วันนี้ในอดีต คุก 2 ปี !‘ขวัญชัย ไพรพนา’ คดีตีพันธมิตรฯ

          วันนี้ในอดีต 28 มิ.ย. 2559  ศาลจังหวัดอุดรธานี  ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่นายเจริญ หมู่ขจรพันธุ์ อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือกลุ่มเสื้อเหลืองกับพวก 7 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายขวัญชัย สารคำ หรือ ไพรพนา อดีตประธานชมรมคนรักอุดร กลุ่มคนเสื้อแดง  ข้อหา ร่วมกันพยายามฆ่า,ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส, ร่วมกันทำร้ายร่างกายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันทำลายทรัพย์สิน” เหตุเกิดที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม เขตเทศบาลนครอุดรธานี เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2551 จนตกเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วประเทศ โดยศาลฎีกาจำคุกนายขวัญชัย 2 ปี ไม่รอลงอาญาและปรับ 350,000บาท

    คดีนี้ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาให้จำคุกนายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา 2 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญาและ ปรับเพื่อเยียวยาเป็นเงิน 350,000 บาท อย่างไรก็ตามศาลอนุญาตให้นายขวัญชัย ประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ด้วยหลักทรัพย์ 500,000 บาท ซึ่งนางอาภรณ์ สาราคำ ภรรยานายขวัญชัย ได้ใช้หลักทรัพย์โฉนดที่ดิน มีสิ่งปลูกสร้าง ประกันตัวนายขวัญชัย ออกมา

       ต่อมาเมื่อวันที่ 24 พ.ค.2559  ได้มีนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา แต่ปรากฎว่านายขวัญชัย ไม่ได้เดินทางมารับฟังคำพิพากษา  ทำให้ศาลต้องเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปและนัดอ่านคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 28 มิ.ย.2559  แต่ปรากฎว่านายขวัญชัย ก็ยังไม่เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นครั้งที่ 2  ศาลจึงอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยโดยลงโทษจำคุกนายขวัญชัย เหลือ 2 ปี ไม่รอลงอาญา และปรับ 350,000 บาท   

         ต่อมาในวันที่ 6 ก.ค. 2559 ที่กองบัญชาการ มทบ.24  นายขวัญชัย ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับ พล.ต.อำนวย จุลโนนยาง ผบ.มทบ.24 , พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงศ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี หลังจากที่ได้หลบหนีฟังคำพิพากษาศาลฎีกา จากนั้นถูกนำตัวส่งเรือนจำกลางจังหวัดอุดรธานี  

         สำหรับเหตุการณ์ในคดีนี้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 24 ก.ค.2551 ขณะที่พันธมิตรฯ อุดรธานี กำลังเตรียมเปิดเวทีปราศรัยภายในหนองประจักษ์ศิลปาคม เทศบาลนครอุดรธานี ทางกลุ่มเสื้อแดง นำโดยนายขวัญชัย ประธานชมรมคนรักอุดรและสมาชิกกว่า 700 คน ที่นัดมารวมตัวกันที่สนามทุ่งศรีเมือง หน้าศาลากลางจังหวัดอุดรฯ ได้เดินเท้าฝ่าด่านเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกเวทีปราศรัยของพันธมิตรฯจากนั้นได้ใช้อาวุธทั้งไม้และเหล็กรุมทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ และรื้อทำลายเวทีของพันธมิตร ก่อนแยกย้ายกันหนีไป