วันนี้ในอดีต

สึนามิอันดามัน 13 ปีมาแล้ว แต่ยังมีเรื่องราวชวนขนลุก!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ใครจะคาดคิดว่า ในเช้าของวันหลังคืนคริสมาสต์อันสวยสดงดงาม จะเกิดเหตุการณ์ทางธรรมชาติอันน่าสะพรึงกลัว และได้คร่าชีวิตผู้คนไปนับหลายแสนชีวิต!!

            เชื่อว่าคนไทยและคนทั่วโลก ส่วนใหญ่ไม่มีวันลืม กับพิบัติภัยสึนามิ หรือคลื่นยักษ์ ที่นับเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุด สูญเสียมากที่สุด ซึ่งเกิดขึ้นในวันนี้เมื่อ 13 ปีก่อน หรือวันที่ 26 ธันวาคม 2547 (.. 2004)

            ใครจะคาดคิดว่า ในเช้าของวันหลังคืนคริสมาสต์อันสวยสดงดงาม จะเกิดเหตุการณ์ทางธรรมชาติอันน่าสะพรึงกลัว และได้คร่าชีวิตผู้คนไปนับหลายแสนชีวิต!! เมื่ออยู่ๆ คลื่นยักษ์ สูงราว 30 เมตร เข้าถล่มพื้นที่บริเวณชายฝั่งที่ได้รับแรงกระทบอย่างรุนแรง หลังจากมีเหตุแผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดียก่อนหน้านั้นไม่นาน โดยไม่มีการเตือนภัย ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าใดๆ เลยแม้แต่น้อย!!

            สำหรับแผ่นดินไหวครั้งนั้น เกิดขึ้นใต้ทะเล ราวเวลา 07.58 . ตามเวลาในประเทศไทย มีศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปในมหาสมุทรอินเดีย ใกล้ด้านตะวันตกของตอนเหนือเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว ทำให้เกิดความเสียหายบนเกาะสุมาตรา และยังรับรู้ได้ในภาคใต้ของประเทศไทย

 

สึนามิอันดามัน 13 ปีมาแล้ว  แต่ยังมีเรื่องราวชวนขนลุก!

            ทั้งนี้ เหตุที่คลื่นยักษ์มีขนาดมหึมาตามที่กล่าวไว้ เพราะแผ่นดินไหวนั้น เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกใต้มหาสมุทรอินเดีย และมีแรงดันกลับขึ้นมามหาศาล จึงกระตุ้นให้เกิดคลื่นสึนามิสูงราว 30 เมตร

            และด้วยคลื่นขนาดนี้ ไม่ต้องนึกเลยว่า จะสร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินมากมายมหาศาลขนาดไหนโดยมีรายงายว่า คลื่นได้เข้าท่วมทำลายบ้านเรือนตามแนวชายฝั่งโดยรอบมหาสมุทรอินเดีย

            และมีประมาณการว่ามีผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ใน 14 ประเทศมากกว่า 230,000 คน โดยประเทศที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย รองลงมาคือประเทศศรีลังกา ประเทศอินเดีย และประเทศไทย ตามลำดับ

            สำหรับ ความรุนแรงของแผ่นดินไหวอยู่ระหว่าง 9.1 ถึง 9.3 โมเมนต์แมกนิจูด ทำให้แผ่นดินไหวครั้งนี้ นับเป็นแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงมากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ตามที่เคยวัดได้จากเครื่องวัดแผ่นดินไหว (Seismometer)

            นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นแผ่นดินไหวที่มีคาบเวลายาวนานที่สุด โดยการสังเกตคาบเวลาอยู่ที่ประมาณ 8.3 ถึง 10 นาที ส่งผลให้แผ่นดินทั่วทั้งผืนโลกเคลื่อนตัวไปถึง 1 เซนติเมตร และยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหวในจุดอื่นๆ ของโลกอีกด้วย

 

สึนามิอันดามัน 13 ปีมาแล้ว  แต่ยังมีเรื่องราวชวนขนลุก!

            สำหรับเหตุการณ์ร้ายในวันดังกล่าวมีลำดับดังนี้

            - เวลา 07.59 . เวลาในไทย ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหว มีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณนอกฝั่งด้านตะวันตก ทางตอนเหนือของหัวเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ลึกลงไปในแผ่นดินประมาณ 30 กิโลเมตร มีขนาดความรุนแรง 9.0 ตามมาตราริกเตอร์

            หลังจากเกิดแผ่นดินไหวไม่นาน ได้เกิดคลื่นสึนามิเคลื่อนตัวเข้าสู่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือสุดของเกาะสุมาตรา ในจังหวัดอาเจะห์ ความสูงและความรุนแรงของคลื่นทำให้เมืองและชุมชนตามชายฝั่งถูกทำลายอย่างกว้างขวาง มีผู้เสียชีวิตรวมกันทั้งหมดมากกว่า 150,000 คน

            โดยบริเวณที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดอยู่ที่เมืองบันดาอาเจะห์ รองลงมาคือ ที่เมืองเมอลาโบะห์ทางใต้ของเมืองบันดาอาเจะห์

 

สึนามิอันดามัน 13 ปีมาแล้ว  แต่ยังมีเรื่องราวชวนขนลุก!

            ต่อมาเวลาประมาณ 10.00 . คลื่นสึนามิได้เริ่มเคลื่อนตัวมายังชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรมลายู ซึ่งอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวประมาณ 500-600 กิโลเมตร

            ก่อให้เกิดความเสียหาย ในบริเวณชายฝั่งตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย และภาคใต้ของไทย มีผู้เสียชีวิตที่เกาะปีนังในประเทศมาเลเซีย ประมาณ 70 คน และใน 6 จังหวัดภาคใต้ของไทย คือ จังหวัดสตูล ตรัง กระบี่ พังงา ภูเก็ต และระนอง รวมกัน ประมาณ 5,400 คน

            นอกจากนี้ คลื่นสึนามิส่วนหนึ่ง เคลื่อนตัวต่อขึ้นไปทางเหนือจนถึงชายฝั่งของประเทศพม่า และประเทศบังกลาเทศ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวประมาณ 1,500–1,700 กิโลเมตร มีผู้เสียชีวิตที่บริเวณปากแม่น้ำอิรวดี ของประเทศพม่า ประมาณ 60 คน ส่วนในประเทศบังกลาเทศมีรายงานผู้เสียชีวิต 2 คน

            คลื่นสึนามิส่วนที่เคลื่อนตัวจากเกาะสุมาตรามุ่งไปทางตะวันตก เคลื่อนที่ผ่านหมู่เกาะอันดามันและหมู่เกาะนิโคบาร์ ซึ่งเป็นดินแดนของประเทศอินเดียกลางทะเลอันดามัน

            จากนั้นเคลื่อนตัวต่อไปถึงชายฝั่งของรัฐทมิฬนาฑู และทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศอินเดีย รวมทั้งบริเวณชายฝั่งตะวันออกของประเทศศรีลังกา ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ ทางใต้ของอินเดีย

 

สึนามิอันดามัน 13 ปีมาแล้ว  แต่ยังมีเรื่องราวชวนขนลุก!

 

            มีผู้เสียชีวิตที่หมู่เกาะอันดามันและหมู่เกาะนิโคบาร์ประมาณ 900 คน และที่รัฐทมิฬนาฑู ประมาณ 8,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที่เมืองนาคาปัตตินัม ส่วนในประเทศศรีลังกา มีผู้เสียชีวิตประมาณ 40,000 คน

            เท่านั้นยังไมสาแก่ใจ เพราะคลื่นสึนามิได้เคลื่อนตัวผ่านมหาสมุทรอินเดียไปถึงหมู่เกาะมัลดีฟส์ ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ห่างจากเกาะศรีลังกาไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 650 กิโลเมตร เนื่องจากประเทศนี้มีภูมิประเทศที่เป็นหมู่เกาะปะการังเตี้ยๆ จึงได้รับความเสียหายมาก มีรายงานผู้เสียชีวิตประมาณ 82 คน

            คลื่นสึนามิส่วนหนึ่งยังคงเคลื่อนตัวต่อไปจนถึงชายฝั่งตะวันออกของทวีปแอฟริกา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดกำเนิดแผ่นดินไหว ประมาณ 5,500 กิโลเมตร

            แม้จะอ่อนกำลังบ้างแล้วแต่ก็ทำความเสียหายให้แก่บริเวณชายฝั่งของประเทศโซมาเลีย และประเทศเคนยาได้มากพอสมควร มีผู้เสียชีวิตที่ประเทศโซมาเลีย ประมาณ 300 คน และที่ประเทศเคนยา 1 คน

            เท่านี้หลายคนก็คงพอจะนึกภาพความรุนแรง และความเสียหายเกินกว่าจะประมาณค่าได้แล้ว

 

สึนามิอันดามัน 13 ปีมาแล้ว  แต่ยังมีเรื่องราวชวนขนลุก!

            ยิ่งกับคนไทยแล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้ คนไทยยังสูญเสีย คุณพุ่ม เจนเซ่น พระโอรสใน ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ที่ต้องประสบเหตุจนถึงแก่อนิจกรรมด้วย

            แต่เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากนั้น ยังมีเรื่องเล่าที่ชวนขนพองสยองเกล้าถึง วิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ออกมาตามสื่อต่างๆ

            โดยหากคัดมาเฉพาะที่อ้างอิงที่มาได้นั้น จะพบว่ามีข่าวที่ น... ไทยรัฐ ถึงกับพาดเป็นข่าวใหญ่ถึง 2 วันติดต่อกัน เพราะมีภาพหลักฐาน ติดมากับ รูปถ่ายอย่างน่าสงสัยว่าผีมีจริงหรือไม่?

            โดยเป็นข่าวที่ น...ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 30 มกราคม 2548 ได้ตีพิมพ์ไว้ว่า "พ..คุณหญิงพรทิพย์พร้อมคณะได้ขึ้นเครื่องบินซี 130 เดินทางกลับกรุงเทพฯ มาถึงที่สนามบิน กองทัพอากาศ บน. 6เมื่อเวลา 11.00 . และเมื่อคณะของ พ.. คุณหญิงพรทิพย์ เข้าไปในห้อง อาคารผู้โดยสาร ปรากฏว่า ได้กลิ่นน้ำยาฟอร์มาลินฉีดศพโชยมาทันที สร้างความประหลาดใจ ให้แก่ทุกคน”

            ..คุณหญิงพรทิพย์กล่าวถึงเรื่องชวนขนหัวลุก ที่มีผู้บันทึกภาพตัวเองแล้วปรากฏร่างผู้ชายยืนตาถลน อยู่เคียงข้างว่า ภาพนี้ถ่ายช่วงกลางคืนวันที่ 2 .. ระหว่างพิธีทำบุญให้คนตาย ก่อนจะปิดศูนย์ ที่วัดย่านยาว โดยคนถ่ายเอามาให้ดูตอนเช้าอีกวันหนึ่ง เห็นแล้วถึงกับอึ้งขนลุกซู่ เพราะไม่เคยเห็นอะไร ขนาดนี้” (ชมภาพดังกล่าวได้ที่ลิงค์นี้ http://www.photoontour.com/Events_HTML/tsunami/data/data19.htm

            ภาพที่ปรากฏมันเห็นชัดเจนมาก มีคนยืนอยู่ในลักษณะไหล่บังด้านหน้าตน และสูงกว่า ตอนถ่าย ก็ไม่มีใครมายืนแบบนี้ ถามว่าเชื่อเรื่องนี้หรือไม่ ก็ต้องบอกว่าเชื่ออยู่แล้ว แต่เชื่อในเชิงธรรมะ ที่ผ่านมา ไม่เคยเจออะไร ก่อนกลับกรุงเทพฯ ก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น จะมีก็ภาพนี้ที่คนถ่ายใช้กล้องมือถือถ่ายภาพ” (https://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Kid/k176/057.html)

            แต่สิ่งนี้ ไม่ว่าจะมีจริงหรือไม่ ความจริงแท้แน่นอนที่สุดคือ เรื่องของระบบเตือนภัยที่ในยุคนั้น ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีใคร หรือฝ่ายไหน ให้ความสำคัญเลยแม่แต่น้อย ทั้งยังมีการอ้างว่าเพราะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขาดประสบการณ์ในการวางแผนป้องกัน

            หรือเพราะสาเหตุใดก็ตาม แต่ที่สุด เรื่องนี้จึงต้องแลกด้วยการสังเวยชีวิตคนนับหมื่นนับแสน ไม่เว้นแม้แต่ที่ประเทศไทย ชนิดที่น่าเสียใจ เสียดาย เกินกว่าจะกลั่นออกมาเป็นคำพูดได้!

            อนึ่ง ช่วงปีที่แล้ว สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจมีรายงานว่า พวกเขายังคงทำงานพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล เพื่อส่งศพผู้เสียชีวิต กว่า 400 ร่าง ที่ถูกฝังอยู่ที่สุสานผู้ประสบภัยสึนามิ ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา สถานที่เก็บศพผู้เสียชีวิตจาก 39 ประเทศ กลับคืนสู่ครอบครัว

            โดยภารกิจเหล่านี้ ยังคงดำเนินการอยู่ถึงทุกวันนี้!!

////////////////

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

วิกิพีเดีย

 

https://www.asoke.info

https://pantip.com/topic/32681252

คลิปจำลองการเกิดคลื่นยักษที่สร้างความเสียหายในพื้นที่ต่างๆ

https://www.youtube.com/watch?v=4yFNOuo_YxI

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ