ทำไมคนดีถึงอยู่บนโลกนี้ได้ไม่นาน คำตอบคือ เวลาอยู่ในสวน เราจะเลือกเก็บดอกไม้ดอกไหน ถ้าไม่ใช่ "ดอกที่สวยที่สุด!!
ไม่อยากพูด เพราะมันเจ็บ แต่ความคิดถึง ทำให้เราขอรำลึกถึงพระเอกแสนดีคนนี้อีกครั้ง
ในวันนี้เมื่อ 3 ปีก่อน คือวันที่คนไทยต้องทำใจยอมรับว่า เราได้เสียผู้ชายที่ดีที่สุดคนหนึ่งอย่างไม่มีวันกลับไปแล้วจริงๆ
แน่นอน เขาเป็นคนในวงการบันเทิง ที่เพื่อนพ้องน้องพี่คนบันเทิงต่างรักเขากันหมด ไม่มีข้อยกเว้น หากแต่ในชีวิตจริง ปอ ทฤษฎี สหวงษ์ ยัง เป็นลูก เป็นพ่อ เป็นพี่ชาย และสามีที่ดีที่สุดคนหนึ่งของครอบครัว "สหวงษ์" อีกด้วย
ดังที่ ทวิตเตอร์หนึ่ง ซึ่งไว้อาลัยแด่ปอ ได้กล่าวถึงเด็กน้อยคนหนึ่งที่ถามแม่ของเธอว่า ทำไมคนดีถึงอยู่บนโลกนี้ได้ไม่นาน ผู้แม่ถามกลับว่า เวลาอยู่ในสวน หนูจะเลือกเก็บดอกไม้ดอกไหน คำตอบของเด็กน้อยคือ “ดอกที่สวยที่สุดค่ะ...”
ปอ ทฤษฎี สหวงษ์ คือ ดอกไม้ที่สวยที่สุดดอกหนึ่งในโลกนี้ และสวรรค์ก็เลือกที่พาเขากลับไปก่อน ถามว่าพิสูจน์ด้วยอะไร พื้นที่ต่อไปนี้จะนำเสนอตัวชี้วัดเหล่านั้นอีกครั้ง
นับแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2558 ที่ปอเข้ารับการรักษาอาการไข้เลือดออกที่รุนแรง จนวิกฤติด้วยภาวะแทรกซ้อน ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2559 รวมระยะเวลา 70 วันนั้น
ไม่มีวันไหนที่กระแสความรัก ความห่วงใย และแรงใจ จากหลายๆ คนที่ติดตามข่าวคราว จะไม่ถูกส่งไปถึงชายผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเอกตลอดกาลคนนี้ แบบ “ในจอยังไง-นอกจออย่างนั้น”
และทุกครั้งที่มีแถลงการณ์จากทางโรงพยาบาล เกี่ยวกับอาการป่วยของปอ ทุกคนต่างมองหาแต่ถ้อยคำทางการแพทย์ที่สร้างแรงใจ ถ้อยคำที่สะท้อนว่าพวกเรายังมีความหวัง ให้ปอได้ผ่านพ้น กลับมาแข็งแรงและออกจากห้องซีซียู ออกจากหอผู้ป่วยวิกฤติ และออกจากโรงพยาบาลนั้นเสียที
และแม้เหมือนจะมีอะไรบอกเราอยู่ลึกๆ ว่า ความหวังช่างน้อยนิดเหลือเกิน จากถ้อยคำระหว่างบรรทัดในแถลงการณ์ทุกๆ ฉบับที่สอดแทรกอยู่ หรือประโยคท้ายๆ ที่สรุปว่า "ผู้ป่วยยังอยูในภาวะวิกฤติ"
หรือแม้แต่ข่าวการผ่าตัดของปอ ที่นับเวลากว่า 2 เดือน ปอต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้งหลายครา นับแต่ช่วงวันที่ 10 พฤศจิกายน หรือหลังจากที่คนไทยทราบข่าวเพียงวันเดียว วันนั้นอาการของปอ ก็เข้าขั้นวิกฤติเกินกว่าใครจะคาดคิด คือ ปอมีภาวะช็อก และการทำงานของอวัยวะในร่างกายบกพร่อง มีปัญหาหัวใจเต้นผิดจังหวะ ต้องได้รับการปั๊มหัวใจเป็นเวลาประมาณ 3 นาที
หลังจากนั้นต้องใช้ยากระตุ้นความดันขนาดสูงอย่างต่อเนื่อง ยังต้องใช้เครื่องหายใจ ยากระตุ้นความดันขนาดสูง มีการฟอกไต และยังต้องได้รับยาเลือดและส่วนประกอบของเลือดอย่างต่อเนื่อง จนมีข่าวลือว่าพระเอกดังจากพวกเราไปเสียแล้ว
อย่างไรก็ดี ่ในส่วนของการผ่าตัดทั้งใหญ่และเล็กกว่า 6 ครั้ง ได้แก่ ผ่าตัดครั้งที่ 1 เพื่อระบายเลือดในช่องเยื่อหุ้มปอดด้านซ้าย เมื่อเย็นวันที่ 17 พฤศจิกายน มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะและความดันเลือดควบคุมได้ยากขึ้น จากเลือดที่ออกในช่องเยื่อหุ้มปอดด้านซ้ายเพิ่มขึ้น มีผลต่อการทำงานของหัวใจและระบบไหลเวียนเลือดต่ำ จำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อระบายเลือดอย่างเร่งด่วน
ต่อมาในการผ่าตัดครั้งที่ 2-3 ถือว่าเป็นเรื่องคนไทยยากจะทำใจยอมรับ คือ หนึ่ง ปอต้องได้รับการตัดข้อเท้าซ้าย เพื่อรักษาชีวิต โดยในคืนของวันที่ 20 พฤศจิกายน 2558 ปอมีความดันเลือดที่ควบคุมได้ยาก จากภาวะติดเชื้อที่เท้าซ้าย จำเป็นต้องตัดขาซ้ายระดับเหนือข้อเท้าเพื่อควบคุมการติดเชื้อที่รุนแรง
และเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2558 มีปัญหาตกเลือดซ้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดด้านซ้าย จึงจำเป็นต้องผ่าตัดหยุดเลือดในช่องปอดซ้ายในคืนเดียวกัน
ช่วงเวลานั้น สังคมไทยมีความกังวลว่าปอจะทำใจอย่างไร หากฟื้นขึ้นมาแล้วพบว่าไม่มีเท้าซ้ายอีกแล้ว แต่พวกเราก็โล่งอก เพราะหลังจากที่ปอผ่านการ ผ่าตัดครั้งที่ 4 ที่สำไส้ในวันที่ 24 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นการผ่าตัดเล็ก กระทั่งปอรู้สึกตัวช่วงวันที่ 5 ธันวาคม ราวกับเป็นของขวัญวันพ่อให้ น้องมะลิ ด.ญ.พาขวัญ สหวงษ์ (บุตรสาวคนเดียวของปอ และภรรยา โบว์ แวนด้า สหวงษ์) ได้มีโอกาสนำพวงมาลัยเข้าไปกราบพ่อปอ
ช่วงวันที่ 9 ธันวาคม แพทย์จึงได้บอกถึงการตัดเท้าซ้ายของปอออกไป และตามข่าวระบุว่า ปอสามารถทำใจยอมรับได้ ครั้งนั้นหลายคนจึงยังคงให้ความหวังแก่กันและกันว่า นั่นแปลว่า "ปอยังสู้อยู่" แม้ว่าหลังจากนั้น ปอยังต้องเผชิญกับการผ่าตัดครั้งที่ 5 และครั้งที่ 6 ก็ตาม
โดยครั้งที่ 5 ปอต้องเย็บปลายลำไส้ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม เนื่องจากมีเลือดออก และผ่าตัดครั้งที่ 6 ในวันที่ 24 ธันวาคม ปอต้องตัดปอดซ้ายออกไป ด้วยภาวะแทรกซ้อนจากปอดขวาอักเสบรุนแรงเพราะติดเชื้อ และมีลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอดด้านซ้ายรุนแรงขึ้น จนมีผลต่อการแลกเปลี่ยนก๊าซ ทำให้ไม่สามารถรักษาด้วยเครื่องช่วยหายใจอย่างมีประสิทธิภาพได้
อย่างไรก็ดี หลังจากนั้น การอัพเดทอาการของปอ ช่วงเข้าสู่ปีใหม่ 2559 เหมือนจะดีขึ้นตามลำดับ ทั้งจากคำบอกเล่าของอาน้ำอ้อย และจากพ่อสงวน สหวงษ์ ช่วงวันที่ 12 มกราคม ว่าอาการลูกชายดีขึ้น ร่างกายกำลังฟื้นฟู และเริ่มทำกายภาพบำบัด และในเดือนกุมภาพันธ์อาจมีแนวโน้มได้ออกจากห้องซีซียู
ข่าวนี้ ทำให้พวกเราใจชื้น และมีรอยยิ้มที่กว้างที่สุดนับแต่ปอเข้าโรงพยาบาลแล้ว
แต่ที่สุด ทุกอย่างก็กลับตาลปัตร เมือปอได้จากไปช่วงกลางวันของวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา โดยตามแถลงการณ์ฉบับสุดท้าย ที่ 19 ที่ขอสรุปสั้นๆ ว่า
“ผู้ป่วยมีอาการแทรกซ้อนสำคัญเพิ่มเติมหลายประการ โดยตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2559 ภาวะปอดขวาที่ติดเชื้อลุกลามขึ้น ทำให้อาการผู้ป่วยทรงกับทรุดมาโดยตลอด จนไม่ตอบสนองต่อการรักษาและถึงแก่กรรมอย่างสงบในวันที่ 18 มกราคม 2559 เวลา 11.50 น.”
จะใช้คำว่าสุดยื้อ หรือทำเต็มที่แล้วก็ตาม แต่หากพิจารณาย้อนกลับไปดูแถลงการณ์จะพบว่าที่จริง “ปอก็เหนื่อยเหลือเกินแล้ว” เพียงแต่พวกเราเลือกที่สร้างความหวังว่า “ปาฏิหาริย์” ต้องเกิดขึ้น ซึ่งนี่คงอธิบายได้ว่าทำไม “อาน้ำอ้อย” จึงมีแต่ข่าวดีๆ ออกมาบอกพวกเรา เช่น ปอยิ้ม ปอพยักหน้า นั่นเพราะบางทีอาคงคิดว่า ถ้าจะเป็นข่าวร้าย ก็ให้มันร้ายที่สุดครั้งเดียวไปเลยแล้วกัน
น้ำตาของทุกคนในวันนั้นจนถึงนี้ อาจพิสูจน์ถึงความรักที่ทุกคนมีต่อปอ ในทางกลับกัน ปอเองก็ได้พิสูจน์ตัวตนของตนเองแล้วว่าเขาคือ “สุภาพบุรุษ” ในทุกๆ มุมของชีวิต
ทั้งในความเป็น “ปอ” ที่คนไทยแสนรัก ด้วยอุปนิสัยใจคอที่น่ารัก จิตใจดี เสียสละ ทำประโยชน์แก่สังคม ดำเนินชีวิตในทางที่ถูกที่ควร
ในความเป็นเพื่อน ที่เราคงได้เห็นทั้ง คำพูด และข้อความไว้อาลัยจากเพื่อนดารามากหน้าหลายตา ซึ่งได้ถ่ายทอดออกมาจากหัวใจส่งต่อไปถึงปออย่างสุดซึ้ง
ในความเป็นลูกที่พ่อสงวน และแม่พิศมัยแสนจะภาคภูมิใจ ด้วยเรื่องราวความดีของบุตรชายที่ใครๆ ต่างสะท้อนออกมาให้เห็น
ในความเป็นพี่ใหญ่ของ 2 หนุ่ม ปอก็เป็นแบบอย่างชั้นดี ดังที่ ปิน ชวนันท์ สหวงษ์ น้องชายคนเล็กระบุว่าตนเองพร้อมจะดูแลพ่อแม่ให้ดีที่สุดแทนพี่
“พี่ปอเป็นแบบอย่างให้ผมในเรื่องกตัญญู การทำงาน เพราะเวลาทำงานเขาจะตั้งใจมาก และเรื่องพ่อแม่ต้องมาที่หนึ่ง ยังไงต้องดูแลให้ที่สุด ไม่ต้องห่วง มะลิ พี่โบว์ พวกผมดูแลเองได้ไม่มีปัญหาครับ พี่ปอยังอยู่ในใจของพวกเราไม่ได้หายไปไหนครับ”
ในความเป็นพ่อของน้องมะลิ กับความน่ารักสดใสของเด็กหญิงวัยสองขวบ ที่สะท้อนว่าได้รับความรักและการดูแลที่อัดแน่น เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักของพ่อปอและแม่โบว์
และในความเป็นสามีของโบว์ ที่นอกจากความรักโดยไม่มีเงื่อนไขตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่แม้ขณะป่วย เขาก็ยังถ่ายทอดพลังให้ภรรยาสามารถเดินหน้าต่อไปนับจากนี้ ซึ่งโบว์คงสัมผัสได้ เพราะเธอได้โพสต์ข้อความตอนหนึ่งถึงสามีที่รักว่า
“ขอบคุณพ่อปอจ๋า ที่สู้เพื่อซื้อเวลาให้แม่โบว์ได้เข้มแข็ง พอที่จะพร้อมทำหน้าที่แทนพ่อจ๋า พ่อปอทำหน้าที่พ่อได้สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว พ่อปอเหนื่อยและสู้มามากพอแล้ว ทำเพื่อคนอื่นมากพอแล้ว เหนื่อยก็นอนพักนะพ่อปอจ๋า หลับให้สบายนะพ่อ รักพ่อปอนะคะ”
ทฤษฎีรักของปอ ได้ทดลอง พิสูจน์ทุกสิ่งทุกอย่างไว้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ด้วยวัยเพียง 37 ปีเท่านั้น
คิดถึงที่สุด...
////////////////////////////////////////////////
อนึ่ง ปอสิ้นใจก่อนวันเกิดครบปีที่ 38 เพียง 5 วัน แต่ปอยังมีชีวิตอยู่ในใจของพวกเราตลอดไป
และนี่คืออีกครั้ง กับการยืนยันถึงความรักที่มีต่อผู้ชายชื่อ “ปอ” ทฤษฎี คนนี้
“ปอ” ทฤษฎี สหวงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2521 ปัจุจบันอายุ 37 ปี เป็นหนุ่มเลือดอีสาน ชาว จ.บุรีรัมย์ เป็นบุตรชายคนโตของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สงวน และ นางพิศมัย สหวงษ์ และมีน้องชายอีก 2 คน คือ ป๊อปปี้ วิทวัส อายุ 32 และ ปิน ชวนันท์ สหวงษ์ อายุ 29
ปอจบมัธยมจากโรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคม และจบปริญญาตรี สาขาบริหารทรัพยากรมนุษย์ คณะวิทยาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม เคยเป็นหนุ่มแบงค์ที่ธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง แต่สุดท้ายตัดสินใจลาออก หันไปเอาดีโดยเป็นนายแบบ ด้วยความสูงถึง 182 เซนติเมตร
และที่ถือเป็นการเปิดตัวแก่วงกว้างเห็นจะเป็นการที่เขาได้รับรางวัล “สุดยอดหนุ่มโสดในฝัน” จากนิตยสาร คลีโอ เมื่อปี 2547
ต่อมาได้เข้าเรียนการแสดงกับช่อง 3 และเป็นหนึ่งใน Power Three รุ่นแรกของช่อง ประเดิมด้วยละคร “ลิขสิทธิ์หัวใจ” ในปี 2548 รับบทเป็น “ลิขสิทธิ์” คู่กับ แพท ณปภา ตันตระกูล
หลังจากนั้น ปอ ก็ได้ชื่อว่าเป็นพระเอกมากฝีมือในระดับแถวหน้า มีงานละครติดต่อกันมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 เรื่อง และประกบคู่กับนางเอกเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทยทั้งสิ้น
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาชีวิตการทำงานของปอ นับว่าเกินคุ้มสำหรับคนๆ หนึ่งจะทำได้ เพราะนอกจากปอจะดูแลครอบครัวของเขาเองอย่างดีแล้ว ก่อนหน้านี้เขายังมีผลงานอื่นๆ อีกมากมายแทบครบวงจรในแวดวงบันเทิง และยังเคยได้รับรางวัลต่างๆ เช่น รางวัลลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ ปี 2552, รางวัลศิลปินรักษ์สิ่งแวดล้อม 2552, รางวัล ระฆังทอง บุคคลแห่งปี 2553, รางวัลบุคคลต้นแบบ 2554 ในด้านความโปร่งใสและซื่อตรง, ครุศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ประจำปี2553-2554 ฯลฯ
หนึ่งในความภาคภูมิใจอย่างถึงที่สุดของปอ คือการรับบทเป็น “พระมหาชนก” ในละครเพลง พระมหาชนก เดอะ ฟีโนมีนอนไลฟ์ โชว์ เนื่องในวโรกาสมหามงคล 5 ธันวาคม เมื่อปี 2557
ที่สำคัญ พระเอกคนนี้ยังถือเป็นนักสังคมสงเคราะห์ตัวยง จนเพื่อนในวงการบันเทิงรับรู้กันว่าปอคือตัวจริง และขานรับเป็นเสียงเดียวกันว่างานไหนๆ “ปอก็ไม่เคยบ่น”
แถมยังได้อนุเคราะห์ นายยงยุทธ (สงวนนามสกุล) หรือ น้องเชน (อายุ 19 ปี) โดยอุปการะทางการศึกษามาตั้งแต่ 2551 ผ่านมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย
และที่น่าชื่นชมคือ เขายังมีชื่อเป็น“ผู้มีความจำนงบริจาคอวัยวะ” ณ โรงพยาบาลศิริราช อีกด้วย ซึ่งแม้ว่าในที่สุดแล้ว ทางสภากาชาดไทยออกมาชี้แจงว่าไม่สามารถนำอวัยวะของพระเอกหนุ่ม ไปปลูกถ่ายให้แก่ผู้ป่วยตามเจตนารมณ์ได้ เนื่องจากมิได้เสียชีวิตจากภาวะสมองตาย ซึ่งเป็นภาวะเดียวที่จะสามารถนำอวัยวะไปช่วยเหลือผู้อื่นได้ แต่กุศลผลบุญที่ปอได้แสดงเจตนารมณ์นี้ ก็เป็นอานิสงส์ใหญ่หลวงแล้วแก่ปอแล้ว
เช่นเดียวกับที่ทางทีมแพทย์ของโรงพยาบาลรามาธิบดี ออกมาระบุขอบคุณปอที่ยินดีให้ผ่าศพพิสูจน์เพื่อเป็นประโยชน์ทางการแพทย์ จนเปรียบปอเสมือนเป็นครูแพทย์ท่านหนึ่งเช่นกัน
ในจำนวนงานเพื่อสังคมมากมากมายของ ปอ เขายังมีงานเพื่อ “เพื่อนร่วมโลก” โดยเป็นทูต WSPA ประจำภาคพื้นเอเชีย ตั้งแต่ปี 2551-ปัจจุบัน มีบทบาทในการช่วยรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของสวัสดิภาพสัตว์ ยุติการทำร้ายสัตว์ เพื่อให้สหประชาชาติ ผลักดันให้แต่ละประเทศพิจารณาออกกฎหมายคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ขั้นพื้นฐาน
อีกมุมหนึ่ง เขายังมีความติดดิน และใช้ชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยได้แรงบันดาลใจจากการรับบท “ผู้ใหญ่ลี” ในละคร “ผู้ใหญ่ลีกับนางมา” เมื่อปี 2552 จึงได้ซื้อที่ดินแปลงหนึ่งจำนวน 57 ไร่ ไว้ให้บิดาได้ทำสวนทำไร่หลังเกษียณอายุราชการ ตั้งชื่อว่า ”ไร่นาป่าสงวน” ที่่ จ.บุรีรัมย์ บ้านเกิด แถมยังจัดสรรปันส่วนให้ชาวบ้านได้ใช้ผืนนาร่วมกัน รวมถึงพยายามศึกษาแนวทางการทำเกษตรอินทรีย์ร้อยเปอร์เซ็นต์
ถึงวันนี้ สำหรับในด้านชีวิตส่วนตัว ถึงแม้ว่าการเปิดตัวภรรยาสาว โบว์ แวนด้า สหวงษ์ พร้อมลูกสาวตัวน้อย น้องมะลิ พาขวัญ สหวงษ์ จะมิได้เกิดจากความตั้งใจ และยังเกิดในช่วงเวลาที่ไม่มีใครอยากให้เป็นเช่นนี้ แต่ด้วยความรักของพวกเราที่มีต่อปอ ความอ่อนโยน เรียบง่ายของแม่โบว์ และความสดใส ไร้เดียงสา ของน้องมะลิ สองสาวได้เข้าไปนั่งในหัวใจของพวกเรามาจนถึงทุกวันนี้
เช่นเดียวกับพ่อปอจ๋าของทั้งคู่ ที่จะอยู่ในความทรงจำของพวกเราตลอดไปไม่เสื่อมคลาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง