ช่างแตกต่างกับบางคน เพราะหมอบุญส่งถือเป็นผู้บุกเบิกการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้และสัตว์ป่าของประเทศไทยอย่างแท้จริง!!!
เพื่อให้จด จำ และตอกย้ำ!! มากกันเข้าไปอีกสำหรับความสูญเสียชีวิตสัตว์ป่าผู้บริสุทธิ์ จากข่าวคนใหญ่เข้าป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแล้วไปฆ่าสัตว์ป่าสงวนมากมายหลายชีวิต!!
วันนี้ในอดีต ขอนำผู้อ่านย้อนความทรงจำกับ ชีวประวัติและเรื่องราวของบุคคลที่เป็นอีก “หนึ่งตำนาน” เพื่อทุกชีวิตในพงไพร อย่าง นพ.บุญส่ง เลขะกุล ซึ่งวันนี้เมื่อ 26 ปีก่อน ท่าได้ลาจากโลกนี้ไปด้วยวัย 85 ปี ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ณ โรงพยาบาลมเหสักข์ กรุงเทพมหานคร
น.พ.บุญส่ง เกิดที่บ้านบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช และมัธยมศึกษาปีที่ 8 ที่กรุงเทพ จากโรงเรียนเบญจมบพิตร หรือโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตรในปัจจุบัน เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2467 จากนั้นไปสำเร็จการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ พ.ศ. 2476
อย่างไรก็ดี หลายคนรู้ดีว่าท่าน นอกจากจะเป็นแพทย์แล้ว ท่านยังมีความชอบและความสามารถหลากหลาย ทั้งช่างภาพ จิตรกร นักเขียน และอาจารย์
แต่ที่มีชื่อเสียงมากคือ ในฐานะที่เป็นผู้บุกเบิกการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้และสัตว์ป่าของประเทศไทย เนื่องจากท่านชื่นชอบและหลงใหลการเดินป่าเป็นอันมาก หากแต่เป็นการเดินป่าเพื่อชื่นชมความงามตามจิตวิญญาณนักอนุรักษ์หาใช่การเข้าไปเพื่อทำทารุณกรรมกับสัตว์ป่าไม่!
ตามประวัติเล่าว่า ผลพวงหลังสงครามมหาเอเชียบูรพา ช่วงปีพ.ศ. 2484 - 2488 คือ สัตว์ป่าถูกล่า ฆ่าอย่างครึกโครม เนื่องจากหลังสงครามมีรถจี๊ปเหลือใช้ และปืนก็หาซื้อได้ง่าย
และการล่าสัตว์เปลี่ยนไปใช้สปอตไลต์ส่องยิงสัตว์ ยิงโดยไม่เลือกว่าเป็นตัวผู้ ตัวเมียหรือลูกน้อย เกิดการทำลายล้างสัตว์ป่าอย่างกว้างขวาง
น.พ.บุญส่งและคณะนักนิยมไพร ซึ่งส่วนใหญ่เคยเที่ยวป่ามาก่อน จึงได้รวมตัวกันจัดตั้ง "นิยมไพรสมาคม" ขึ้น ในปี พ.ศ. 2496 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์กลางในการพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยน ติดตามสถานการณ์และทำการรณรงค์ด้านป่าไม้และสัตว์ป่า โดยที่ทำการของนิยมไพรสมาคมนั้นคือที่บ้านขอท่านเอง ตรอกโรงภาษีเก่า ถนนเจริญกรุง ที่ทำการนิยมไพรสมาคมนั้นเป็นห้องโถงใหญ่
ในปี พ.ศ. 2497 หมอบุญส่ง ได้นำประสบการณ์จากการเที่ยวป่าและสังเกตพฤติกรรมสัตว์ มาเขียนเป็นหนังสือได้แก่เรื่อง สัตว์ป่าเมืองไทย, วัวแดง, แรดไทย, เนื้อสมัน, สิงห์โต, ยีราฟ, ม้าลาย, ฮิปโปโปเตมัส, และช้างไทย
เครดิตภาพจากผู้ใช้เวบไซต์พันทิป ยุง บิน ชุม
ต่อมาท่านได้ริเริ่มออกนิตยสาร นิยมไพรสมาคม ฉบับปฐมฤกษ์เมื่อเดือนเมษายน 2501 ซึ่งในหน้าแรกของนิตยสารทุกเล่ม จะเขียนว่า "นิยมไพร" เป็นหนังสือรายเดือน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้เหล่าสัตว์ป่า
ส่วนงานเขียนที่เป็นนวนิยาย ที่อิงจากชีวิตจริงของสัตว์ป่า และสร้างชื่อเสียงให้แก่ท่านเป็นอย่างมาก คือเรื่อง "ชีวิตฉันลูกกระทิง" ซึ่งเคยตีพิมพ์เป็นตอนๆ ครั้งแรกในนิตยสาร ชัยพฤกษ์
เครดิตภาพจากผู้ใช้เวบไซต์พันทิป ยุง บิน ชุม
เมื่อพิมพ์รวมเล่มเป็นหนังสือก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาสำหรับนักเรียน ต่อมาได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 100 หนังสือดีที่เด็กและเยาวชนไทยควรอ่านในโครงการวิจัยของ สกว. และเป็น 1 ใน 500 หนังสือดีของเด็กและเยาวชน ของสมาพันธ์องค์กรเพื่อการพัฒนาหนังสือฯ
นอกจากนี้ นอกจากจะเขียนเองแล้ว ในช่วงแรกๆ ท่านยังวาดภาพประกอบเองอีกด้วย
เครดิตภาพจากผู้ใช้เวบไซต์พันทิป ยุง บิน ชุม
ในงานเขียนของ น.พ.บุญส่ง นั้น บ่อยครั้งจะสอดแทรกอารมณ์ขันหรือเหน็บแนมกระทุ้งเตือนผู้มีอำนาจ อย่างในงานเขียนเรื่อง ความรักของแม่กวาง ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสาร "นิยมไพร" ฉบับปฐมฤกษ์ เนื้อความตอนหนึ่งว่า
"ผู้แทนราษฏรชุดปัจจุบันนี้ จะมีน้ำจิตน้ำใจอย่างไรกันบ้าง ผมยังไม่ทราบดี" ข้าพเจ้าตอบ "ผมเคยพบแต่ผู้แทนราษฏรชุดสมัยรัฐบาลเก่า บางคนท่านก็ดีมาก เห็นใจพวกสัตว์ป่าและทรัพยากรของชาติที่กำลังทรุดโทรมแหลกลาญลง แต่ส่วนมากละก็เหลือรับทีเดียว”
“ ส่วนมากถือว่าตัวเองเป็นผู้แทนของราษฏร ไม่ใช่ผู้แทนของสัตว์ป่า ราษฎรเป็นผู้เลือก สัตว์ป่าไม่ได้เลือกเขา ฉะนั้นการที่จะไปร้องขอให้เขาออก พ.ร.บ. คุ้มครองสัตว์ป่า ให้คนฆ่าน้อยลงกว่าเดิม จะไปขอไม่ให้ยิงสัตว์ตัวเมียหรือลูกเล็กเด็กแดงนั้น เขาถือว่าเป็นการไปตัดสิทธิ์ของราษฎร เขาจึงปฏิเสธไม่ยอมช่วยด้วย เขาคงเกรงไปว่าอาจจะเสียเสียงจากบางคนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เขาจึงไม่สนใจที่จะช่วยเหลือในเรื่องเหล่านี้เลย"
เครดิตภาพจากผู้ใช้เวบไซต์พันทิป ยุง บิน ชุม
ต่อมาในปี พ.ศ. 2502 น.พ.บุญส่ง เลขานุการนิยมไพรสมาคม และคณะกรรมการนิยมไพรสมาคมจำนวนหนึ่ง ได้เข้าพบปะกับจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี เพื่อยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลมีนโยบายและออกกฎหมายคุ้มครองทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ซึ่งจอมพลสฤษดิ์และคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามข้อเสนอ จึงได้ออกกฎหมายหลายฉบับ เช่น พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 (ปรับปรุงแก้ไข พ.ศ. 2535)
และพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 หลังจากนั้นจึงได้มีการประกาศป่าขนาดใหญ่หลายแห่งให้เป็นอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อาทิ ป่าเขาใหญ่ ประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรก ในปี พ.ศ. 2505 ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี ประกาศให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรก ในปี พ.ศ. 2508 และป่าอีกหลายแห่งให้เป็นอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตามกฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าว
นอกจากนี้ น.พ.บุญส่งและสมาชิกนิยมไพรสมาคม ยังได้ร่วมกันก่อตั้งมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์เมื่อ พ.ศ. 2526
สิ่งต่างๆ ที่ท่านได้กระทำเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ ช่างนับเป็นประโยชน์ต่ออนุชนคนรุ่นหลัง โดยแม่ท่านจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ผลงานและเรื่องราวของท่านจะได้รับการกล่าวขานไปตราบนานเท่านาน
ขอไว้อาลัยให้กับสัตว์ป่าผู้บริสุทธิ์ทุกชีวิต!!
/////
ขอขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย
และภาพสวยๆ จากผู้ใช้เวบไซต์พันทิป ยุง บินชุม
และอ่านเรื่องได้จากลิงค์นี้ http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2006/02/E4093865/E4093865.html
ข่าวที่เกี่ยวข้อง