วันนี้ในอดีต

19 พ.ย. 2560 ปิดตำนานเจ้าลัทธิเลือด! มือฆ่าเมียผู้กำกับดัง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ไม่สงสัยแล้วว่า ชาร์ลจะโตขึ้นมาเป็นคนแบบไหน โดยประวัติระบุว่า เขาเริ่มก่อเรื่องตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น ทั้งลักเล็กขโมยน้อย ต่อยตี หาเรื่องเด็กคนอื่นๆ

           ถึงหลายคนจะคิดว่า โทษจำคุกตลอดชีวิต ยังไม่สาสมพอ แต่ในที่สุดหลังชดใช้ความผิดอยู่ในเรือนจำนานกว่า 40 ปี "ชาร์ล มิลเลส แมนสัน" ก็ได้เวลาไปรับกรรมในปรโลก

          เพราะวันนี้เมื่อปีที่แลัว คือวันที่อาชญากรชาวอเมริกัน ผู้โหดเหี้ยมที่สุดคนหนึ่ง ได้เสียชีวิตลงที่เรือนจำบ้านหลังสุดท้ายในชีวิตของเขานั่นเอง

19 พ.ย. 2560  ปิดตำนานเจ้าลัทธิเลือด!  มือฆ่าเมียผู้กำกับดัง

          สำหรับประวัติของ ชาร์ล มิลเลส แมนสัน ก่อนจะเติบโตและเปลี่ยนไปเป็นอสุรกายในร่างคนนั้น เขาเกิดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2477

19 พ.ย. 2560  ปิดตำนานเจ้าลัทธิเลือด!  มือฆ่าเมียผู้กำกับดัง

          เขานั้นกำเนิดมาด้วยความไม่ตั้งใจของคุณแม่วัยใส แคธลีน แมดด็อกซ์ ที่ตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุเพียง 16 ปีเท่านั้น ขณะที่ผู้เป็นพ่อนั้น คือ โคโลเนล สก็อต ก็ต้องใช้คำว่าหายหัวไปตั้งแต่รู้ว่าหญิงสาวตั้งท้อง

          แถมยังว่ากันว่าแม่ของเขาเรียกเขาว่า “เด็กไม่มีชื่อ” (No Name) กระทั่งลุงมาตั้งชื่อให้

          หนูน้อยชาร์ลส์ เติบโตมาอย่างตามมีตามเกิด เช่นว่า เมื่่อแม่ไปกินเหล้า และบังเอิญไม่มีใครดูแลเด็กให้ เธอก็จะกระเตงเขาไปยังบาร์ด้วยเสมอ

          นอกจากนี้ ครั้งหนึ่ง แม่ของตัวเองยังเคยเสนอเด็กชายให้กับหญิงบริกรในบาร์ที่อยากมีลูก เพื่อเพื่อแลกกับเบียร์แค่เหยือกเดียวเท่านั้น

          จนผู้เป็นลุงนั้นไปตามมาคืนได้ในภายหลัง แต่ชาร์ลก็เติบโตมาอย่างปราศจากความรักความผูกพันจากแม่ของเขามาตลอด บางครั้งที่เธอติดคุก ชาร์ลก็ต้องย้ายไปอยู่กับญาติๆ รอจนกว่าแม่จะออกมา

          เพียงเท่านี้ เราคงไม่สงสัยแล้วว่า ชาร์ลจะโตขึ้นมาเป็นคนแบบไหน โดยประวัติระบุว่า เขาเริ่มก่อเรื่องตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น ทั้งลักเล็กขโมยน้อย ต่อยตี หาเรื่องเด็กคนอื่นๆ

          จนเมื่ออายุ 10 ขวบ แม่ก็ส่งชาร์ลส์ไปเข้าโรงเรียนประจำในความดูแลของรัฐ และแน่นอน สังคมของที่นี่จะเต็มไปด้วยเด็กแบบเดียวกับชาร์ล

19 พ.ย. 2560  ปิดตำนานเจ้าลัทธิเลือด!  มือฆ่าเมียผู้กำกับดัง

          แต่การอยู่ในกรอบ ไม่ใช่วิสัยของเขา ที่สุดผ่านไปเพียง 10 เดือน ชาร์ลก็หนีออกจากโรงเรียนกลับมาอยู่กับแม่เช่นเดิม

          สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ชาร์ลเป็นคนเฉลียวฉลาด โดยในการทดสอบระดับสติปัญญา เขามีไอคิวสูงถึง 109 ซึ่งเหนือกว่าเด็กทั่วไป

          จึงน่าเสียดายยิ่ง ที่หากเขาเติบโตมาในสภาพที่ดีกว่านี้ เขาจะไปได้ไกลขนาดไหน หากแต่เขากลับใช้ความฉลาดของตนเองในทางก่อปัญหาตลอดเวลา

          อายุเพียง 13 ปี ชาร์ลก็เข้าสู่ด้านมืดแทบทุกแบบที่ทำได้ เช่น ปล้น จี้ ขโมยรถ ทั้งเสพกัญชา LSD กินเหล้า ฯลฯ

          กระทั่งโดนจับบ่อยครั้งและถูกส่งเข้าสถานพินิจ แต่นี่ก็ทำให้ชาร์ลได้ร่ำเรียนวิชาวายร้ายมากขึ้นไปอีก

          แต่ในขณะเดียวกัน ที่นี่ชาร์ลยังได้หัดเล่นกีตาร์อีกด้วย ซึ่งด้านนี้น่าจะเป็นด้านสว่างของชาร์ล เพราะเขาสามารถแต่งเพลงได้และมีความสามารถในด้านดนตรีมากเลยทีเดียว

          เสียดาย ที่ชาร์ลใช้ด้านนี้ในทางที่ผิด เพราะเมื่อเขามีสาวกเข้ามาติดตามมากมาย ท่ามกลางบรรยากาศบ้านเมืองแห่งยุคบุปผาชนที่อเมริกา ที่เสียงเพลงคือสื่อกลางแห่งความรัก

          และชาร์ลก็โลดแล่นในเส้นทางแห่งดนตรีและทักษะการเขียนเพลง และออกเดินทางตระเวนไปทั่วแคลิฟอร์เนีย ท่ามกลางความชื่นชมของเหล่าสาวก

          แต่สิ่งที่ชาร์ลส์ใช้กล่อม หรือ เป่าใส่สมองสาวก คือ แนวคิดการต่อต้านสงคราม และต่อต้านพระเจ้า และหันไปเชิดชูการใช้ชีวิตตามปรารถนา

          แต่นั่นยังไม่เลวร้ายเท่ากับ การที่เขาให้ LSD ให้กับผู้ที่มาร่วมเส้นทางทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิงที่ว่ากันว่ามีวัยรุ่นหญิงเข้ามาอยู่กับเขาจำนวนมากนับเกือบ 20 คน และทุกคนคือผู้หญิงของชาร์ล!

          กระทั่ง ทั้งหมดเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในชื่อ “ครอบครัวแมนสัน” Manson Family ที่รู้จักกันว่าเป็นกลุ่มที่เกิดขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนียปลายคริสต์ทศวรรษ 1960

19 พ.ย. 2560  ปิดตำนานเจ้าลัทธิเลือด!  มือฆ่าเมียผู้กำกับดัง

Charles Manson Family

          ช่วงปี 1968 ชาร์ลส์ได้รู้จักกับ เดนนิส วิลสัน มือกลองวง The Beach Boys วงดนตรีร็อกชื่อดังในยุค 60’s จากการแนะนำของผู้หญิงซึ่งเป็นสาวกของชาร์ลส์

          ชาร์ลย้ายมาอยู่กับเดนนิส หากเจ้าบ้านไม่ค่อยชอบพฤติกรรมชองชาร์ลเท่าไหร่ เพราะเขาเอาแต่ปาร์ตี้ เมายา แต่ด้วยความที่ชาร์ลมีพรสวรรค์ในการทำเพลง จึงจำยอม

          ที่สุด ชาร์ลส์ ก็มีโอกาสรู้จักกับบุคคลในวงการดนตรีที่มีชื่อเสียงมากมาย แถมยังช่วยงานในอัลบั้มของ “The Beatles” ในเพลง "Helter Skelter" อีกด้วย

          แต่อีกครั้งที่ชาร์ลเดินผิด เขากลับใช้เพลง Helter Skelter กล่อมเหล่าสาวกผิดๆ ว่าเนื้อเพลงนั้นมีสาส์นลับที่บอกถึงสงครามวันสิ้นโลกระหว่างคนผิวขาวและคนผิวดำ

          และเขาคือตัวแทนพระเจ้า ที่มีหน้าที่ผู้ยับยั้งไม่ให้คนผิวขาวต้องสูญสิ้น แล้วแผนร้ายของเขาก็เริ่มขึ้น โดยการฆ่าคนผิวขาวและป้ายความผิดไปให้กับคนผิวดำ

          ชาร์ลและสาวกฆ่าเหยื่อ เช่น "แกรี ฮินแมน” นักดนตรีที่ขายยาเสพติดเป็นงานเสริม ฆ่าเสร็จก็ใช้เลือดผู้ตายเขียนบนผนังเป็นสัญลักษณ์กลุ่มแบล็คแพนเธอร์ กลุ่มเรียกร้องสิทธิคนผิวดำหัวรุนแรงของอเมริกา

          จากนั้นเหยื่อก็เป็นคนที่มีความแค้นส่วนตัว เช่น โปรดิวเซอร์ที่ปฏิเสธไม่ให้ชาร์ลส์เข้าบันทึกเสียงด้วยเคยเห็นว่าชาร์ลเคยกระทืบ รปภ. ประจำสตูดิโอจนปางตาย

          แต่คืนที่ชาร์ลเข้าไปบ้านโปรดิวเซอร์คนนี้ กลับพบว่าโปรดิวเซอร์คนดังกล่าวนั้นย้ายออกไปนานแล้ว แต่ผู้ที่มาเช่าต่อนั้นคือ “โรมัน โปลันสกี้” ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังและดาราสาว “ชารอน เทต” ผู้เป็นภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน โดยเธอเป็นนักแสดงและนางแบบอเมริกันจากเรื่อง The Fearless Vampire Killers (1967)

19 พ.ย. 2560  ปิดตำนานเจ้าลัทธิเลือด!  มือฆ่าเมียผู้กำกับดัง

ชารอน เทต

          ช่างโชคร้ายที่วันนั้นโรมันไม่อยู่บ้าน มีเพียงภรรยาที่กำลังสังสรรค์กันอยู่กับเพื่อนๆ ของเธอ

          ชาร์ลเหี้ยมโหดถึงขนาดที่ว่า แม้จะไม่ใช่เป้าหมายของเขา แต่เขาก็ไม่เปลี่ยนใจ โดยเขาและพวกเริ่มลงมือสังหารทุกคนที่อยู่ในบ้านด้วยวิธีการที่ทรมานเหยื่อถึงขีดสุด

19 พ.ย. 2560  ปิดตำนานเจ้าลัทธิเลือด!  มือฆ่าเมียผู้กำกับดัง

สถานที่เกิดเหตุร้ายกับภรรยาผู้กำกับดังและเพื่อนของเธอ

          โดยรายของเมียผู้กำกับถูกแทงแบบไม่ยั้งกว่า 14 แผล และกรีดตั้งแต่หน้าอกลงมาถึงหัวหน่าวโดยที่ยังมีชีวิต ก่อนที่จะถูกไม้หวดกระหน่ำไปที่ศรีษะจนตาย

          และแมนสันแฟมิลี่ยังนำแปรงมาจุ่มเลือดของเธอและเขียนบนประตูบ้านว่า “หมูสกปรก”

          หลังจากนั้น ชาร์ลและพวกยังคงเที่ยวตระเวนก่อเหตุ โดยที่ตำรวจมืดแปดด้าน แต่มาจนมุมเพราะบังเอิญสาวกสาวของเขาคนหนึ่งติดคุกโดยเหตุหนึ่ง แต่เธอปากพล่อยไปเล่าถึงเหตุการณ์ฆ่าดาราซึ่งเป็นเมียผู้กำกับดัง เรื่องถึงหูผู้คุมเข้า ตำรวจจึงรวบตัวชาร์ลไว้ได้

19 พ.ย. 2560  ปิดตำนานเจ้าลัทธิเลือด!  มือฆ่าเมียผู้กำกับดัง

โปลันสกีและชารอน

          ที่สุดเขาถูกตัดสินผิดว่าเป็นผู้วางแผนฆาตกรรม ชารอน เทต ภรรยาของโรมัน โปลันสกีที่กำลังตั้งท้องได้ 8 เดือนกับเพื่อนอีกสามคนเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2512 และสองสามีภรรยา เลโน กับโรสแมรี ลาเบียงกา เมื่อวันที่ 10 ส.ค.2512

         รวมเหยื่อทั้งหมดของเขา 7 รายด้วยกัน

          เขาถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ก็ถูกลดลงเหลือจำคุกตลอดชีวิตหลังคำตัดสินในปี 2515 โดยศาลฎีกาแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตของรัฐ

          จนเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2560 ชาร์ล แมนสันได้เสียชีวิตลงในเรือนจำรัฐแคลิฟอร์เนียด้วยวัย 83 ปี

19 พ.ย. 2560  ปิดตำนานเจ้าลัทธิเลือด!  มือฆ่าเมียผู้กำกับดัง

          อนึ่ง สำหรับ โรมัน เรย์มอนด์ โปลันสกี คือ ผู้กำกับ นักเขียนบท และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชาวโปแลนด์ ภาพยนตร์ที่เขากำกับได้รับความชื่นชมทั้งด้านศิลปะ และประสบความสำเร็จด้านรายได้

          โดยภาพยนตร์เรื่อง The Pianist ปี 2545 เขาได้รับรางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม

          มีข้อมูลระบุว่า โปลันสกีเคยเขียนไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองว่า การเสียชีวิตของภรรยาคนที่สอง (ชารอน เทต) ทำให้บุคลิกภาพของเขาเปลี่ยนไป จากคนมองโลกในแง่ดี มีความหวัง

          กลายเป็นคนหดหู่ ไม่พอใจในชีวิต และมองโลกในแง่ร้าย เขาขายทรัพย์สินทุกชิ้นที่บ้านของเขาในเบเวอร์ลีฮิลส์ ลอสแอนเจลิส และย้ายไปใช้ชีวิตในยุโรป

          แต่เรื่องราวของโปลันสกีเองก็มีไฮไลท์ที่น่าติดตามไม่น้อยเหมือนกัน  โอกาสหน้าจะนำมาเล่าสู่กันฟัง

//////

ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย

ภาพ AFP

และ http://www.porjati.net/victims/2171-ubiytsvo-sheron-teyt.html

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ