ที่น่าสลดใจเป็นอย่างยิ่งคือ อาวุธปืนที่อดัมใช้ก่อเหตุ ก็ล้วนแต่เป็นปืนที่นางแนนซี่ แม่ของอดัม สะสมเอาไว้ และเธอก็มักไปซ้อมยิงปืนอยู่บ่อยๆ โดยที่พาลูกชายไปด้ว
ใครจะคาดคิดว่าในวันที่อากาศแจ่มใส จะเกิดเรื่องร้ายอย่างสุดจะรับได้ขึ้นที่โรงเรียนประถมแซนดีฮุก
โดยเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2555 หรือวันนี้ เมื่อ 5 ปีก่อน ที่โรงเรียนประถมแซนดีฮุก ในหมู่บ้านแซนดีฮุก เมืองนิวทาวน์ รัฐคอนเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา มีผู้ร้ายได้เข้าไปก่อเหตุกราดยิงในโรงเรียน จนมีผู้เสียชีวิตรวม 27 คน โดยเป็นเด็กประถมทั้งหมด 20 คน ขณะที่อีก 1 คนเป็นมารดาของมือปืนเองที่ถูกยิงเสียชีวิตเช่นเดียวกัน โดยมีเด็กสามคนที่ถูกยิงได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยอาการสาหัส ต่อมาเด็กสองในสามคนนั้นเองเสียชีวิต
อย่างไรก็ดี ภายหลังทราบว่า ผู้ก่อการครั้งนี้ คือ อดัม แลนซา อายุ 20 ปี ซึ่งฆ่าตัวตายหลังเกิดเหตุดังกล่าว
โดยตามรายงานข่าวระบุว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุยิงกันในโรงเรียน แลนซา ได้ฆ่า แนนซี แลนซา มารดาซึ่งเป็นอาสาสมัครประจำโรงเรียนนี้ก่อน
โดยสังหารเธอที่บ้านพักหรู ราคาร่วม 48 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองพักอาศัยอยู่ด้วยกัน ก่อนจะขับรถของเธอไปโรงเรียนประถมแซนดี้ ฮุก เพื่อก่อเหตุดังกล่าวด้วยปืนอีกสามกระบอก ไปก่อเหตุกราดยิงใส่ครูและนักเรียนที่โรงเรียนประถมแซนดี้ ฮุก ซึ่งเป็นโรงเรียนเก่าของตัวเอง จนมีผู้เสียชีวิตอีก 26 รายจากนั้นจึงและใช้ปืนที่กราดยิงคนอื่นปลิดชีพตัวเองตามในวันเดียวกันนั้นเอง
แนนซี่ แลนซ่า แม่ของอดัม
ซึ่งที่น่าสลดใจเป็นอย่างยิ่งคือ อาวุธปืนที่อดัมใช้ก่อเหตุ ก็ล้วนแต่เป็นปืนที่นางแนนซี่ แม่ของอดัม สะสมเอาไว้ และเธอก็มักไปซ้อมยิงปืนอยู่บ่อยๆ โดยที่พาลูกชายไปด้วย
อย่างไรก็ดี ภายหลัง มีความพยายามหาสาเหตุจูงใจที่ทำให้อดัมก่อเหตุดังกล่าว จนเบื้องต้นได้พบว่า ส่วนหนึ่งเขามีความผิดปกติด้วยอาการ "แอสเพอร์เกอร์ ซินโดรม" ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของโรคออทิสติก เพียงแต่ผู้ป่วยในกลุ่มแอสเพอร์เกอร์นั้นมีพัฒนาการที่สมบูรณ์ดีทุกอย่าง แต่บกพร่องในทักษะด้านการสื่อสาร และการเข้าสังคม
ซึ่งก็เป็นไปตามที่เพื่อนร่วมชั้นหลายคนของเขาระบุว่า อดัมเป็นคนที่ไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับโรงเรียน หรือเมืองที่ตัวเองอยู่ด้วยซ้ำ จึงไม่แปลกใจที่เขาก่อเหตุร้ายนี้ขึ้น
เพราะช่วงมัธยม อดัมไม่มีเพื่อนสนิทเลยแม้แต่คนเดียว และแทบไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับเขามากนัก นอกจากนี้อดัมมักใส่ชุดสีดำ หรือไม่ก็เสื้อเชิ้ตที่ตัวใหญ่โคร่ง พร้อมหิ้วกระเป๋าเอกสารสีดำ แทนที่จะเป็นเป้สะพายหลังเหมือนคนอื่นๆ
เพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งกล่าวว่า อดัมหัวดีมาก เป็นคนเก่ง แต่เป็นคนที่แปลกแยก และไม่ร่วมถ่ายภาพสำหรับหนังสือรุ่นอีกด้วย
แต่ยังมีอีกหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยว่า อาการ "แอสเพอร์เกอร์ ซินโดรม" จะเป็นสาเหตุขอการกระทำอันเลวร้ายนี้
เพราะหากสืบประวัติลึกลงไป พบว่า แม้ว่าในทางชีวิตทั่วไป ของอดัม จะดูปกติ และมีความสุขดีทุกอย่าง เช่น เรียนจบจากโรงเรียนประถมแซนดี้ ฮุก เมื่อปี 2007 และเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมนิวทาวน์
แต่ทางด้านชีวิตครอบครัว พ่อและแม่ของอดัมหย่าขาดจากกันในปี 2008 คือหลังจากที่เขาเพิ่งจบจากโรงเรียนประถม แซนดี้ ฮุกได้เพียงปีเดียว
จากนั้นพ่อของเขาก็ได้ย้ายออกไป ทิ้งให้อดัมอยู่กับแม่ และ ไรอัน แลนซ่า พี่ชายอีกคนในบ้านหลังใหญ่ ก่อนที่พี่ชายซึ่งแก่กว่าเขา 4 ปี จะมาแยกออกไปอีก เพื่อเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ปี 2010
ไรอัน แลนซ่า พี่ชายของอดัม
โดยพ่อของพวกเขามีการส่งเสียเงินให้อีกปีละ 230,000 ดอลลาร์ หรือราวประมาณ 6,900,000 บาท!!
ขณะที่แม่ของอดัม เพื่อนบ้านให้การว่า เธอเป็นคนจิตใจดี เอาใส่ใจคนรอบตัวอยู่เสมอ เปรียบเป็นผู้นำของชุมชน และเธอก็เป็นแม่ที่ดี
แต่กระนั้นก็ดี หลายคนอดคิดไม่ได้ว่า ดูเหมือนว่า ปัญหาจากครอบครัวที่ขาดความอบอุ่น บวกกับความเป็นคนเพอร์เฟคชั่นนิสม์ของมารดา คือทุกอย่างต้องเป๊ะ! อาจจะกดดันให้เขาก่อเหตุก็เป็นได้
เพราะยังมีรายงานจากเพื่อนของอดัมว่า เขาดูเปลี่ยนไปอย่างสังเกตเห็นได้ ตั้งแต่พ่อแม่แยกทางกัน จากที่ไม่สุงสิงกับใครและแปลกแยกอยู่แล้ว ก็ยิ่งแย่กว่าเดิม
การหย่าของพ่อกับแม่ จึงเหมือนเป็นระเบิดเวลา ที่อดัมได้ปล่อยมันออกมา ในวันที่ 14 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมานั่นเอง
อนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับการก่อเหตุกราดยิงในประเทศเสรีที่พกปืนได้เหมือนไฟฉายแห่งนี้ ทั้งนี้ช่วงที่อดัมก่อเหตุ เป็นช่วงการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของนายบารัค โอบามา และถือเป็นโศกนาฏกรรมจากการกราดยิงครั้งที่ 4
ตอนนั้นทางการสหรัฐดูมุ่งมั่น ที่จะปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนของสหรัฐฯ แต่ดูเหมือนเรื่องจะเงียบหายไปอีก จนหลายคนอดคิดไม่ได้ว่า จะมีเหตุเศร้าแบบนี้อีกกี่ครั้งกัน!
ราวกับบาปกรรมกำลังคืนกลับไปยังดินแดนที่ได้ชื่อว่าผลิตอาวุธขายเป็นอันดับต้นๆ ของโลก! หากแต่มันกลับไปเกิดกับผู้บริสุทธิ์ทำไมกัน!!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง