วันนี้ในอดีต

น้ำตาลูกผู้ชายชื่อ “น็อต” บทเรียนชีวิตแสนแพง ยิ่งกว่ารถ!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จำได้มั้ย "น็อตกราบรถ"กับเสียงวิพากษ์วิจารณ์  ในทำนองตำหนิ ว่ากล่าวถึงการแสดงพฤติกรรม และทำเกินกว่าเหตุ ไม่ให้เกียรติคนด้วยกัน

            ไม่น่าจะลืม เพราะวันนี้เมื่อปีที่แล้ว ลูกผู้ชาย ชื่อ “น็อต” อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล อายุ 28 ปี ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น "ธีร์"  ได้หลั่งน้ำตาให้กับบทเรียนชีวิตแสนแพง เมื่อเขาได้ยอมให้อารมณ์ชั่ววูบนำทางชีวิต และเพียงเสี้ยวนาที ก็สร้างความเสียหายเกินจะประเมินค่า 

            แนน่อน ไม่ใช่คดีทางแพ่ง ที่มีการไกล่เกลี่ยจนจบ เมอืวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยยอมจ่ายคู่กรณี 180,000 บาท พร้อมจ่ายค่าผ่าตัด

            หรือไม่ใช่แค่คดีอาญาที่ลงท้ายว่า ศาลพิพากษาจำคุก น็อต อัครณัฐ กับเพื่อนคนละ 2 ปีซึ่งเป็นโทษหนักสุดในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส โดยจำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 ปี และจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนโทษจึงให้รอลงอาญา 2 ปี โดยให้ทำงานบริการสังคมด้วย คนละ 24 ชั่วโมง พร้อมรายงานตัวทุกๆ 3 เดือน จำนวน 4 ครั้ง

            แต่เป็นเรื่องราวชีวิตของน๊อตเองหลังจากนั้น!!

            ย้อนไปในวันเกิดเหตุต้นเรื่อง จากวันที่ 6 พ.ย. 2559 ที่มีคนแห่แชร์คลิป หนุ่มเลือดเดือด!! กระชากคอ-ตบหน้ามอไซค์ที่ขี่มาเฉี่ยวรถมินิคูเปอร์ที่หน้าโรบินสันบางรัก โดยในคลิปนั้น มีผู้ชายสองคนใส่เสื้อสีขาว ได้เดินไปกระชากคอเสื้อคนขับมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่อีกฝั่งของถนน พร้อมกับดึงลงมาจากรถ

            จากนั้น พาเดินข้ามไปยังที่ท้ายรถมินิคูเปอร์สีเหลืองที่จอดอยู่ข้างทาง แล้วมีปากเสียงกัน ถึงขั้นทำร้ายร่างกายคนขับมอเตอร์ไซค์ พร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งภายหลังทราบว่าเป็น น็อต OIC ที่ได้ตะคอกออกมาหลายครั้งว่า “กราบรถกู!!” 

            ที่สุด คลิปนี้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของชาวเนตกันอย่างกว้างขวาง ในทำนองตำหนิ ว่ากล่าวถึงการแสดงพฤติกรรม และทำเกินกว่าเหตุ ไม่ให้เกียรติคนด้วยกัน!

            กระทั่งเวลาต่อมา น็อต อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือที่รู้จักกันในวงการ “น็อต เวคคลับ” ดาราดังนักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง จึงออกมาเปิดเผยตัวว่าเป็นคนในคลิป โดยเข้าพบเจ้าหน้าที่ ที่สน.ยานนาวา เนื่องจากคู่กรณี คือ กิตติศักดิ์ สิงโต อายุ 25 ปี ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ่ได้ไปแจ้งความไว้

            ต่อมาทั้งคู่ได้พูดคุยและเล่าเหตุการณ์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟัง ทั้งคู่ได้กล่าวขอโทษซึ่งกันและกัน โดยฝ่ายเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์นั้น บาดเจ็บจมูกหักและใบหน้าฟกซ้ำ จนต้องเข้ารับรักษาตัวที่ รพ.เลิศสิน ขณะที่ภายหลังยังระบุแก่สื่อมวลชนว่า ตนนั้นได้วนรถกลับมาเพื่อจะอธิบายว่าถูกรถแท็กซี่ชนก่อน แต่เมื่อจอดรถ ดาราหนุ่มก็ปรี่เข้ามาตามที่ปรากฏในคลิป ซึ่งขณะที่เกิดเหตุตนไม่ได้ต่อสู้ หรือทำร้ายร่างกายดาราหนุ่ม ตนถูกต่อยรวม 7 ครั้ง

            ที่สุด ด้วยทนกระแสกดดันจากโลกออนไลน์ไม่ไหว รุ่งขึ้น คือ วันที่ 7 พ.ย. 2559 น็อตได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ที่ตึกแกรมมี่ ชั้น 30

            โดยระบุทั้งน้ำตาว่า เรื่องในคลิปที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นมาได้ 2 วันแล้ว ทางน็อตกับคู่กรณีได้เคลียร์กันลงตัวแล้ว และยอมรับว่าตนเองใจร้อน ซึ่งทั้งสองฝ่ายยอมรับว่าต่างคนต่างผิด

            “ผมสาบานว่าผมขอโทษที่ทำร้ายน้องบอย ผมบอกแม่ของน้องว่า แม้ผมไม่ค่อยมีเงิน ผมเป็นเด็กรับผิดชอบ วันนี้มีคนบุกมาปาไข่ที่ร้านผม พ่อแม่ผมโดนหมด ร้านอาหารผมก็โดน ผมถามว่าคนเหล่านั้นทำอะไรผิด ผมทำผิด ผมรับผิดชอบ ผมไม่เคยหนีไปไหน ผมไม่มีความจำเป็นที่ต้องหนีไปไหน ผมไม่ได้มาสร้างภาพเป็นคนดี ทุกอย่างอยู่ที่ใจของผม ผมตั้งใจทำมันออกมา แต่การกระทำแค่ 1 นาทีครึ่งนั้น อย่าเอาเรื่องนี้มาตัดสินผมเลย”

            หลังจากนั้น น็อตก็ได้เดินไปยกมือไหว้นางสุธีรา แม่ของบอย คู่กรณีเพื่อขอโทษอีกครั้ง เสมือนว่าเรื่องจบลงด้วยดี

            หากแต่ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะอย่างที่รู้กัน ในโลกของสังคมออนไลน์ เรื่องราวที่ไปได้เร็ว แรง และบานปลาย ย่อมยากที่จะเรียกคืนความเสียหาย

            งานนี้จึงถือเป็นบทเรียนราคาแพงของน็อต ที่เทียบไม่ได้เลยกับไฟท้ายรถต้นเหตุสีเหลืองคันนั้น ซึ่งเจ้าตัวแม้จะลงทุนลงสร้างหา มาด้วยน้ำพักน้ำแรงมากมายขนาดไหน

            หากแต่ภาพลักษณ์และภาพจำของตนเองในสายตาของประชาชน คือ สิ่งที่สูงค่ามากกว่าและวัดราคาไม่ได้ สะท้อนจากที่ภายหลัง น็อตยังถูกต้นสังกัดยกเลิกสัญญา ถอดรางวัลคนดีตัวอย่างออกไป พร้อมกับฉายา “น็อต กราบรถ” ที่ไม่รู้จะติดตัวเขาไปอีกนานแค่ไหน? ช่างน่าเห็นใจ

            แต่ถึงวันนี้ น็อต น่าจะได้เรียนรู้บทเรียนนี้แล้วว่า การลงไม้ลงมือด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ไม่ได้ช่วยดับความโกรธได้ หรือเรียกคืนสิ่งที่เสียหายไปได้ ตรงกันข้ามมันคือการดับอนาคตของตนเองมากกว่า!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ