วันนี้ในอดีต

18 พ.ย.2520 40ปีสสอท.สร้างชาติบ้านเมือง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ก่อนเหตุการณ์14 ตุลาฯไม่กี่ปี นักธุรกิจหลายกลุ่มหันมาให้ความสนใจลงทุนกับการศึกษา ผุดสถาบันอุดมศึกษาเอกชน กอดคอผนึกเป็นหนึ่งเดียว 

 

         ด้วยความสามัคคี กลมเกลียวของผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาเอกชนในยุคนั้น เกิดการรวมพลังกัน โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกันในอันที่จะสร้างความมั่นคง ความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดขึ้นแก่ชาติบ้านเมือง

         ผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาเอกชน จึงได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มก่อนประกาศใช้พระราชบัญญัติวิทยาลัยเอกชน พ.ศ. 2512 อธิการบดีของแต่ละสถาบัน ผลัดเปลี่ยนทำหน้าที่เป็นประธานของกลุ่มสลับกันไป

         ในระยะแรกนั้น มีสถาบันอุดมศึกษาเอกชนอยู่ 6 สถาบัน ตราบจนกระทั่งวันที่ 25 กันยายน พ.ศ.2519 จึงได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เรียกกลุ่มนี้ว่า “ชมรมผู้บริหารวิทยาลัยเอกชน แห่งประเทศไทย”

         มีข้อบังคับชมรมฯ ซึ่งยังไม่มีสภาพเป็น“นิติบุคคล”แต่มี“ประธานชมรม” ซึ่งเป็นหัวหน้า มีการประชุมปรึกษาหารือกันในเรื่องต่างๆ ของวิทยาลัยเอกชน อย่างน้อยเดือนละครั้งต่อเนื่องกันและเมื่อชมรมฯ เป็นปึกแผ่นมั่นคงดีแล้ว

         ชมรมผู้บริหารวิทยาลัยเอกชน แห่งประเทศไทย  ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้จดทะเบียนเป็น “สมาคมวิทยาลัยเอกชนแห่งประเทศไทย หรือ สสอท.”เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2520 

         ต่อมาเมื่อมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติ สถาบันอุดมศึกษาเอกชน เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2522 และเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติ ดังกล่าว สมาคมฯจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย”หรือ “สสอท.”ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2522 เป็นต้นมาตราบจนทุกวันนี้ 

         ทว่า สสอท. นับวันเริ่มต้นของการสถาปานา“18 พฤศจิกายน 2520”  เมื่อปี 2559 มีสถาบันการศึกษาที่เป็นสมาชิกของ  “สสอท.” จำนวน 68 สถาบัน

         สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท) เรียกชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “ASSOCIATION OF PRIVATE HIGHER EDUCATION INSTITUTIONS OF THAILAND” (APHEIT) ได้กำเนิดขึ้นด้วยความสามัคคี กลมเกลียวของผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกันในอันที่จะสร้างความมั่นคง ความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดขึ้นแก่ชาติบ้านเมือง โดยสร้างบุคลากรที่มีประสิทธิภาพเพื่อรับใช้สังคมและประเทศชาติ

         สสอท.ยุค “ดร.พรชัย  มงคลวานิช” อธิการยดีมหาวิทยาลัยสยาม รั้งเก้าอี้นายกสสอท.ได้ทำหนังสือลงวันที่ 14 มิถุนายน 2558 กราบบังคมทูล “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ขอพระราชทานพระมหากรุณาทรงรับ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยอยู่ในพระราชูปถัมภ์ โดยมีหนังสือตอบทรงรับสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยไว้ในพระราชูปถัมภ์ ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2558 เป็นต้นมา

         สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  มีบทบาทสำคัญยิ่งในการสร้างความร่วมมือและสร้างสามัคคีธรรมระหว่างสถาบันอุดมศึกษาเอกชนกับสถาบันการศึกษาอื่นๆ รวมทั้งการส่งเสริมการค้นคว้า วิเคราะห์และวิจัยเพื่อนำผลการวิจัยไปเผยแพร่ให้เกิดประโยชน์กับสังคมและบ้านเมือง

         การวิจัยและการสร้างผลงานวิชาการถือเป็น“พันธกิจ”สำคัญของสถาบันอุดมศึกษา อีกทั้งเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรยังมีการกำหนดให้คณาจารย์ต้องมีการนำผลงานวิจัย/วิชาการไปเผยแพร่ และบัณฑิตในระดับบัณฑิตศึกษาก็ต้องมีการเผยแพร่ผลงาน ทั้งในรูปของการตีพิมพ์ในวารสารและ/หรือการนำเสนอในที่ประชุมวิชาการ เพื่อตอบสนองเกณฑ์มาตรฐานและการส่งเสริมความก้าวหน้าเชิงวิชาการของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน

         สสอท.ได้มอบหมายให้คณะกรรมการฝ่ายวิชาการและประกันคุณภาพการศึกษาดำเนินการจัดประชุมวิชาการระดับชาติ เพื่อเป็นเวทีให้กับคณาจารย์และนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของสถาบันสมาชิกและสถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ ได้นำผลงานมาเผยแพร่ ซึ่งมีการจัดมาอย่างต่อเนื่อง การนำเสนอผลงานวิจัยและผลงานวิชาการ แบ่งเป็น 11 กลุ่มสาขา ประกอบด้วย 1) เทคโนโลยีสารสนเทศ 2) วิศวกรรมศาสตร์ 3) บริหารธุรกิจ 4) บัญชี 5) เศรษฐศาสตร์ 6) การโรงแรมและการท่องเที่ยว 7) ศึกษาศาสตร์ 8) พยาบาลศาสตร์ 9) สาธารณสุขศาสตร์ 10) นิติศาสตร์ 11) นิเทศศาสตร์ และสาขาอื่นๆ

         วันนี้ในอดีต 18 พ.ย.2520 ครบรอบ 40 ปีของการสถาปนา “สสอท.”เพียงแต่ปี 2560 "สสอท."ภายใต้บารมีของ"ดร.วัลลภ สุวรรณดี"ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ในฐานะนายกฯสสอท.คนปัจจุบัน เป็นประธานเปิดงานวันสถาปนาสสอท. และได้รับเกียรติจาก “ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา” ปาฐกถาพิเศษเรื่อง"การปฏิรูปการอุดมศึกษากับการอุดมศึกษาเอกชน" 15.30 น. พิธีลงนามความร่วมมือระหว่างสสอท.กับผู้แทนทางการของ ADOBE ประเทศไทย ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมเซนจูรี พาร์คถนนราชปรารภ กรุงเทพฯ

         นี่คือก้าวย่างที่สำคัญของสสอท. ตลอลเวลา 40 ปีที่แบ่งเบาภาระรัฐในการ“ร่วมรับผิดชอบจัดการศึกษา” ของชาติ ขณะที่กลไกรัฐหลายอย่าง ยังไม่ “ถูกปลดแอก” แต่กลุ่มผู้บริหาร สสอท.เหล่านี้ล้วนใจสู้ เพราะพวกเขาและเธอ“หัวใจทองคำ”.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ