ผ่านมาสองปีแล้ว ใครยังเล่นอยู่บ้าง...ตอบ!!
ทุกวันนี้ เกมฮิตอย่าง โปเกมอน โก ยังคงฮิตติดอันดับหรือไม่ขนาดไหน เรารู้ดี
เพราะทำให้นักวิเคราะห์หลายคนที่บอกว่า เกมนี้จะไม่เป็นเกมที่เป็นเพียงกระแสวูบวาบที่มาแล้วหายไป แต่จะเป็นเกมที่มีผู้เล่นอยู่ยาวนาน
โดยเฉพาะผู้เล่นที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไปจะรู้สึกสนุกและเข้าถึงเกมนี้ เพราะเติบโตมาในช่วงที่เกมโปเกม่อนโด่งดัง
กูรูเหล่านี้น่าจะม้วนเสื่อกลับบ้านไปเงียบๆ กันหลายคนแล้ว
แต่ถ้าจะพูดถึงความแรงหลังเปิดตัว ต้องยอมใจเลยว่าเกมนี้เขาติดอันดับเกมที่ทำเอาวงการเกมเมอร์สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นก็ว่าได้
เพราะเพียงวันแรกที่เกม “โปเกม่อน โก” (Pokémon GO) เปิดให้ผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือของไทยดาวน์โหลดมาใช้งาน ซึ่งตรงกับวันนี้เมื่อ 2 ปีก่อน พบว่ามีกระแสตอบรับอย่างท่วมท้น เกินกว่าที่ใครจะต้านทานไว้ได้
เพราะทันทีที่ลูกเล็กเด็กแดง ยาวมาจนวัยรุ่นตอนปลายๆ ดาวน์โหลดมาในเครื่องโทรศัพท์ ปรากฏว่า ทุกคนก็พากันกำลังไล่จับโปเกม่อนกันวุ่น
เราคงยังไม่ลืมภาพของผู้คนที่จับกลุ่มกันทำท่าแปลกๆ ตามมุมถนน ตามแหล่งชอปปิง หรือบางคนวิ่งตัดหน้ารถก็มี เพราะต้องการจับเจ้าตัวการตูนหน้าตาประหลาดๆ ที่มีตัวตนอยู่ในโลกเสมือนตัวนี้
สำหรับคนที่ก่งก๊ง ยังงงมาจนสองปีผ่านมาแล้วว่า เกมนี้คืออะไร? เป็นมายังไง? ต้องบอกว่าอาจเข้าข่ายตกยุคซ้ำซ้อนไปนิด
งั้นมาทำความรู้จักเจ้าเกมนี้อีกครั้ง เผื่อใครอยากจะลองกลับไปเล่นอีกซักครั้ง เพื่อสัมผัสรสชาติของความสนุกแบบไม่ต้องเลียนแบบใคร
เกมนี้มีการเปิดให้ดาวน์โหลดฟรีอย่างเป็นทางการบน App Store และ Play Store ที่ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ เป็นสามที่แรก ช่วงวันที่ 6 กรกฎาคม 2559
นับจากวินาทีนั้น ใครๆก็มิอาจต้านทานความแรงของของกระแสความนิยมเกมนี้ที่ลามเร็วยิ่งกว่าไวรัส โดยผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์ Pokémon GO กลายเป็นเกมมือถือที่ใช้งานแอ็กทีฟมากที่สุดในอเมริกา โดยมียอดผู้ใช้งาน 21 ล้านคน แซงหน้าเกม Candy Crush Saga ที่มีผู้ใช้สูงสุดอยู่ที่ 20 ล้านคน
แม้แต่บริษัทผู้พัฒนาเกมเอง ยังต้องร้อง “สุดยอดปรอทแตก!” เพราะเกินคาดว่ากระแสตอบรับจะทะลักล้น เขย่าโลกันตร์ จนต้องขยายไปประเทศอื่นๆ ตามมา เช่น อังกฤษในวันที่ 14 กรกฎาคม, อิตาลี สเปน โปรตุเกส วันที่ 15 กรกฎาคม และอีกถึง 26 ประเทศ ในวันที่ 16 กรกฎาคม (ปี 2559)
กระทั่งมาบ้านเราเอาหลังจากเปิดตัววันแรกแค่เดือนเดียว ซึ่งหลายคนคงจดจำภาพของความฮิตกระหึ่มเมืองไปแล้วว่าช่างมโหฬารงานสร้างขนาดไหน!
ที่มาของเกมโปเกมอนโกนี้ เริ่มจากแนวคิดโปรเจกต์ Pokémon Challenge ที่ทาง Nintendo ได้ร่วมกับ The Pokemon Company ในวัน April Fools’ Day เมื่อปี 2014 ซึ่งตอนนั้นกลายเป็นกระแสไวรัลที่ฮือฮามากๆ เช่นกัน
จากนั้นจึงเริ่มพัฒนามากเป็นเกมนี้ ภายใต้การผนึกกำลังของ 4 บริษัท ได้แก่ Pokemon (เจ้าของลิขสิทธิ์การ์ตูน), Nintendo (บริษัทที่ทำเกม Pokemon มาแต่เดิมและผู้ให้ทุนสนับสนุน Pokemon Go), Niantic Labs (ผู้พัฒนาหลัก Pokemon Go) และ Google (ผู้ให้ทุนสนับสนุน Pokemon Go)
และเพื่อไม่ให้ตกยุคมากไปกว่านี้ หากใครหลุดถามออกมาว่า เกมนี้เล่นยังไง ง่ายๆ เลยคือ หลังจากดาวน์โหลดด้วยสมาร์ทโฟนมาแล้ว เราซึ่งเรียกว่า “เทรนเนอร์” จะเป็นผู้ตามล่าตัว “โปเกมอน” ที่จะปรากฏตัวหน้าจอสมาร์ทโฟน ตามสถานที่ต่างๆ ที่กล้องของโทรศัพท์จับภาพได้
โดยมีการเชื่อมต่อกับแผนที่นำทาง แอพ google map ซึ่งนักล่า “โปเกมอน” (หรืออาจเรียกว่า “มอนสเตอร์”) นั้นจะต้องเดินทางไปที่ “Poke Stop” เป็นเสาสีฟ้า หรือจุดเช็คอินสถานที่สำคัญๆ ในบริเวณนั้น เพื่อเก็บลูกบอลเอาไว้ปาใส่ตัวมอนสเตอร์ และสะสมไอเท็มต่างๆ เช่น ยาเพิ่มเลือด, ไข่ จนเมื่อเราเดินไปเจอโปเกม่อน ตามสถานที่ต่างๆ แผนที่ก็จะแสดงรูปโปเกม่อนนั้นๆ ขึ้นมา เราก็แค่เดินเข้าไปใกล้ โปเกม่อนนั้น และใช้นิ้วจิ้มที่ตัวโปเกม่อนบนมือถือ เพื่อทำการจับมัน
วิธีการจับ คือใช้นิ้วปาดขึ้น เหมือนเป็นการโยน Poke Ball ออกไป ซึ่งความเร็วและทิศทางในการปาดนิ้ว ก็จะมีผลต่อทิศทางและแรงของ Poke Ball ที่โยนออกไปเช่นกัน
ถึงตรงนี้หากถามว่าเล่นแล้วได้อะไร สำหรับผู้ผลิตแน่นอนว่ารายได้ของพวกเขาจะมาจากการไล่ซื้อไอเท็มในเกมของผู้เล่น
แต่หากถามว่าผู้เล่นได้อะไร แน่นอนเสน่ห์ของเกมนี้ หากในเชิงเทคนิคแล้ว ต้องบอกว่าเกมนี้ ใช้เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) หรือความเป็นจริงเสริม คือ การนำข้อมูลดิจิทัล ที่ถูกจำกัดให้อยู่แต่ในโลกของคอมพิวเตอร์ ออกมาซ้อนอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่ง Pokemon Go ผ่านสมาร์ทโฟน ทำให้เราได้เห็นภาพตัว Pokemon มายืนตัวเป็นๆ อยู่ตรงหน้า บ้างก็ยืนยิ้มอยู่บนทางเท้า
แต่ที่มากกว่าเรื่องเทคนิค อันเป็นเสน่ห์พื้นๆ ที่ได้เลยก็คือ “ความสนุก!!” เพราะเกมนี้จะนอนเล่นอยู่บนโซฟาที่บ้านไม่ได้ แต่ต้องลุกออกมาเดิน ราวกับแมวน้อยวิ่งเล่นสำรวจเมืองเลย โดยระหว่างวิ่งก็จะมีตัวบันทึกเก็บระยะทาง ให้ครบสำหรับการฟักไข่โปเกมอนนั่นเอง ซึ่งระยะทางก็มีตั้งแต่ 2 กม. 5 กม. 10 กม. โดยมีการจำกัดความเร็วไม่ให้เกิด 20 กิโลเมตรต่อขั่วโมง
นอกจากนี้ยังได้ได้ฟีลลิ่งของการไล่ล่า การผจญภัย การต่อสู้ ที่จะมีการตียิม (GYM) ของทีมคู่แข่ง ซึ่งความสนุกอยู่ตรงที่การได้เจอเพื่อนใหม่ที่อยู่ทีมเดียวกัน จากการช่วยกันไปตียิมคู่ต่อสู้ ทำให้เกิดคอมมูนิตี้ในโลกจริงได้
แถมยังมีความน่าสนใจของบรรดาตัวโปเกม่อน ที่ถูกใจเหล่าเกมเมอร์ เพราะแหล่งกำเนิดโปเกมอนแต่ละสายพันธุ์นั้นแตกต่างกันไป เช่น โปเกมอนพิษ เกิดตามแหล่งอุตสาหกรรม โรงงาน, โปเกมอนดิน หิน เกิดตามพื้นที่เพาะปลูกหรือป่า, โปเกมอนทั่วไป เกิดตามที่พักอาศัย
ยังมีโปเกมอนภูต เกิดตามแลนด์มาร์ค และชายทะเล, โปเกมอนมังกร เกิดตามสนามกอล์ฟ, โปเกมอนพลังจิต เกิดตามโรงพยาบาล และที่พักอาศัยตอนกลางคืน, โปเกมอนน้ำ เกิดตามสวนสาธารณะ และแหล่งน้ำ รวมๆ แล้วมีโปเกม่อนให้ออกไล่ล่านับร้อยตัว โอ้วแม่เจ้า!!!
อย่างนี้เราจึงได้เห็นภาพของวัยรุ่น ตลอดจนเกมเมอร์เกือบทุกวัย ที่พากัน เดินดุ่มไปทั่วตามสถานที่ต่างๆ และก้มมองโทรศัพท์ไปด้วย ไม่เว้นแม่แต่ศาลพระพรหมเอราวัณก็มี!
อย่างไรก็ดี เกมนี้ค่อนข้างอันตราย ไม่ใช่ตัวเกม แต่เป็นตัวเราเองที่อาจวิ่งไล่ล่าเจ้าตัวการ์ตูนนี้อย่างม่ระมัดระวัง พลาดท่าไปเจออุบัติเหตุเอาได้
ผ่านมาสองปีแล้ว ใครยังเล่นอยู่บ้าง...ตอบ!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง