วันนี้ในอดีต

9 ม.ค.2558 “วันนี้ดิฉันไม่เหลือตำแหน่งอะไรให้ถอดถอนอีกแล้ว”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บางคนบอก "เป็นไปตามคาด" หลายคนบอก "ผิดหวัง" แต่อีกหลาย บอกว่า “เธอทำถูกแล้ว”

          ก่อนที่คนไทยจะสุดเงิบ กับการที่ อดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หายตัวไป ไม่มาขึ้นศาลในคดีทุจริตจำนำข้าว ช่วงไม่กี่เดือนก่อน

          แล้วยังมีสุดงง! กับภาพสุดชิลล์ของเธอในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในชุดอย่างสวยกระเป๋าอย่างหรู

 

9 ม.ค.2558  “วันนี้ดิฉันไม่เหลือตำแหน่งอะไรให้ถอดถอนอีกแล้ว”

   

          แต่ก่อนหน้านี้ เธอเคยยืนหยัดต่อสู้ในคดีนี้มาแล้วอย่างเต็มที่ ก็ว่าได้!

          หากจำกันได้ ช่วงปี 2557 ที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (...) ได้ดำเนินการไต่สวนคดีที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีความผิดฐานปล่อยให้เกิดความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว จนนำไปสู่การชี้มูลความผิด ชี้มูลถอดถอน และส่งเรื่องให้ สนช. ดำเนินการพิจารณาว่าจะทำการ “ถอดถอน” หรือไม่นั้น

          วันที่ 9 มกราคม 2558 หรือวันนี้ของ 4 ปีก่อน หญิงปู ในฐานะ อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ขึ้นแถลงแก้ข้อกล่าวหา เปิดคดีถอดถอนในกรณีโครงการรับจำนำข้าวต่อ สนช.

          วันนี้ในอดีต จึงขอย้อนคำแถลงของ ยิ่งลักษณ์ ที่เกิดขึ้นในวันที่ 9 ..2558 ให้ได้ฟังกันอีกครั้ง

          "ดิฉันมาในวันนี้ก็เพื่อขอความเป็นธรรมต่อสภาแห่งนี้ขอโอกาสต่อท่านประธานและสมาชิก สนช. ที่จะได้ชี้แจงและโต้แย้งต่อข้อกล่าวหาต่อตัวของดิฉันและรัฐบาลของดิฉัน ในช่วงตลอกเวลาที่บริหารราชการแผ่นดิน”

          ประเด็นที่หนึ่งเกี่ยวกับความถูกต้องชอบธรรมและความจำเป็นในการถอดถอน โดยในความเป็นจริงแล้วดิฉันได้พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ซึ่งเสมือนถูกถอดถอนไปแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกด้วยผลของการยุบสภา ครั้งที่สองด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และครั้งที่สามด้วยคำประกาศของคณะรักความสงบแห่งชาติ(คสช.) ทั้งหมดมีผลสมบูรณ์แล้ว”

          และกับวาทะเด็ด เมื่อเธอกล่าวว่า “วันนี้ดิฉันไม่เหลือตำแหน่งอะไรให้ถอดถอนอีกแล้ว”

          ก็ได้ทำให้หลายคนสะอึก!!

 

9 ม.ค.2558  “วันนี้ดิฉันไม่เหลือตำแหน่งอะไรให้ถอดถอนอีกแล้ว”

         

          “วันนี้ดิฉันไม่เหลือตำแหน่งอะไรให้ถอดถอนอีกแล้ว หลังจากนั้นถ้าจะดำเนินการต่อไปก็ถือเป็นการถอดถอนซ้ำซ้อนเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองและกฎหมายที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมในอนาคต”

          นอกจากนี้เธอยังกล่าวว่า ข้อสรุปของ คณะกรรมการ ป... ก็ยังยอมรับว่า “พยานหลักฐานยังไม่ปรากฏชัดเจนว่าผู้ถูกกล่าวหามีส่วนร่วมในการทุจริตหรือสมยอมให้เกิดการทุจริต”

          ดังนั้นจึงขอยืนยันว่า ดิฉันได้บริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างครบถ้วน ถูกต้อง เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ตลอดจนกฎระเบียบข้อบังคับของทางราชการ และแนวทางการบริหารที่ดี โปร่งใส และเป็นธรรม”

          โครงการรับจำนำข้าว เป็นแนวคิดของพรรคเพื่อไทย เป็น “สัญญาประชาคม” ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยมีต่อชาวนาไทย และประชาชนคนไทยทุกคน โดยแนวคิดของนโยบาย มาจากการที่พรรคเข้าใจถึงปัญหาของชาวนา ซึ่งเป็น “กระดูกสันหลังของชาติ” และ เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่เผชิญกับปัญหาความยากจนต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน มีรายได้ที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง และต่ำกว่าค่าจ้างแรงงาน ทุกประเภท ทำให้มีหนี้สินล้นพ้นตัว”

          ต่อข้อกล่าวหาที่ว่า ทำไม ดิฉัน ในฐานะ นายกรัฐมนตรีจะยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวโดยพลการไม่ได้ เพราะนโยบายการรับจำนำข้าว เป็นนโยบาย ที่คณะรัฐมนตรีได้แถลงไว้ ต่อรัฐสภา ซึ่งมีผลผูกพัน ตามรัฐธรรมนูญ ที่รัฐบาลจะต้องปฏิบัติตาม”

          พร้อม ยืนยันว่า ตลอดระยะเวลา ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดิฉันมุ่งมั่น ทุ่มเท ปฏิบัติหน้าที่ อย่างสุดความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคยคิดที่จะคดโกง หรือกระทำทุจริตแต่ประการใด

 

9 ม.ค.2558  “วันนี้ดิฉันไม่เหลือตำแหน่งอะไรให้ถอดถอนอีกแล้ว”

ประชาชนมาให้กำลังใจ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดสุดท้าย 21 ก.ค.60

          ในยามที่บ้านเมือง ต้องการ การปรองดอง และก้าวไปข้างหน้าประเทศ จะเดินหน้าได้ “ความยุติธรรม” จะต้องมีก่อน ไม่เพียงแต่เฉพาะ ต่อตัวดิฉัน แต่สำหรับพี่น้องประชาชน ที่ต้องประสบชะตากรรม ที่หลากหลาย ที่อาจต้องเสียโอกาส ที่จะได้รับประโยชน์ จากโครงการ”

          ดิฉันหวังว่าสภาฯแห่งนี้ จะพิจารณา ด้วยหลักของความเป็นธรรม ไม่มีอคติ และเป็นกลาง เพื่อประโยชน์ ของประชาชนคนไทย และไม่ตกเป็นเครื่องมือ ทางการเมือง ที่นำมาทำลายกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือคนใดคนหนึ่ง อีกต่อไป”

          และอย่างที่ทราบกันว่า ในที่สุด คำแถลงของเธอก็ไร้ผล เพราะต่อมาวันที่ 23 มกราคม 2558 สนช. ได้ลงมติถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ด้วยคะแนนเสียง 190 เสียง ต่อ 18 เสียง ทำให้เธอไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งและไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นระยะเวลา 5 ปี

          อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จึงได้โพสต์คำแถลงผ่านเฟซบุ๊คแฟนเพจ Yingluck Shinawatra สรุปความว่า

          เป็นไปตามความคาดหมาย ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีมติ ถอดถอนดิฉันออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี และอัยการสูงสุดได้สั่งฟ้องดิฉัน ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น”

          ดิฉัน ขอยืนยัน และมั่นใจในความบริสุทธิ์ของดิฉัน และขอขอบคุณเสียงส่วนน้อย ที่ยังคงยึดมั่นในหลักการ และความเที่ยงธรรม ซึ่งในกระบวนการต่างๆ ได้ลิดรอน และตัดสิทธิขั้นพื้นฐานของดิฉัน ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่พึงได้รับ

 

9 ม.ค.2558  “วันนี้ดิฉันไม่เหลือตำแหน่งอะไรให้ถอดถอนอีกแล้ว”

 

          แม้ในวันนี้ ดิฉัน ไม่มีตำแหน่งอะไรเหลืออยู่แล้ว ยังคงเหลือแต่ คดีความ ที่ถูกยัดเยียดไว้ให้ ที่ต้องไปสู้คดีในชั้นศาลต่อไป”

 

9 ม.ค.2558  “วันนี้ดิฉันไม่เหลือตำแหน่งอะไรให้ถอดถอนอีกแล้ว”

 

          แน่นอน ที่สุดแล้ว เรื่องราวในชั้นศาล จะไปไม่ถึงคำตอบสุดท้ายดังที่เราเห็นกันแล้วว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตัดสินใจหลบหนีออกนอกประเทศ โดยเริ่มจาก วันที่ 25 สิงหาคม 2560 ที่เธอไม่ไปฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีไม่ปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศเป็นเงินกว่า 5 แสนล้านบาท

          ตามมาด้วยการหายตัวไปจากประเทศไทยเลยในช่วงเดือนกันยายน 2560 ท่ามกลางการตบเข่าฉาดของคนไทยอีกหลายคนว่า เป็นไปตามคาด!

          และอีกหลายคนที่รู้สึกผิดหวัง เพราะเธอเคยยืนยันว่า จะสู้และไม่หนีไปไหน!

          ขณะที่อีกหลายก็ก็รู้สึกว่า “เธอทำถูกแล้ว” เพราะพวกเขาเชื่อว่า เรื่องนี้ ไม่มีความถูกต้องชอบธรรมมาตั้งแต่ต้นนั่นเอง!!

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ