที่เราประดุจแม่คนหนึ่ง และ คนที่เป็นแม่ของเขาเอง ในเวลาที่ไม่ห่างกันมากนัก
กล่าวคือ เขาตัดสินใจฆ่าตัวตายเพียงไม่กี่วันหลัง “จอยซ” แม่ของเขาเสียชีวิตลง และไม่กี่วันหลังวันครบรอบวันตายของ อิสเบลลา โบลว์ ผู้ที่ชักนำเขาเข้าวงการแฟชั่นจนแจ้งเกิด โดยเธอเองก็ฆ่าตัวตายเช่นกัน เมื่อ 2550 ซึ่งโบลว์เป็นบุคคลที่เขารักและเชิดชูให้เป็นแม่บังเกิดเกล้าคนหนึ่ง ทั้งสองเรื่องนี้ คนใกล้ชิดระบุว่านับว่ามีผลให้แม็กควีนเริ่มเก็บตัวในภาวะซึมเศร้าตั้งแต่นั้นมา
อิสเบลลา โบลว์ ภาพจาก http://lofficielthailand.com/wp-content/uploads/2013/12/lofficielthailand-isa-blow.jpg
อย่างไรก็ดี มากกว่า ความเศร้าของแม็กควีน นั่นคือ ความสำเร็จ ที่น่าจะเป็นไฮไลท์แห่งชีวิตให้เราจดจำมากกว่าโดยเฉพาะการก้าวข้ามรากกำเนิดจากชนชั้นล่าง สู่จอมขบถที่ทุกคนยอมรับในแวดวงโลกแฟชั่น
ลี อเล็กซานเดอร์ แม็กควีน, ซีบีอี เกิดวันที่ 17 มีนาคม 2512 ย่านเลวิแชม (Lewisham) ลอนดอน สหราชอาณาจักร บิดาของแมคควีน เป็นคนขับแท็กซี่ มารดาเป็นครู มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน แม็กควีนเป็นบุตรคนเล็ก
แม็กควีนฉายแววแห่งศิลปินมาตั้งแต่วัยเรียนแล้ว ตามประวัติระบุว่า เขามีความเป็นตัวของตัวเองสูง ทำอะไรแหวกแนว ไม่เหมือนใคร และมีความโดดเด่นด้านศิลปะเป็นอันมาก
© Ann Ray
จะด้วยเพราะโชคชะตา หรือ ความกล้า แม็กควีนเดินตามความฝันของตนเอง และเป็นฝันที่มาถูกทาง ตั้งแต่ช่วงอายุ 16 ปี เขาตัดสินใจออกจากโรงเรียน เพื่อไปฝึกงานที่ย่านตัดสูทอันดับหนึ่งของอังกฤษ “ซาวิลโรว์” (Savile Row) ที่ห้องเสื้อ ทั้ง Anderson & Sheppard และ Gieves & Hawkes ซึ่งที่นี่เองที่ทำให้เขาได้ตัดฉลองพระองค์ของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์
จากนั้นเขาย้ายไปฝึกงานกับห้องเสื้อ Angels and Bermans ทั้งหมดนี้ นับเป็นประสบการณ์อันทรงคุณสำหรับก้าวต่อไปของเขา
อย่างไรก็ดี ภายหลังเขาเรียนต่อในเส้นทางสายออกแบบเสื้อผ้า จนจบระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเซ็นทรัลเซนต์มาร์ตินส์ ในสาขาแฟชั่นดีไซน์
จนกระทั่งได้แสดงผลงานคอลเล็กชันจบในปี 2535 นับเป็นโอกาสทอง เพราะบรรณาธิการแฟชั่นชื่อดังในยุคนั้น อิซาเบลลา โบลว์ (Isabella Blow) ที่มาดูโชว์ในวันนั้นพอดี
อิซาเบลลา โบลว์ นับเป็นกูรูทางด้านแฟชั่น และ เป็นแฟชั่น ไดเร็กเตอร์ ของ Tatler เธอได้ตัดสินใจซื้อทั้งคอลเล็กชันของแม็กควีนด้วยราคา 5,000 ปอนด์ โดยเธอซื้อเสื้อผ้าทั้งหมดนั้น ถูกส่งหาเธอโดยแพ็คลงในถังขยะสีดำ
Alexander McQueen walks the runway during the Alexander McQueen Fall/Winter 2008/2009 collection during Paris Fashion Week. Photo / Getty Images
แต่แน่นอน โบลว์ได้กลายผู้ผลักดันแม็กควีนให้เป็นที่รู้จักในวงการแฟชั่น โดยเมื่อแม็กควีนเรียนจบ เขาก็เดินหน้าสร้างแบรนด์ของตัวเองทันที โดยโบลว์นี่เองที่เป็นผู้แนะนำให้แม็กควีน ใช้ชื่อแบรนด์ว่า Alexander McQueen เพราะดูหรูกว่าการใช้ชื่อต้น แม็กควีน พูดเสมอว่า อิสเบลลา โบลว์ เปรียบเหมือนแม่คนที่ 2 ของเขา
ต่อมาเขาต้องร่วมงานกับ Gucci ที่เข้ามาถือหุ้นในบริษัทเขาถึง 51% จนทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับรางวัลดังๆ มากมาย รวมถึงรางวัลดีไซเนอร์ยอดเยี่ยมแห่งปีของอังกฤษถึง 4 ปี ระหว่างปี 3539 - 2546 และได้รางวัลในเวทีดีไซเนอร์ระดับนานาชาติจาก Council of Fashion Designer Awards ในปี 2546 ด้วย
หลังจากนั้นเขาเปิดแบรนด์ MCQ เพื่อขยายกลุ่มและขายสินค้าที่มีราคาย่อมเยาลง คอลเลคชั่นที่โด่งดังที่สุดคือผ้าพันคอลายกระโหลกอันเป็นเอกลักษณ์
อย่างที่รู้ แม็กควีนเคยเปิดตัวว่าเป็นเกย์ โดยระบุว่าเขานั้นเป็นเหมือน “แกะสีชมพูของครอบครัว”
“ผมแน่ใจในตัวเอง และมั่นใจในเพศของตนเอง และไม่มีอะไรต้องปิดบัง ผมออกมาจากมดลูกแม่เพื่อเดินขบวนพาเหรดของชาวเกย์”
แนวคิดนี้ช่างสะท้อนตัวตนของเขากับความเป็นจอมขบถ พอๆ กับที่เรารู้กันว่า ผลงานของเขาในแต่ละซีซันเต็มไปด้วยลูกบ้า นอกคอก สุดโต่ง และรุนแรง ว่ากันว่า แม็กควีนกลั่นงานออกมาจากเรื่องราวตั้งแต่หญิงบริการข้างถนน ไปจนถึงผู้นำสารจากพระเจ้าอย่าง “โจน ออฟ อาร์ก”
แม็กควีน เคยแต่งงานกับผู้สร้างภาพยนตร์อย่าง จอร์จ ฟอร์เซท ในปี 2543 บนเรือยอชสุดหรู โดยมี เคท มอส นางแบบเพื่อนสนิทของเขาเป็นเพื่อนเจ้าสาว แต่ภายหลังชีวิตคู่ก็จบลง
ที่สุด ช่วงเวลาที่สวยงามสูงสุดของชีวิต ก็ดับวูบลงในวัยเพียง 40 ปี ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2553 แม็กควีนแขวนคอตายในคอนโดมิเนียมของตัวเอง ทั้งๆ ที่ในช่วงบ่ายของวันที่ 12 ก.พ. จะมีการแสดงแฟชั่นในงาน นิวยอร์คแฟชันวีค แต่งานดังกล่าวก็ต้องถูกยกเลิกไปในที่สุด
ตามรายงานระบุว่า การพบร่างไร้วิญญาณของดีไซเนอร์ชื่อดังครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจาก ชายหนุ่มผมบลอนด์ ที่ระบุว่าเป็นเพื่อนชายของเขาโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนทางด้านทีมงานในบริษัทของเขาต่างก็ออกมาแสดงความเสียใจต่อการจากไปอย่างกระทันหันนี้อย่างมาก
อย่างไรก็ดี หลังการตายของแม็คควีน มือขวาของเขา ซาราห์ เบอร์ตัน เข้ามารับตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของแบรนด์ Alexander McQueen และสร้างชุดแต่งงานที่ลือลั่นโลกแฟชั่น ให้แก่ เจ้าหญิงเคท มิดเดิลตัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง