อุบัติเหตุเรือขบวนแห่ของชาวมุสลิม จากงานบุญ ที่กลายเป็นงานโศก และความสูญเสียประเมินค่าไม่ได้!!
ช่วงวันนี้ของ 2 ปีก่อน หรือตรงกับวันที่ 18 ก.ย. 2559 มีโศกนาฏกรรมเรือล่มครั้งร้ายแรงครั้งหนึ่ง ที่คนไทยยังนึกสลดใจทุกครั้งที่พูดถึง
นั่นคือ อุบัติเหตุเรือขบวนแห่ของชาวมุสลิม ที่เดินทางมาจากตลาดขวัญ จังหวัดนนทบุรี มุ่งหน้ามัสยิดตะเกี่ย ต.คลองตะเคียน อ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อร่วมงานบุญประจำปีของชาวมุสลิมของอำเภอพระนครศรีอยุธยา เกิดล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณที่ท่าน้ำหน้าวัดสนามไชย หมู่ 9 ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยสาเหตุนั้นเพราะ เรือที่เกิดเหตุ ซึ่งมีชื่อว่า "เรือสมบัติมงคลชัย" ได้ไปชนเข้ากับเขื่อนริมตลิ่ง แล้วล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหมู่ 7 ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา
ที่น่าสะเทือนใจคือ ด้วยเหตุที่ลักษณะของเรือเป็นสองชั้น แล้วค่อยล่มเอียงลงแม่น้ำ ทำให้นักท่องเที่ยวประมาณ 100 กว่าคน หนีตายกันอลม่าน ส่งผลให้คนไทยเศร้าสะเทือนใจไปทั่วประเทศ!!
ที่สุด เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าทำการช่วยเหลือ พบเรือโดยสารขนาดใหญ่สีขาว 2 ชั้น ชื่อเรือสมบัติมงคลชัย อยู่ในสภาพเอียงขวา จมอยู่ในแม่น้ำมิดชั้นที่ 1 ผู้โดยสารชาย-หญิง ที่นั่งมากับเรือต่างพากันหนีตายอย่างอลหม่าน บางส่วนกระโดดลงน้ำลอยคอ สิ่งของสัมภาระลอยเกลื่อนท่ามกลางกระแสน้ำไหลเชี่ยว
จนเมื่อตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า เรือลำดังกล่าวเป็น 1 ใน 15 ลำ ซึ่งถูกว่าจ้างให้มารับผู้โดยสารซึ่งเป็นชาวมุสลิม ในพื้นที่ 3 ตำบล คือ ต.สำเภาล่ม และ ต.ประตูชัย ไปทำกิจกรรมพบปะสังสรรค์ตามประเพณีที่ถือปฏิบัติกันมานาน โดยจะล่องเรือจากมัสยิดตำบลหนึ่งไปอีกตำบล
โดยก่อนเกิดเหตุขบวนเรือทั้งหมดล่องเรือกันมาตั้งแต่ช่วงเช้า จนถึงช่วงที่จะเดินทางกลับผ่านหน้าวัดสนามไชย มีเรือบรรทุกแล่นสวนทางมาในร่องน้ำเดียวกัน ทำให้คนขับเรือหักหลบ แล้วเสียหลักพุ่งชนแพท่าน้ำอย่างแรง โดยชนกับตอม่อสันเขื่อนหน้าวัดสนามไชย ส่งผลให้ตัวเรือเอียงและอับปางลงในที่สุด
ทั้งนี้ ข่าวระบุว่า คนขับเรือซึ่งมีอายุ 60 ปี ให้การว่า เมื่อขับเรือมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นช่วงทางโค้ง มีกระแสน้ำไหลแรง มีเรือบรรทุกสินค้าแล่นสวนทางพุ่งเข้ามา จึงพยายามหลบกระแสน้ำไหล ทำให้บังคับเรือไม่ได้พุ่งเข้าชนแพท่าน้ำจนเรือจมลงดังกล่าว
โดยเจ้าหน้าที่ค้นหาร่างผู้เสียชีวิต 2 วัน และก็สั่งยุติการค้นหาในวันที่ 20 ก.ย. พร้อมสรุปยอดผู้เสียชีวิตที่งมขึ้นมาได้ 28 ราย โดยศพสุดท้ายที่นำขึ้นมาได้คือ ทองใบ ขันธรักษ์ อายุ 89 ปี ซึ่งพบลอยอยู่ใกล้กับโบสถ์โยเซฟ ห่างจุดเกิดเหตุ 5 กิโลเมตร
อย่างไรก็ดี จากงานบุญ ที่ใครจะคิดว่าได้กลายเป็นงานโศก ที่สุดแล้ว ขณะที่เรากำลังถามหาถึงความรับผิดชอบ ที่ทำให้ความสูญเสียอย่างประเมินค่าไม่ได้
ซึ่งสิ่งนี้ เกิดจากความประมาทของคนไม่กี่คน ทั้งคนขับเรือที่ตรวจสอบแล้วพบว่า คนขับเรือลำดังกล่าวมาด้วยความเร็ว และมักจะแซงขบวนเรือที่แล่นมาด้วยกันอยู่ตลอด จนที่สุดไม่สามารถควบคุมเรือได้ เมื่อถูกกระแสน้ำของเรือที่สวนมา
ตลอดจนเจ้าหน้าที่ประจำเรือ ที่ไม่จำกัดผู้โดยสาร โดยอัดเข้าไปร่วม 120 คน จากที่กำหนดไว้ 50 คนเท่านั้น แถมยังไม่ได้เตรียมเสื้อชูชีพให้เพียงพอตามมาตรฐานความปลอดภัย
ปรากฏว่า ระหว่างนั้น ยังมีการเผยแพร่ภาพคลิปข่าวที่โซเชียล ได้แชร์คลิปที่มีผู้ถ่ายภาพนาทีระทึกเหตุการณ์เรือสมบัติมงคลชัยทับทิมประสบอุบัติเหตุล่มกลางแม่น้ำเจ้าครั้งนั้นไว้ได้ ซึ่งสร้างความสะเทือนใจแก่คนไทยเป็นอันมาก
โดยเป็นคลิปนาทีชีวิตตอนที่เรือลำนั้นล่มลงที่หน้าวัดสนามไชย โดยผู้รอดชีวิตนหนึ่ง ที่เป็นวิดีโอซึ่งเห็นผู้โดยสารซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กเล็กต่างกรีดร้องด้วยความตกใจ ช่วงที่เรือเริ่มเอียง โดยมีผู้ชายคนหนึ่งลุกขึ้นตะโกนบอกให้ทุกคนนั่งลง จากนั้นเรือก็เริ่มเอียงมากขึ้น เสียงกรีดร้องก็ยิ่งดังมาก ก่อนที่คลิปจะตัดไป (ขออนุญาตไม่นำเสนอคลิปดังกล่าวไว้ ณ ที่นี้)
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์นี้ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) จึงได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่องวิธีการเอาตัวรอดเมื่อเรือล่ม โดยระบุว่า ให้ลูกหลานเรียนว่ายน้ำ ดูสภาพเรือว่าไหวไหม ดูตัวเลขจำนวนผู้โดยสารที่ข้างเรือ ดูความเป็นจริงที่เห็นตรงหน้า ดูสภาพอากาศ คลื่น ลม พายุ อย่าฝากชีวิตไว้กับคนอื่น ตัดสินใจด้วยตัวคุณเอง
เมื่อลงเรือ ใส่ชูชีพเถิด ถ้าไม่มี ก็ต้องหาให้ได้ ถามคนขับว่าอยู่ไหน เป็นกฎของกรมเจ้าท่าว่าต้องมีชูชีพพอสำหรับผู้โดยสารทุกคน ดูสภาพชูชีพว่าเหมาะสมต่อการใช้ ลอยได้แน่ มีนกหวีด ฯลฯ หากเป็นเด็ก ก็ควรมีชูชีพเด็ก (เตรียมไปเอง)
ดูทางหนีทีไล่ เรือไม่ใช่เครื่องบิน ไม่มีใครสอนว่าทางออกฉุกเฉินอยู่ตรงไหน เราต้องระวังเอง ทางออกง่ายสุดคือข้างเรือที่โล่ง แน่นอนว่าเราไม่อยากตากแดด แต่จากจุดที่เรานั่ง ลองคิดวิธีว่าจะทำไงให้พุ่งออกไปนอกเรือเร็วสุด (ผมคิดทุกครั้งที่ลงเรือ เจอเหตุเร้าใจบ่อยฮะ) สังเกตเชือกหรืออะไรที่รุ่มร่าม หลีกเลี่ยงบริเวณนั้น เลือกที่นั่งออกง่ายสู่ที่เปิดโล่ง ตั้งสติตอนเรือเข้าออกจากท่า อุบัติเหตุมักมาในเวลาคาดไม่ถึง เรียกคนที่เป็นห่วงไว้ใกล้กันตอนเรือเข้าออกท่า หรือมองดูไว้ว่าอยู่ตรงไหน หากพบอะไรผิดปรกติให้รีบแจ้งคนเรือ
เมื่อเกิดเหตุ ตั้งสติ อย่าพุ่งไปทางเดียวกัน (เรือโคลงแล้วคนจะแห่กันมาอีกทาง ทำให้พลิกคว่ำ) ออกจากเรือให้เร็วที่สุด อย่ามัวแต่กรี๊ด อย่าเพิ่งรีบลงน้ำ ดูให้มั่นว่าเรือจมแน่ แต่ต้องอยู่ในที่โล่ง หาของที่ลอยน้ำได้มาไว้ใกล้ตัว
หากเป็นในทะเล มีน้ำดื่มติดตัวเสมอ ออกในทางใกล้ฝั่งเข้าไว้ อย่าออกไปทางด้านไกลฝั่ง เราอาจว่ายน้ำไม่ถึง อย่าว่ายสวนกระแสน้ำเพราะเราสู้ไม่ไหวหรอก ปล่อยตัวลอยไปแล้วว่ายตัดเฉียงเข้าหาตลิ่ง ดูก่อนว่าตลิ่งตรงที่เราเข้าไปขึ้นไหวไหม บางทีเป็นฝั่งหินชัน มีคลื่นกระแทกชนหิน
อย่าเข้าไปท้ายเรือ เพราะเครื่องอาจทำงานอยู่ ใบพัดอาจหมุน ถ้ามั่นใจว่าจมแน่ ออกไปให้ห่างเรือเพราะเรืออาจครอบหรือพลิกคว่ำลงมาฟาดกบาลเราจนหมดสติได้ อย่าเข้าไปช่วยคนแบบตัวเปล่า หาของลอยน้ำส่งไปให้เขาเกาะ หรือใส่ชูชีพแล้วเข้าไปช่วย
ช่วยตัวเองให้มั่นใจแล้วค่อยช่วยคนที่ดูแลตัวเองไม่ได้ สุดท้าย อย่าหวังพึ่งคนอื่น ที่นี่ประเทศไทย ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เอาแบบคร่าวๆ ก่อนครับ เผอิญหมดเวลาเขียนแล้ว เพื่อนธรณ์อยากเพิ่มเติมอะไร เชิญครับ ขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียทุกท่านครับ
สายด่วนกรมเจ้าท่า 1199 แจ้งได้หากพบเหตุหรือเจอเรือผิดระเบียบ”
////////
ภาพจาก : กู้ภัยเสนา 004 , เปิ๊ล พีอาร์, ตม.อยุธยา, ทีมข่าวอาชญากรรม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง