วันนี้ในอดีต พบ'สาวจีน'หนีจากกรุ๊ปทัวร์ หลงป่า

            วันนี้ในอดีต 13 ก.ย. 2559  ชาวบ้านพบ'สาวจีน' ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่สูญหาย ที่กระต็อบริมถนนสายเขาน้อย หมู่ที่ 6 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา ซึ่งตั้งอยู่ข้างทางห่างจากสวนเสือศรีราชา ประมาณ 500 เมตร โดยชาวบ้านที่่พบคือ นายสุทัศน์ ศรีวัฒนะ อายุ 54 ปี ซึ่งเล่าว่า เห็นผู้หญิงคนดังกล่าวกำลังนั่งซักผ้าอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้าน จึงเดินทางไปสอบถามปรากฏว่าพูดภาษาจีน ประกอบกับได้รับทราบข่าวว่า มีนักท่องเที่ยวชาวจีนสูญหาย จากสวนเสือศรีราชา จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้รับทราบ เพื่อมานำตัวกลับไป แต่เนื่องจากสาวจีนคนดังกล่าวยังอยู่ในอาการหวาดกลัว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการเกลี่ยกล่อมเป็นเวลานาน

             หลังจากเจ้าตัวยินยอม เจ้าหน้าที่จึงนำตัวขึ้นรถโรงพยาบาลพญาไทศรีราชา มาที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนล่วงหน้า สภ.หนองขาม ซึ่งตั้งอยู่ภายในสวนเสือศรีราชา หลังนำตัวมาถึงพบว่าสาวจีนมีอาการอ่อนเพลีย พูดจาวกวนและตื่นกลัว เจ้าหน้าที่แพทย์จากโรงพยาบาลพญาไทศรีราชา จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลพญาไท ศรีราชาเพื่อให้แพทย์ตรวจอาการ พบว่าร่างกายก่อนเพลีย เพราะไม่ได้กินข้าวมาตั้ง 2 วัน  จากนั้นได้แจ้งตำรวจท่องเที่ยวพัทยา พร้อมประสานสถานทูตประเทศจีน มารับตัวและส่งกลับประเทศจีนต่อไป

           จากการที่ล่ามประจำสวนเสือศรีราชา พูดคุยกับสาวจีนคือ นางเกาลี่ผิง  พบว่าเธอมีอาการเครียดมาก เนื่องจากมีปัญหาครอบครัวและทำให้มีปัญหาสุขภาพจิตและสับสนในชีวิต โดยเธอบอกว่า มีคนบังคับให้เธอทำประกันชีวิตไว้ แล้วคนที่บังคับเป็นผู้รับผลประโยชน์ และถ้าหากตนเองเป็นอะไรไปหรือจนถึงแก่ชีวิต คนที่บังคับให้ทำประกันภัย จะเป็นผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยหลายล้านบาท  ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เธอเกิดความกลัวว่า ถ้ากลับไปประเทศจีนจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต จึงพยายามหาทางออกด้วยการหลบหนีจากกรุ๊ปทัวร์ โดยใช้วิธีลอดรั้วลวดหนามของสวนเสือศรีราชาเพื่อเดินเข้าไปในป่าที่รกร้างริมสวนเสือโดยการเดินเท้าและเกิดหลงในป่า เป็นเวลา 2 วัน

            เธอเล่าอีกว่า ระหว่างที่หลงป่าก็เจองูในป่า จึงหลบอยู่และเดินไปที่กระต็อบเพื่อซักผ้าตาก จนมีคนไปพบดังกล่าว

            สำหรับ นางเกาลี่ผิง อายุ 36 ปี เดินทางมาท่องเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ ที่สวนเสือศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ปี 2559 จากนั้นได้หายตัวไป ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอศรีราชา ต้องระดมกำลังจาก ตำรวจ ทหาร อาสาสมัคร กว่า 200 คน ออกค้นหาและดูกล้องวงจรปิดทุกตัวเป็นเวลาถึง 2 วัน