ช่างน่าเศร้าใจ ที่ในเช้าของวันนั้น แทนที่ผู้คนจะได้มาทำบุญกันอย่างมีความสุข แต่ธูปตั้งโด่เด่อยู่บนพื้นกลับโค่นลงมา!!!
คนไทยหลายคนน่าจะจำข่าวนี้ได้ เพราะถ้าเป็นเรื่องของ อะไรที่เป็น “ที่สุดในโลกแล้ว” แปลว่า มันไม่ได้มีกันได้บ่อยๆ ดังนั้น หลายคนจึงมิอาจลืมไปง่ายๆ
กับข่าวร้ายที่ได้เกิดอุบัติเหตุธูปขนาดใหญ่ 3 ต้น ที่สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแก่พระร่วงโรจนฤทธิ์ ในโอกาสครบรอบ 84 ปี หน้าองค์พระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์วรมหาวิหาร จ.นครปฐม ล้มทับประชาชนทำให้มีคนเสียชีวิตทันที 5 คน บาดเจ็บ 13 คน!!
ช่างน่าเศร้าใจ ที่ในเช้าของวันนั้น แทนที่ผู้คนจะได้มาทำบุญกันอย่างมีความสุข เพราะงานวันคล้ายวันเกิด "พระร่วงโรจนฤทธิ์" ทางวัดพระปฐมเจดีย์จะจัดงานเป็นประจำขึ้นทุกปีในวันที่ 2 พฤศจิกายน
โดยในปีนั้น มีความพิเศษกว่าทุกๆ ปี เพราะทางวัดได้เปิดให้สาธุชนได้ร่วมบุญบูชาธูป (ดอกเล็กๆ ที่ใช้บูชาพระทั่วไป) เพื่อนำไปประกอบเข้าเป็น “ธูปยักษ์” จำนวน ๓ ดอก เพื่อไว้จุดถวายเป็นพุทธบูชาที่ด้านหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ ด้านทิศเหนือ
แต่แล้วในคืนก่อนวันงานคือวันที่ 1 พ.ย.2541 ได้มีฝนตกหนักทำให้น้ำหนักของธูปยักษ์เพิ่มขึ้นมากเป็นสาเหตุให้ธูปล้มลง!!
แถมยังโชคร้ายสุดๆ เมื่อธูปยักษ์นั้นได้่ล้มในตอนสายซึ่งมีผู้คนมาร่วมงานจำนวนมาก จึงส่งผลให้มีผู้เสียดังกล่าว อดคิดไม่ได้ว่า ขนาดเป็นเช้าวันจันทร์ ยังสูญเสียขนาดนี้ หากเป็นเช้าของวันหยุดจะสูญเสียมากขนาดไหน!!
ภาพจากข่าวช่อง 7
ทั้งนี้ นอกจากความตกใจ สลดใจ เสียใจ แล้ว คนไทยหลายคนยังมีความไม่พอใจเกิดขึ้นด้วย โดยบางส่วนยังรู้สึกว่า การก่อสร้างอะไรที่เป็นที่สุดในโลกนั้น ไม่ควรมีขึ้น
ยิ่งสำหรับสิ่งก่อสร้างใหญ่โต ที่ควรให้ความสำคัญทางโครงสร้างวิศวกรรมอย่าง “ธูปยักษ์” นี้ ก็ยิ่งควรมีการดูแลอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ มีข้อมูลจากวิศวกรรมสถานแห่งประทเศไทย โดย รศ.ดร.วัชรินทร์ กาสลัก ระบุว่า งานก่อสร้างบางชนิดเป็นงานที่ไม่ต้องขออนุญาต เพียงแต่แจ้งให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบเท่านั้น
“โดยเฉพาะการก่อสร้างของวัด ส่วนใหญ่จะไม่มีแบบก่อสร้างที่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม วัดมักให้ช่างรับเหมาทำไปตามแต่ที่ช่างเห็นสมควร ทั้ง ๆ ที่อาคารของวัดส่วนใหญ่เป็นอาคารสาธารณะซึ่งเป็นงานวิศวกรรมควบคุมตามกฎกระทรวงฉบับวันที่ 30 พฤศจิกายน 2550 ที่ออกตาม พรบ. วิศวกร พ.ศ. 2542”
สำหรับ กรณีธูปยักษ์ถล่ม นี่คือ การวิบัติของสิ่งก่อสร้างที่น่ากลัวมาก โดยเป็นธูปขนาดยักษ์ถึง 3 ดอก แต่ละอันมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 เมตร ต้นกลางสูง 27 เมตร อีกสองต้นสูง 24 เมตร และยังว่ากันว่า ธูปนี้มีน้ำหนักกว่า 10 ตัน!!
ภาพจากข่าวช่อง 7
แถมวิธีการทำให้ธูปตั้ง คือ ใช้น็อตยึดไว้กับพื้น และมีลวดสลิงช่วยยึดด้วย ตัวธูปเป็นโครงเหล็กมีธูปจริงติดโดยรอบ และนำธูปที่ประชาชนนำมาบูชาใส่เข้าไปตรงกลาง
แน่นอนจนเมื่อคืนก่อนวันงานที่ธูปได้แบกอุ้มเอาน้ำฝนไว้จำนวนมาก น้ำหนักของธูปยักษ์จึงเพิ่มขึ้นมาก และเป็นสาเหตุให้ธูปล้มลง
แต่อีกมุมหนึ่ง ก็ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันว่า สาเหตุที่ธูปล้มเพราะสูงเกินไป แต่บางคนระบุว่า ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ “ความสูง” แต่อยู่ที่ “ความลึก” ต่างหาก
ยกตัวอย่างตึกสูงทั้งหลาย ล้วนมีเสาเข็มที่ปักลงไป แทบจะลึกเท่ากับความสูงของตึกทั้งนั้น
ในขณะที่ธูปยักษ์หน้าพระปฐมเจดีย์ มีแต่ความสูงไม่มีความลึก มันตั้งโด่เด่บนพื้นเท่านั้น มันจึงโค่นลงมา
แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุใด หลังจากนั้นไทยจึงมีกฎกระทรวงฉบับวันที่ 30 พฤศจิกายน 2550 ระบุให้ศาสนวัตถุที่มีความสูงตั้งแต่ 6 เมตรขึ้นไปเป็นงานวิศวกรรมควบคุมที่ต้องออกแบบ และควบคุมการก่อสร้างโดยวิศวกรโยธา
เว้นเสียแต่ว่า เรื่องอะไรก็ตามที่เป็น “ที่สุดในโลก” ยังไม่เคยหมดไปจากประเทศไทยเสียที
//////////////
ขอบคุณข้อมูลจาก EITPRBlog วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง