สลดทั้งประเทศ! สาวท้อง...วูบตกรางแอร์พอร์ตลิงค์ดับ!!

          ข่าวเศร้าที่สุดข่าวหนึ่งของคนไทย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2560 หรือวันนี้ของปีก่อน คือ เหตุที่ผู้โดยสารหญิง อายุประมาณ 30 ปี พลัดตกรางที่สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ จนเสียชีวิต

          และยิ่งซ้ำร้ายเข้าไปอีกคือ เธอกำลังอุ้มท้องลูกในครรภ์อีกด้วย!

          เหตุร้ายนี้เกิดขึ้นในช่วงราวหกโมงเช้า โดยจากภาพกล้องวงจรปิด ซึ่งมีการเปิดเผยต่อข่าวสารหลังจากที่สาวท้องคนดังกล่าวพลัดตกและเสียชีวิตไปแล้ว เป็นภาพคลิปที่สะเทือนใจคนที่ได้เห็นอย่างยิ่ง

          นั่นคือ ภาพของผู้หญิงท้องที่อยู่ๆ ก็เดินเซไปข้างหน้า จนพลักตกไปบนรางรถไฟฟ้า สถานีแอร์พอร์ตลิงก์บ้านทับช้าง แขวงและเขตประเวศ กทม. บนชานชาลาชั้น 3ท่ามกลางความตะลึงงันของผู้คนที่อยูในเหตุการณ์ และความลังเลที่จะลงไปช่วยเหลือ เนื่องจาก รถไฟฟ้ากำลังมุ่งหน้ามาที่ร่างซึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนรางรถไฟดังกล่าว

          โดยตอนแรกผู้เสียชีวิตมองขบวนรถที่กำลังเข้ามาที่สถานี เมื่อใกล้ถึงชานชาลา แล้วเดินตรงไปข้างหน้าสามก้าว ก่อนหล่นลงไปบนราง จนรถไฟทับเสียชีวิต

          ข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำชานชาลา พยายามกดปุ่มหยุดรถฉุกเฉินที่ชานชาลา และพนักงานควบคุมรถไฟกดปุ่มหยุดรถฉุกเฉินแล้ว แต่คาดว่ารถไม่สามารถหยุดได้ทัน จึงเคลื่อนมาทับเธอในที่สุด ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของผู้คนที่เห็นภาพนั้น

          จนกระทั่งเวลา 07.29 น.รถพยาบาลได้มาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งพบว่าผู้หญิงคนนั้นได้เสียชีวิตแล้ว

          อย่างไรก็ดี แม้เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าผู้เสียชีวิตคือใคร และพลัดตกโดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ แต่จากภาพจากกล้องวงจรปิด ยังพบว่า ผู้เสียชีวิตยืนอยู่เพียงคนเดียว ไม่มีการดัน หรือผลัก และไม่มีอาการล้ม หรือสะดุดอะไรทั้งสิ้น เธอเพียงเดินเซและล้มลงไปบนรางเท่านั้น

          แต่ภายหลัง รายงานข่าวระบุว่าเธอคือ น.ส.รสรินทร์ เปลี่ยนหล้า อายุ 31 ปี ภูมิลำเนาอยู่ อ.เวียงสา จ.น่าน เธอเป็นพนักงานบัญชีย่านสีลม และกำลังตั้งครรภ์อยู่มีอายุครรภ์ 6 เดือน!!

          ทั้งนี้ เดิมทีมีพยานได้ให้การสองกระแส คือ พยานบริเวณรางรถไฟระบุว่าเห็นผู้ตายวูบตกลงไปในรางอย่างรวดเร็ว แต่เจ้าหน้าที่รถไฟฟ้าที่ยืนยันว่า ตรวจกล้องวงจรปิดแล้ว พบว่าผู้ตายไม่มีใครยืนใกล้ๆ และมีการมองไปที่รถไฟก่อนที่จะก้าวประมาณ 3 ก้าว ลงไปบนราง

          อย่างไรก็ดี ที่สุด สามีของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ผู้ตายกำลังตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน เพิ่งทำอัลตร้าซาวน์และทราบว่าลูกในครรภ์เป็นผู้ชาย ผู้ตายมักมีอาการปวดศีรษะและวูบอยู่เป็นประจำ เนื่องจากเป็นการตั้งท้องลูกคนแรก เชื่อว่าเป็นสาเหตุทำให้เสียหลักพลัดตก เพราะระหว่างอยู่ในสถานีไม่มีอาการเครียด เนื่องจากในมือยังถือแอปเปิ้ล ครอบครัวยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาใดๆ

          สอดคล้องกับรายงานข่าวที่ว่า ผู้ตายยืนรอรถไฟฟ้ากับผู้โดยสารคนอื่นๆ ซึ่งยืนอยู่เป็นคนแรกด้านหน้า ระหว่างนั้นท่าทีเหมือนกับการชะโงกดูรถ ก่อนจะมีอาการคล้ายคนเสียหลักเดินถลาตกลงไปในราง ซึ่งศีรษะได้ไปกระแทกกับรางรถไฟฟ้าอย่างแรงจนแน่นิ่ง ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่แพทย์นิติเวชบอกว่ากระโหลกผู้ตายเปิด ซึ่งผู้ตายน่าจะมีการดูแลตัวเองขณะตั้งครรภ์อย่างดี มีเข็มกลัดติดชุดคลุมท้องตามความเชื่ออย่างดี เตรียมผลไม้แอปเปิ้ลไว้รับประทานเพื่อเพิ่มวิตามินซีและยังเป็นอาหารที่มีเส้นใยทำให้ย่อยง่าย ประกอบกับดูวงจรปิดลักษณะเป็นการชะโงกดูแล้วน่าจะเกิดการเสียหลัก หรือหน้ามืดจนทำให้เกิดเหตุการดังกล่าวขึ้นได้

          ขณะที่ข่าวล่าสุดช่วงวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา นายวีระ เปลี่ยนหล้า พ่อของนางสาวรสรินทร์ พร้อมกับทนายความ เดินทางไปยังศาลจังหวัดพระโขนง ถ.สรรพาวุธ กทม. เพื่อยื่นฟ้อง บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์), การรถไฟแห่งประเทศไทย, กระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นจำเลยที่ 1-4 เรียกค่าเสียหายรวม 30 ล้านบาท

          โดยพ่อของ น.ส.รสรินทร์ ผู้เสียชีวิตกล่าวว่า ที่มาวันนี้เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายเยียวยา เนื่องจากที่ผ่านมาเคยเรียกร้องไปยังแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ แล้ว ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงตอนนี้ ได้เพียงเงินชดเชยประกันอุบัติเหตุผู้โดยสารจำนวนเพียง 4 แสนบาท ทุกวันนี้ยังคงมีความทุกข์ และรู้สึกคิดถึงลูกสาวอยู่ตลอดเวลา

          ด้านทนายความระบุว่าค่าเสียหายดังกล่าวเป็นเงินค่าเสียโอกาสของโจทก์ (ผู้ฟ้อง) ที่ผู้ตายจะได้เลี้ยงดูบิดา มารดา ค่าทนทุกข์ทรมานจิตใจตลอดชีวิต ค่าเสียหายสุขภาพอนามัยที่โจทก์ต้องสูญเสียลูกสาวและหลานชายในครรภ์ไป และเพื่อไม่ให้เกิดเหตุสลดเช่นนี้ขึ้นอีก โจทก์ขอให้ศาลออกคำสั่งจำเลย (รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์) ทำเครื่องกั้นบนชานชาลา พร้อมมี รปภ. อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร

          ที่สุด ศาลรับฟ้อง และนัดเจรจาไกล่เกลี่ยกันในวันที่ 23 ก.ค. ที่จะถึงนี้ ซึ่งเราคงต้องติดตามดูกันต่อไป

          อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุ คนไทยผู้ใช้รถไฟฟ้าจึงเพิ่งได้เห็นประตูกั้นชานชาลาในหลายชานชาลาอยู่ขณะนี้ โดยส่วนใหญ่พบที่สถานีที่มีผู้คนใช้บริการจำนวนมาก

          หากแต่เราขอให้มีทุกสถานีได้หรือไม่?

          ขอไว้อาลัยอีกครั้ง แด่ น.ส.รสรินทร์ เปลี่ยนหล้า และลูกน้อยของเธอ...

///////////

ขอบคุณภาพจาก

นคร 45 ร่วมกตัญญู