วันนี้ในอดีต

เมื่อซานตาฯ มา  เขาก็จากไป คิดถึงดาวตลกอัจฉริยะ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชีวิตของ "ชาร์ลี แชปลิน" ไม่ได้ขำอย่างที่เราคิด แต่การต้องสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับผู้คน ก็เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล!

          ยอมรับเถอะว่า พวกเรารู้จักชีวิตเขาน้อยมากๆ นอกจากโฟกัสแต่ผลงานตลกบันลือโลกที่เขาได้ฝากบนโลกใบนี้

          "ชาร์ลี แชปลิน" เรารู้จักเขาในชื่อนี้ หากในที่สุด เขาก็คือ  "เซอร์ชาลส์ สเปนเซอร์ แชปลิน จูเนียร์"

          แน่นอนเรารู้ว่าเขาคือ นักแสดงตลก แต่เขาก็ยังเป็นนักแสดงชาวสหราชอาณาจักร หรือ ชนชาติอังกฤษผู้มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่ง โดยชื่อเสียงของเขาขจรขจายในนามของนักแสดงของฮอลลีวูด ดินแดนอินทรีย์ อเมริกา มีชื่อเสียงอยู่ในยุคต้นถึงยุคกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20

          แน่นอน เราจำเขาได้อย่างดีกับบทบาทของคนจรจัด ที่สวมเสื้อนอกคับตัว สวมกางเกงและรองเท้าหลวม สวมหมวกดาร์บีหรือหมวกโบว์เลอร์ ถือไม้เท้าซึ่งทำจากไม้ไผ่ และไว้หนวดจุ๋มจิ๋ม

 

เมื่อซานตาฯ มา  เขาก็จากไป  คิดถึงดาวตลกอัจฉริยะ

ในช่วงปี 1912–1913

 

          แต่เขาคือชาร์ลี ผู้มากความสามารถมากกว่านั้น เพราะเขาเป็นทั้งนักแสดง กำกับ เขียนบท อำนวยการสร้าง และรวมไปถึงประพันธ์ดนตรีประกอบในภาพยนตร์ของเขาเอง มีผลงานโดดเด่นหลายเรื่องในยุคแห่งยุคภาพยนตร์เงียบ

          และเรารู้หรือไม่ว่าเมื่อวันนีี้ของ 41 ปีก่อน ในขณะที่ทุกคนกำลังเฉลิมฉลองเทสกาลคริสต์มาส เด็กๆ รอคอยของขวัญจากคุณลงุซานต้า แต่ ชาร์ลี แชปลิน ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบด้วยวัย 88 ปี เมือวันที่ 25 ธ.ค.2520

          วันนี้เรามาทำความรู้จักเขาให้มากขึ้นกันดีกว่า แล้วจะพบว่าชีวิตของ “ชาร์ลี แชปลิน” ไม่ได้ขำอย่างที่เราคิด         

          แชปลินเกิดที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2432 (ค.ศ. 1889) พ่อของเขาเป็นนักร้องและนักแสดง แม่ชื่อลิลี ฮาร์ลีย์ เป็นนักแสดงและนักร้องโอเปรา แต่ทั้งคู่ได้หย่ากันตั้งแต่ชาร์ลีและพี่ชายต่างพ่อ ที่ชื่อ "ซิดนีย์" ยังเล็กๆ

 

เมื่อซานตาฯ มา  เขาก็จากไป  คิดถึงดาวตลกอัจฉริยะ

หนูน้อยแชปลินวัย 7 ขวบ ตรงกลาง นั่งเอนเล็กน้อย

 

          หลังจากนั้น ชาร์ลีและพี่ชายรวมถึงแม่ก็ประสบกับชีวิตอันยากลำบาก จนกระทั่งแม่ของแชปลินเกิดป่วยเป็นโรคหลอดลมอักเสบ ร้องเพลงไม่ได้ จนผู้ชมโห่ฮาไม่พอใจ

          ผู้จัดการเวทีไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร บังเอิญเหลือบไปเห็นแชปลินน้อย จึงพาออกมาแนะนำตัวต่อผู้ชมแล้วให้แชปลินแสดงแทน

          น่าอัศจรรย์กับสปิริตของแชปลิน เขาร้องเพลงและเต้นระบำไปตามที่แม่หัดให้โดยไม่เคอะเขิน สร้างความสำราญให้กับผู้ชมเป็นอันมาก

          ใช่แล้วและนั่นเป็นการแสดงบนเวทีครั้งแรกของเขา แต่เป็นครั้งสุดท้ายของแม่ ที่ไม่สามารถยึดอาชีพนักแสดงได้ต่อไปแล้ว

          ที่สุดแชปลินและพี่ชายต้องเร่ขายของ และรับจ้างทำงานทุกอย่าง จนในที่สุดแม่ของเขาเกิดมาเสียสติ เขาและพี่ชายจึงต้องเข้าพึ่งสถานสงเคราะห์เด็ก

          ความมุ่งมั่นของแชปลิน ยังคงเดินหน้า ทุกเย็นเขาจะไปเดินเตร่แถวสำนักจัดหานักแสดง จนกระทั่งเมื่ออายุ 12 ปี แชปลินได้งานแสดงงานแรกเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ชื่อบิลลี ในละครเรื่อง เชอร์ล็อก โฮมส์

 

เมื่อซานตาฯ มา  เขาก็จากไป  คิดถึงดาวตลกอัจฉริยะ

แชปลินในละครเรื่อง เชอร์ล็อก โฮมส์

 

          จากนั้นก็มีงานเข้ามาอีกจนเริ่มเป็นที่รู้จัก และได้เข้ากลุ่มนักแสดงที่ชื่อ The Eight Lancashire Lads จนกระทั่งฉายแววได้รับการจับตามองจากฝีมือการเต้นแท็ป จนนักวิจารณ์ก็เขียนชมว่าแชปลินเป็น...“ดาราที่อนาคตจะสุกใสแน่นอน”

          ที่สุดแชปลินได้เดินทางข้ามทวีปไปยังแดนดินอเมริกา โดยร่วมไปกับคณะละครของ “เฟรด คาร์โน” และได้รับการติดต่อให้แสดงภาพยนตร์ของบริษัทคีย์สโตน

          หลังจากน้น แชปลินก้เป็นที่จดจำแก่ผู้คน ด้วยภาพของตัวตลกที่สวมเสื้อคับ กางเกงหลวม รองเท้าขนาดใหญ่ สวมหมวกใบจิ๋ว ควงไม้เท้า และติดหนวดจิ๋มเหนือริมฝีปาก  โดยตัวละครที่มีชื่อเสียงที่สุดของแชปลินคือ “คนจรจัด” (The Tramp) 

 

เมื่อซานตาฯ มา  เขาก็จากไป  คิดถึงดาวตลกอัจฉริยะ

ตัวละครที่มีชื่อเสียงที่สุดของแชปลินคือ "คนจรจัด" (The Tramp)

 

          ภาพยนตร์ทุกเรื่องของแชปลินทำรายได้อย่างงดงาม เป็นที่กล่าวขวัญทั้งในหน้าสื่อ และท้องถนน

          โดยใน 1 ปี บริษัทคีย์สโตนก็มีหนังที่แชปลินแสดงถึง 35 เรื่อง แต่ละเรื่องทำรายได้สูงทั้งสิ้น แชปลินมีรายได้อาทิตย์ละ 200 เหรียญ

          ตัวละครที่มีชื่อเสียงที่สุดของแชปลินคือ “คนจรจัด” (The Tramp) ปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง Kid Auto Races at Venice (1914) ส่วนหนังที่สร้างชื่อเสียงให้เขาคือ The Kid (1921) , City Light (1931) , Modern Times (1936) และ The Great Dictator (1940)

          จนเมื่อสัญญาครบ 1 ปี แชปลินก็ลาออกจากคีย์สโตน เพราะบริษัทฯ ไม่สามารถจ่ายค่าตอบแทนอาทิตย์ละ 1,000 เหรียญตามที่เขาเรียกร้องได้

          หลังจากน้น เส้นทางของแชปลินก้เหมือนวา่จะฉุดไว้ไม่อยู่ เขกลายเป็นมหาเศรษฐ๊คนหนึ่งไปเลยทีเดียา โดยเมื่อย้ายไปทำงานกับบริษัท เอสซันเนย์ และ มิวชวล ฟิล์ม ตามลำดับ

          บริษัทหลังเขาได้ค่าจ้างอาทิตย์ละ 20,000 เหรียญ และเงินโบนัสอีกปีละ 150,000 เหรียญ

          จากนั้นค่าตัวของแชปลินเพิ่มเป็นปีละ 1 ล้าน 2 แสนเหรียญ เมื่อทำสัญญากับบริษัทเฟิสต์ เนชั่นแนล

          ยิ่งดังมาก ประสบความสำเร็จมากแชปลินไม่เพียงกลายเป็นมหาเศรษฐี แต่เขายังกลายเป็นอัจฉริยศิลปินของโลกอีกด้วย เพราะงานของแชปลินนั้น ไม่ใช่ภาพยนตร์ตลกธรรมดา

          แต่เป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนความคิดที่มีต่อสังคมและมนุษย์ โดยเฉพาะสังคมในระบบทุนนิยม ดังจะเห็นได้จากผลงานเด่น ๆ เช่น The Gold Rush เป็นเรื่องของยุคคลั่งทองในอเมริกาสะท้อนภาพชีวิตของคนอเมริกันในยุคต้นของระบบทุนนิยมที่เต็มไปด้วยการแย่งชิงและฉวยโอกาส

 

เมื่อซานตาฯ มา  เขาก็จากไป  คิดถึงดาวตลกอัจฉริยะ

 

          หรือเรื่อง City Lights ที่ชี้ถึงผลการเติบโตของสังคม เรื่อง Modern Times แสดงถึงชีวิตของคนในสังคมอุตสาหกรรมที่มีการแบ่งงานกันทำอย่างเป็นระเบียบเครื่องยนต์กลไกต่างๆ ได้รับการพัฒนา หนังเปรียบเทียบให้เห็นว่ามนุษย์ตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์และระบบการทำงานของสิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น

          สำหรับ ชีวิตส่วนตัวและครอบครัว ทำไมคนตลกถึงไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องความรัก ก็น่าคิด แชปลินผ่านการหย่าร้างกับนักแสดงดาราสาวถึง 3 คน ได้แก่ มิตเลต ฮารีต (มีบุตร 1 คน), ลิตตา เกลต (มีบุตร 2 คน), พลาเล็ตส์ กล็อตดา

          หรืออาจเป็นเพราะประสบการณ์ ที่สุดแชปลินมาหยุดตรงนี้ที่ “อูนา โอนีล” ในการแต่งงานครั้งที่ 4 ที่สุขถึงขนาดมีบุตรธิดารวมทั้งหมด 8 คน!

          ขณะที่ยังว่ากันว่า ในใจหนึ่งเดียวของชาร์ลี ก็คือ "เอ็ดน่า เพอร์เวียนซ์ นางเอกคู่บุญที่แสดงคู่กับชาร์ลีมากที่สุดถึง 40 เรื่อง เธอเป็นทั้งรักแรก และรักที่ไม่สมหวังของชาร์ลี เพราะความเจ้าชู้ของฝ่ายชาย

 

เมื่อซานตาฯ มา  เขาก็จากไป  คิดถึงดาวตลกอัจฉริยะ

แชปลินและ เอ็ดน่า เพอร์เวียนซ์

 

          ทั้งนี้ ชาร์ลียังคงดูแลเอ็ดน่ามาตลอด โดยเแพาะในช่วงหลังที่ภาพยนตร์เสียงเข้ามาแทนที่ภาพยนตร์เงียบ ชาร์ลีก็มักที่จะให้โอกาสเธอมาร่วมแสดงฉากสมทบในภาพยนตร์เสียงยุคหลังของเขา และช่วยเหลือจุนเจือโดยส่งเงินเบี้ยเลี้ยงให้เธอใช้ทุกเดือนจนกระทั่งเธอเสียชีวิตจากไปในปี 2501

          บุตรของชาร์ลี แชปลิน ได้แก่ เจอรัลดีน แชปลิน, ซิดนี่ แชปลิน, โจเซฟิน แชปลิน, วิคทอเรีย แชปลิน, ไมเคิล แชปลิน, คริสโตเฟอร์ แชปลิน, ยูจีน แชปลิน, นอร์มัน สเปนเซอร์ แชปลิน, แอนเน็ต เอมิลี่ แชปลิน, เจน แชปลิน

 

เมื่อซานตาฯ มา  เขาก็จากไป  คิดถึงดาวตลกอัจฉริยะ

ภรรยาคนสุดท้ายที่ดูแลกันจนนาทีสุดท้าย  อูนา โอนีล

          อย่างไรก็ดี ภาพจำอีกอันหนึ่งของพวกเราคือ แชปลินมักแสดงบทบาทล้อเลียนเจ้าของหนวดจิ๋มกระฉ่อนโลก นามว่า “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์”

          โดยปี 1940 แชปลินสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Great Dictator เป็นภาพยนตร์ที่สอดแทรกความคิดทางการเมืองของเขาไปด้วย เป็นเรื่องของฮิงเกลผู้นำตลอดกาลแห่งรัฐโทมาเนีย ผู้นำที่บ้าคลั่งอำนาจและสงครามและมีความฝันสูงสุดคือการที่จะได้ครองโลก โดยเดินเรื่องคู่ไปกับ ช่างตัดผมชาวยิว ที่หน้าตาเหมือนกันกับผู้นำฮิงเกล ที่เคยไปออกรบในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และเมื่อกลับมาก็ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลโรคจิตนับสิบปี จนเมื่อออกมาจากโรงพยาบาล ก็พบว่าบ้านเมืองของเขาภายใต้การปกครองของฮิงเกล ไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป

 

เมื่อซานตาฯ มา  เขาก็จากไป  คิดถึงดาวตลกอัจฉริยะ

The Great Dictator (1940)

 

          หลังจากนั้น เขาก็ถูกจับตามองจากรัฐบาลอเมริกาในข้อหาฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์ ในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่นในปี 1947 แชปลิน ได้สร้าง กำกับ และแสดงภาพยนตร์ขาวดำ รื่อง Monsieur Verdoux เป็นภาพยนตร์ตลกเกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องชาวฝรั่งเศส บทภาพยนตร์อ้างอิงมาจากเรื่องจริง แต่ถูกต่อต้านจากหลายฝ่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา

          เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกากล่าวหาว่าแชปลินเป็นพวกฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ อีกทั้งก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้ฉาย แชปลินโดนแกล้งจากฝ่ายเซนเซอร์ของรัฐบาลอเมริกา และจากความผิดหวังกับประเทศสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ ทำให้เขาถูกโจมตีว่าเป็นผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ เนื่องจากเขามีความคิดทางการเมืองที่ขัดกับรัฐบาล นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาพร้อมกับครอบครัวต้องถูกสั่งออกจากอเมริกาและห้ามเข้าอเมริกาอีก ในปี 1952

          แต่ 20 ปีต่อมา (ปี 1972) แชปลินก็ได้กลับมายังสหรัฐอเมริกาอีกครั้งเพื่อมารับรางวัลออสการ์เกียรติยศ หรือ Academy Honorary Award ในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 44 ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตที่ได้ขึ้นรับรางวัลออสการ์ด้วยตนเอง

 

เมื่อซานตาฯ มา  เขาก็จากไป  คิดถึงดาวตลกอัจฉริยะ

แจ็ก เลมมอน (ซ้าย) แชปลิน (ขวา) ขึ้นรับรางวัลออสการ์เกียรติยศ ในปี 1972

 

          วันนั้น เขากล่าวคำขอบคุณทุกคนที่ยังระลึกถึงเขาจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ทุกคนในงานลุกขึ้นปรบมือให้เขานานมาก จนถึงกับบันทึกไว้ในสถิติของการจัดงานเลยว่าเป็นการสแตนดิ้งโอเวชั่นที่ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ของออสการ์

          ช่วงบั้นปลายชีวิตแชปลินพำนักอยู่กับอูนาและลูกๆ ที่สวิตเชอร์แลนด์ ในปี 2518 (1975) เขาได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ให้เป็น เซอร์ชาลส์ สเปนเซอร์ แชปลิน จูเนียร์

          และอย่างที่เกริ่นไป ในคืนคริสต์มาสหลังจากนั้นอีก 2 ปี ชาร์ลี แชปปลิน ก็ถึงแก่กรรมอย่างสงบ ปิดฉากอัจฉริยนักแสดงดาวตลกระดับตำนานโลก ไปด้วยวัย 88 ปี

///////////////

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก 

วิกิพีเดีย

https://en.wikipedia.org/wiki/Charlie_Chaplin

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ