เวลานั้น นอกจากประชาชนจะไม่พึงพอใจแล้ว ทางฝ่ายนักการเมืองด้วยกัน ยังแตกแยกเกิดเป็น พรรคเทพ กับพรรคมาร อีกด้วย!!
***************************
ถ้าใครยังจำเหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ” ได้ดี จะต้องนึกถึงเหตุการณ์ช่วงก่อนหน้านั้น ที่จะเรียกได้ว่านำมาสู่ม็อบที่เรียกอีกชื่อว่า “ม็อบมือถือ” ก็ได้
นั่นคือ เหตุการณ์ที่นับย้อนไปในเดือน มี.ค. ปีเดียวกัน หรือ วันนี้ของ 26 ปีก่อน ที่ประเทศไทยช่วงหลังจากร่างรัฐธรรมนูญสำเร็จ ก็ได้มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535
โดยพรรคที่ได้จำนวนผู้แทนมากที่สุดคือ พรรคสามัคคีธรรม ได้ถึง 79 คน จึงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และได้มีการรวมตัวกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ดังนี้
1.พรรคชาติไทย 2.พรรคกิจสังคม และ 3. พรรคราษฎร จากนั้นก็ได้เตรียมเสนอ นายณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรมในฐานะหัวหน้าพรรคที่มีผู้แทนมากที่สุด ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
นายณรงค์ วงษ์วรรณ
แต่ปรากฏว่า ทางโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา นางมาร์กาเร็ต แท็ตไวเลอร์ ได้ออกมาประกาศว่า นายณรงค์ นั้นเป็นผู้หนึ่งที่ไม่สามารถขอวีซ่าเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้ เนื่องจากมีความใกล้ชิดกับนักค้ายาเสพติด
ในที่สุด แทนที่การเลือกตั้งจะดำเนินไปตามครรลอง ผลคือกลับมีการเสนอชื่อ พลเอก สุจินดา คราประยูร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน นายณรงค์ วงษ์วรรณ
พล.อ.สุจินดา คราประยูร
ครานั้นจึงสร้างความไม่พอใจของประชาชนในวงกว้าง โดยนอกจากเพราะมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมาใหม่ว่า ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย แล้ว ทางด้านของ พล.อ. สุจินดา คราประยูร ก็คือหนึ่งใน "แกนนำคณะรัฐประหาร รสช." ที่เคยยึดอำนาจรัฐบาลมาก่อนหน้านั้น 1 ปี นั่นเอง
หลายคนจึงเชื่อว่านี่คือการพยายามสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร (รสช.)
โดยเวลานั้น นอกจากประชาชนจะไม่พึงพอใจแล้ว ทางฝ่ายนักการเมืองด้วยกัน ยังแตกแตกออกกันไปด้วย โดยเกิดเป็น พรรคเทพ กับพรรคมาร ซึ่งเป็นคำที่สื่อมวลชนเรียกกันอย่างกว้างขวาง
พรรคเทพ คือพรรคที่ประกาศตัวเป็นฝ่ายค้าน ไม่สนับสนุนการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ บิ๊กสุ พลเอกสุจินดา คราประยูร ผู้ที่ก่อนหน้านั้นได้ประกาศต่อสาธารณะมาตลอดว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกฯ ประกอบด้วย พรรคความหวังใหม่, พรรคประชาธิปัตย์, พรรคพลังธรรม และพรรคเอกภาพ
ในขณะที่ พรรคมาร คือพรรคที่สนับสนุน “บิ๊กสุ” มี 5 พรรค ได้แก่ พรรคสามัคคีธรรม, พรรคชาติไทย, พรรคกิจสังคม, พรรคประชากรไทย, และพรรคราษฎร
ที่สุด ประชาชนหลายส่วน เริ่มลุกฮือขึ้นมาต่อต้านประท้วง และนำไปสู่การประท้วงทั้งการอดอาหาร การเดินขบวน และการชุมนุมในสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ
จนรัฐบาลใช้คำสั่งสลายการชุมนุม และมีการการปะทะขึ้น ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
ภาพจากhttp://ads.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000054536&Html=1&TabID=2&
หากใครจำได้ครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงรับสั่งให้พลเอกสุจินดา คราประยูรและพลตรีจำลอง ศรีเมืองเข้าเฝ้า โดยทรงพระราชทานพระราชดำรัสแก่คณะผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ซึ่งได้มีการเผยแพร่ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
หลังจากนั้นอีก 4 วัน พล.อ.สุจินดา จึงได้ประกาศลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี และนายอานันท์ ปันยารชุน ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีชั่วคราวอีกครั้งก่อนการเลือกตั้งในเวลาต่อมา
สำหรับการชุมนุมในครั้งนี้ ที่ว่าเป็นการชุมนุมที่ผู้ประท้วงมีโทรศัพท์มือถือใช้สื่อสารจนถูกเรียกว่าเป็น "ม็อบมือถือ” นั้นมีการระบุกันว่า เพราะการชุมนุมในครั้งนี้ ด้วยผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางในเขตตัวเมือง เป็นนักธุรกิจหรือบุคคลวัยทำงาน ซึ่งแตกต่างจากเหตุการณ์ 14 ตุลา ในอดีต ซึ่งผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นนิสิต นักศึกษา ประกอบกับเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งเข้ามาในประเทศไทย และใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการติดต่อสื่อสารในครั้งนี้ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬนี้จึงได้ชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ม็อบมือถือ"
สามารถอ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง ถึงต้นกำเนิดพฤษภาทมิฬได้ที่นี่ 17 พ.ค. 2535 ต้นกำเนิดพฤษภาทมิฬ http://www.komchadluek.net/news/today-in-history/277321
อนึ่ง สำหรับ นายรงค์ วงศ์วรรณ เป็นที่รู้จักว่า "พ่อเลี้ยงเมืองแพร่" เขาเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และอดีตหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่เคยได้รับเลือกตั้ง ส.ส.มากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร แต่ไม่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
สำหรับข่าวที่ปรากฏข่าวเวลานั้น ว่าสหรัฐอเมริกาเคยปฏิเสธที่จะออกวีซ่า ให้กับเขาเนื่องจากสงสัยมีการพัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติด กรณีดังกล่าว นายณรงค์ วงศ์วรรณ ได้ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง และว่าข่าวนี้เป็นการจงใจสร้างเรื่องขึ้นเพื่อกีดกันไม่ให้ตนขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี นั่นเอง
*******************************
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง