ไทยเราได้ประหารนักโทษเด็ดขาดด้วยการยิงเป้าไปทั้งสิ้น 319 ราย เป็นชาย 316 ราย และหญิงอีก 3 ราย ซึ่งรายสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อเดือน ธันวาคม 2545
รู้กันหรือไม่ว่า วันนี้เมื่อ 14 ปีก่อน บ้านเมืองเรามีการประหารชีวิตนักโทษด้วยการฉีดสารพิษครั้งแรก!
โดยเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2546 ณ แดนประหาร เรือนจำกลางบางขวาง มีนักโทษถึง 4 ราย ที่ต้องประเดิมโทษประหารแบบใหม่ครั้งแรก ภายหลังจากรัฐบาลได้ประกาศเป็นกฎหมาย ในการยกเลิกการประหารชีวิตแบบยิงเป้า กับนักโทษเด็ดขาดที่ถูกพิพากษาประหารชีวิต จนออกกฎหมายบังคับใช้ในวันที่ 19 ตุลาคม 2546 ที่เป็นการประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าครั้งสุดท้าย
เนื่องจากหลายองค์กรเห็นว่าการประหารชีวิตแบบยิงเป้า เป็นการทารุณและโหดร้ายเกินไป จึงให้เปลี่ยนมาเป็นการฉีดสารพิษเข้าสู่ทางร่างกายแทน!!
สำหรับนักโทษทั้ง 4 นั้น เป็นชายทั้งหมดโดยเป็นนักโทษคดียาเสพติด 3 ราย และคดีความผิดต่อชีวิต 1 ราย (ซึ่งขอไม่เอ่ยนาม ณ ที่นี้)
โดยขั้นตอนในแดนประหาร มีข้อมูลระบุว่า นักโทษจะยังคงถูกล่ามโซ่ตรวน และให้นอนบนเตียงประหารที่มีผ้าขาวห่อศพรองอยู่ แขนทั้ง 2 ข้างถูกยึดติดกับเตียงในท่ากางแขน
จากนั้น เพชฌฆาตจะนำเข็มฉีดยาปักไปที่ข้อมือทั้ง 2 ข้างของนักโทษ และฉีดยาจำนวน 3 เข็ม เข็มที่ 1 คือ ยานอนหลับ ตามด้วยเข็มที่ 2 เป็นยาคลายกล้ามเนื้อ และสุดท้ายคือ ยาหยุดการเต้นของหัวใจ ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 25 นาที
จากนั้น แพทย์และคณะกรรมการ ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ ผู้แทนอัยการจังหวัด ผู้กำกับการสถานีตำรวจ ผู้บัญชาการเรือนจำ และผู้แทนกรมราชทัณฑ์ จะตรวจสอบว่านักโทษเสียชีวิตตามคำพิพากษา ก่อนนำศพบรรจุในโลงเย็น -18 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 12 ชั่วโมง ก่อนจะให้แพทย์ตรวจครั้งสุดท้าย และให้ญาติรับไปบำเพ็ญกุศลในวันรุ่งขึ้นเป็นการปิดฉากชีวิตตามกฎหมาย...
อย่างไรก็ดี มุมนี้ มีหลายคนอาจนึกถึงเหตุการณ์ร้านแรงมากมายที่ปัจจุบันยังเกิดขึ้นจากน้ำมือของอาชญากร ฆาตกรใจโหด จนมีการรณรงค์ให้มีโทษประหารเกิดขึ้น
หลายคนจึงสงสัยว่า ที่จริงแล้ว บ้านเรานั้นมีโทษประหารหรือไม่มีกันแน่ นั่นเพราะมีรายงานระบุตลอดว่า บ้านเมืองเราว่างเว้นจากการประหารชีวิตนักโทษจริงๆ มานานมาก จนทำให้นักโทษหลายคนย่ามใจ ออกมาทำผิดซ้ำอีก!! ตามข่าวที่เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน
จึงต้องขอเล่าย้อน พอสังเขปดังนี้ว่า สำหรับโทษประหารคนทำผิดกฎหมายอยู่คู่กับประเทศไทยมายาวนาน โดยมีพัฒนาการวิธีปลิดชีพนักโทษจากอดีตจนถึงปัจจุบันมาเป็นระยะ
ไล่มาตั้งแต่วิธีใช้ดาบฟันคอ ยิงเป้าด้วยปืน จนถึงล่าสุด คือ การฉีดสารพิษ…จากประวัติศาสตร์ของไทยพบว่า มีการลงโทษเด็ดขาดต่อผู้กระทำความผิดตามธรรมเนียมการปกครอง และต่อมาได้พัฒนาเป็นกฎหมายมีบทลงโทษด้วยการประหารชีวิตเพื่อให้คนเกรงกลัวต่อการกระทำผิดมาจนถึงปัจจุบัน แม้การประหารชีวิตจะสวนกระแสต้านจากนักสิทธิมนุษยชน
ซึ่งหลังจากวันที่ 12 ธันวาคม 2546 ที่ประหารไปแล้ว 4 ราย หลังจากนั้นวันที่ 24 สิงหาคม 2552 ก็มีการประหารชีวิตนักโทษเด็ดขาดชายอีก 2 รายด้วยวิธีการฉีดสารพิษเช่นเดียวกัน
หลังจากที่ผ่านมา ไทยเราได้ประหารนักโทษเด็ดขาดด้วยการยิงเป้าไปทั้งสิ้น 319 ราย เป็นชาย 316 ราย และหญิงอีก 3 ราย ซึ่งรายสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อเดือน ธันวาคม 2545
แต่ก็ยังน่าสนใจมากว่า ข้อมูลไม่นานมานี้ กลับพบว่าไทยเราไม่ได้ประหารชีวิตนักโทษจริงๆ มานานมากแล้ว
โดยจากข้อมูลช่วงเดือนมิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยการควบคุมตัวผู้ต้องขังที่มีโทษประหารชีวิต ภายในเรือนจำว่า กรมราชทัณฑ์ได้คุมขังนักโทษ ที่ต้องโทษประหารชีวิต ข้อมูล ณ เดือนเมษายน 2560 มีนักโทษต้องโทษประหารชีวิต ทั้งหมด 447 ราย จำแนกเป็นคดียาเสพติดให้โทษ ระหว่างชั้นอุทธรณ์ เป็นนักโทษชาย 105 ราย หญิง 51 ราย, ชั้นฎีกา เป็นชาย 12 ราย หญิงไม่มี และในชั้นเด็ดขาด เป็นชาย 55 ราย หญิง 13 ราย
ส่วนผู้ต้องขังในคดีความผิดทั่วไป เช่นคดีฆ่าคนตาย อยู่ระหว่างชั้นอุทธรณ์ เป็นชาย 110 ราย หญิง 6 ราย, ชั้นฎีกาเป็นชาย 6 ราย หญิงไม่มี และนักโทษชั้นเด็ดขาด เป็นชาย 85 ราย และหญิง 4 ราย จากสถิติดังกล่าวพบว่าโทษประหารชีวิตในคดีทั่วไปมีจำนวนมากกว่าคดียาเสพติดให้โทษ
การประหารชีวิตนักโทษเด็ดขาดชายอีก 2 รายด้วยวิธีการฉีดสารพิษ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2552
ทั้งนี้นักโทษประหารจะถูกควบคุมตามเรือนจำต่างๆ ดังนี้ เรือนจำกลางบางขวาง 275 คน เรือนจำกลางคลองเปรม 2 คน เรือนจำกลางเขาบิน 19 คน เรือนจำกลางสงขลา 31คน เรือนจำกลางพิษณุโลก 6 คน เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช 46 คน ทัณฑสถานหญิงกลาง 57 คน ทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา 4 คน และทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ 7 คน
อย่างไรก็ดี เมื่อดูจากรายงานข่าวที่ระบุว่า ครั้งล่าสุดที่มีการประหารชีวิตด้วยการฉีดสารพิษคือเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2552 เป็นนักโทษเด็ดขาดและต้องคดีเกี่ยวกับยาเสพติด 2 ราย หลังจากนั้นจนถึงปัจจุบันยังไม่มีการประหารชีวิตที่พรากเอาวิญญาณนักโทษไปจริงๆ เลยสักราย
นั่นก็แปลว่า ไทยเราว่างเว้นจากการประหารชีวิตมาร่วม 8 ปีแล้ว!!!
ขณะที่ในสังคมภายนอกเรือนจำ ยังคงถามหาความยุติธรรมให้กับผู้สูญเสีย เช่นเดียวกับที่ฝ่ายสิทธิมนุษยชน ก็ทวงถามถึงสิทธิที่มนุษย์คนหนึ่งจะขอโอกาสแก้ตัว
นี่จึงเป็นช่องว่างอันมหึมา ที่ใครจะให้คำตอบได้ว่าที่สุดแล้ว จะมีทางออกแบบไหนกันแน่!
/////////////////////////
ขอขอบคุณภาพ จาก https://board.postjung.com/919794.html
และหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง