วันนี้ในอดีต

เปิดไนท์มิวเซียม โชว์พระขอฝน:พระพุทธรูปคันธารราฐ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดไนท์มิวเซียมครั้งแรก โชว์“พระพุทธรูปคันธารราฐ"ในงาน“รำลึกรัตนโกสินทร์ 230 ปี เนรมิตถนนท่าพระอาทิตย์เป็นถนนคนเดิน คนไทยร่วมย้อนรอยวิถีชีวิตศิลปวัฒนธรรมชาติ

 

      2555 เป็นปีแห่ง การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ครบ 230 ปี กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ ได้ร่วมกับ กรมศิลปากร สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร กรุงเทพมหานคร และประชาคมชาวบางลำพู จัดงาน “รำลึกรัตนโกสินทร์ 230 ปี"

     คลื่นมนุษย์เรือนแสนคราคร่ำถนนคนเดิน ตลอดเส้นทางถนนท่าพระอาทิตย์ คนไทยหน้าตาแจ่มใสมาร่วมย้อนรอยวิถีชีวิตศิลปวัฒนธรรมชาวกรุงเก่า ชื่นชมกิจกรรมรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ในวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 8-10 , 15-16, 22-23 ธ.ค. และวันที่ 12-13 ม.ค. 2556

      การเฉลิมฉลอง “รำลึกรัตนโกสินทร์ 230 ปี"จัดยิ่งใหญ่ มีกิจกรรมที่หลากหลาย มีทั้งการเปิดอาคารที่ทำการของกรมศิลปากร ถนนหน้าพระธาตุ หอประติมากรรมต้นแบบ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ ซึ่งเป็นบริเวณของวังเก่าในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ให้ประชาชนเข้าชมโบราณวัตถุ และสิ่งของอันล้ำค่าแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

     ไม่เพียงเท่านั้น กรมศิลปากรยังได้จัดกิจกรรมพิเศษ  ด้วยการเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และ หมู่พระที่นั่งต่างๆ ภายในบริเวณพิพิธภัณฑ์ในยามค่ำคืนจนถึงเวลา 20.00 น. หรือ “ไนท์มิวเซียมเป็นครั้งแรก” อาทิ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ กราบไหว้พระพุทธสิหิงค์ พระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พระตำหนักแดง พร้อมทั้งมีการสาธิตและการจัดแสดงผลงานฝีมือช่าง จากสำนักช่างสิบหมู่ สินค้าต้นแบบจากโครงการ Creative Finearts

      ไนท์มิวเซียม ยังมีการจัดแสดงศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง หลักที่ 1 เป็นของจริง เครื่องทองจากกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ ศิลปะสมัยอยุธยา พุทธศตวรรษที่ 22-24 พระแท่นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กลองวินิฉัยเภรี เป็นกลองสำหรับราษฎรตีร้องทุกข์ถวายฎีกา โดยไม่ต้องรอเวลาเสด็จออกนอกพระบรมมหาราชวัง มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาล 1 จนถึงสมัยรัชกาลที่ 3 หัวหุ่นหลวงพระราม พระลักษณ์

       วันนี้ในอดีต 10 ธ.ค. 2555 ไฮไลท์ของงาน“รำลึกรัตนโกสินทร์ 230 ปี" มีโบราณวัตถุชิ้นสำคัญที่จัดแสดง ในโอกาสพิเศษเปิดไนท์มิวเซียมครั้งแรก คือ “พระพุทธรูปคันธารราฐ” สมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้“นายอัลฟอนโซ ทอร์นาเรลลี” ช่างชาวอิตาเลียนปั้น

       “พระพุทธรูปคันธารราฐ” สมัยรัตนโกสินทร์ แบบศิลปะคันธารราฐ สร้างจากสำริด กะไหล่ทอง สูงพร้อมฐาน 73.5 ซ.ม. ฐานกว้าง 23.5x23.5 ซ.ม.โดยอนุโลมตามพระพุทธรูปคันธารราฐในประเทศอินเดีย เมื่อ พ.ศ.2453

     พระพุทธรูปคันธารราฐ เป็นพระพุทธรูปอำนวยความอุดมสมบูรณ์ สร้างขึ้นเป็นพระขอฝน สำหรับใช้ในพระราชพิธีพิรุณศาสตร์ และงานพระราชพิธีพืชมงคล เพื่อความเป็นมงคลในการพระราชพิธีอำนวยให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล พื้นดินอุดม พืชพันธุ์ธัญญาหารบริบูรณ์ 

      ศ.ดร.ศักดิ์ชัย สายสิงห์ เขียนไว้ในหนังสือ พระพุทธรูปสำคัญ และพุทธศิลป์ในดินแดนไทย (สำนักพิมพ์เมืองโบราณ) ว่า รูปแบบใหม่ในการสร้างพระพุทธรูป ในสมัยรัชกาลที่5 คือพระพุทธรุปที่สร้างใหม่ ตามแนวคิดเหมือนจริง

     กล่าวคือ พระพุทธรูปคันธารราฐ เป็นพระพุทธรูปที่เลียนแบบมาจาก พระพุทธรูปในสมัยคันธารราฐ ของศิลปะอินเดีย อีกทั้งศิลปคันธารราฐ ได้รูปแบบและแนวคิดในการสร้างบูชาเคารพมาจากศิลปะกรีก-โรมัน ซึ่งมีแนวคิดเหมือนจริง การครองจีวรที่เป็นริ้วตามธรรมชาติ

      พระพุทธรูปคันธารราฐ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5โปรดเกล้าฯ สร้างขึ้นหลายองค์ เท่าที่พบ 3 องค์ประดิษฐานที่หอคันธารราฐ ในพระบรมมหาราชวัง องค์หนึ่งที่วัดเบญจมบพิตรฯ อีกองค์จัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร  กรุงเทพมหานคร ตราบเท่าทุกวันนี้

—---//——- 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ