วันนี้ในอดีต

วันนี้ในอดีต ศาลฯรอลงอาญา'โอ๋ สืบ 6’ปล่อยคนทำร้าย'พันธมิตร'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วันนี้ในอดีต 25 มิ.ย.2558 ศาลฎีกาพิพากษารอลงอาญา 2 ปี ‘โอ๋ สืบ 6’ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยคนทำร้าย ‘กลุ่มพันธมิตร’ โห่ไล่ ‘ทักษิณ’ ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์

          วันนี้ในอดีต 25 มิ.ย.2558  ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการ และผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่ถูกทำร้ายซึ่งเป็นผู้เสียหาย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา อดีตผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 หรือ ‘โอ๋ สืบ 6’ เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 
             คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค.2549 เวลากลางวัน ขณะเกิดเหตุจำเลยดำรงตำแหน่ง ผกก.สืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 6   ได้มีนายจรัล จงอ่อน กับพวก เข้าไปรุมใช้กำลังประทุษร้าย นายฤทธิรงค์ ลิขิตประเสริฐกุลและนายวิชัย เอื้อปิยาพันธุ์ ผุ้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) ที่ตะโกนขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ที่ไปร่วมงานบริเวณห้างเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า โดยจำเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่จับกุม นายจรัลกับพวกมาดำเนินคดี เหตุเกิดที่แขวง-เขตปทุมวัน กทม.

            คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 23 พ.ค.51 ว่า จำเลยมีความผิด ตาม ม.157 ให้จำคุก 2 ปีและปรับ 10,000 บาท แต่ไม่เคยปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำความผิดมาก่อน ประกอบกับจำเลยได้ประกอบคุณงามความดีด้วยการปฏิบัติหน้าที่ราชการเพื่อประเทศชาติด้วยดีตลอดมา และหลังจากเกิดเหตุคดีนี้จำเลยถูกลงโทษทางวินัยให้ไล่ออกจากราชการ อันทำให้จำเลยหมดอนาคตในชีวิตราชการ นับได้ว่าจำเลยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในหน้าที่การงานจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จำเลยคงสำนึกในการกระทำของตน ถือได้ว่าเป็นเหตุอันควรปราณี และเพื่อให้โอกาสจำเลยได้กลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี

           ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ขอให้พิพากษายกฟ้อง โดยต่อสู้ว่าไม่เคยรู้จักกับนายจรัล กับพวกมาก่อน และการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ที่ชี้มูลความผิดจำเลยไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 26 ส.ค.54 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น แต่จำเลยฎีกาต่อสู้ อีกว่าการกระทำของจำเลย ไม่ได้เป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามมาตรา 157

            ศาลฎีกาประชุมตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่า  การไต่สวนในชั้น ป.ป.ช. มีหลักฐานที่เป็นแผ่นวีซีดีบันทึกภาพและเสียงขณะที่มีการสนทนาของจำเลยกับนายจรัล และพวก  ซึ่งจำเลยอยู่ในเหตุการณ์โดยมีการพูดคุยกับนายจรัล จริง ตามภาพบันทึกเหตุการณ์ในแผ่นวีซีดี โดยเมื่อพิจารณาคำพูดในแผ่นวีซีดีแล้ว จำเลยเคยรู้จักและมีอำนาจสั่งการเหนือกลุ่มนายจรัล มาก่อน เชื่อได้ว่าจำเลยมีส่วนรู้เห็น เพราะอยู่ในพื้นที่และสถานการณ์เดียวกัน การที่กลุ่มนายจรัล ซึ่งไม่มีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีทำร้ายผู้เสียหาย โดยที่จำเลยไม่เข้าไประงับเหตุการณ์ ซึ่งจำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ต้องจับกุมผู้กระทำผิด แต่กลับละเลยไม่กระทำการดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์  จึงมีความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบสร้างความเสียหายให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามมาตรา 157  พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้น     

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ