วันนี้ในอดีต 12 พ.ค. ...วันเกิด‘ ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล’ ผู้บุกเบิก‘พยาบาลสมัยใหม่’ ได้รับการยกย่องว่า“สตรีผู้ถือตะเกียง”(The Lady with the Lamp)
วันนี้ในอดีต ย้อนไปเมื่อ 197 ปีที่แล้ว วันที่ 12 พ.ค. พ.ศ. 2363 เป็นวันเกิดของ ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล(Florence Nightingale) สตรีชาวอังกฤษผู้บุกเบิกด้านการพยาบาลสมัยใหม่
เธอเกิดในครอบครัวเศรษฐีชาวอังกฤษที่กรุงฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ในยุคที่กุลสตรีชั้นสูงได้รับการเตรียมในครอบครัว ให้เป็นผู้มีความพร้อมสำหรับการแต่งงานกับชนชั้นสูงด้วยกันเพื่อทำหน้าที่ภรรยาและมารดาที่ดีต่อไป
แต่สำหรับ ‘ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล’ เธอไม่ต้องการสังคมแบบนั้น จึงได้พยายามศึกษาหาความรู้ จนกระทั่งมีความรอบรู้วิชาการต่างๆ เป็นอย่างดีและพูดได้ดีถึง 6 ภาษา
‘ ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล’ เป็นผู้ที่มีความศรัทธาแรงกล้าในศาสนาและไม่ประสงค์จะแต่งงาน แต่ต้องการทำความดีแก่มวลมนุษย์เพื่ออุทิศเป็นกุศลถวายแด่พระผู้เป็นเจ้ามากกว่า เธอบอกว่า ได้ยินเสียงจากพระองค์ให้เธอช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จึงได้พยายามแสวงหาวิธีการที่จะสามารถใช้เป็นประโยชน์แก่คนส่วนใหญ่ในขณะนั้น และพบว่าการเป็น ‘พยาบาล’น่าจะเป็นวิธีการที่เหมาะสมมากกว่าวิธีอื่น ทั้งที่ในสมัยนั้น สังคมยังกำหนดบทบาทให้ผู้หญิงเป็นเพียงแม่บ้านและภรรยาเท่านั้นแต่เธอปฏิเสธความเชื่อดังกล่าว โดยเริ่มออกช่วยรักษาคนป่วยที่ยากจน
ต่อมา พ.ศ. 2389 เธอเดินทางไปศึกษา'พยาบาล'ที่เมืองไคเซอร์เวิร์ธ (Kaiserswerth) ประเทศเยอรมนี และเริ่มอาชีพพยาบาลตั้งแต่ พ.ศ. 2394
ในช่วงสงครามไครเมีย(Crimean War) มีทหารล้มตายและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยไม่มีหน่วยงานเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง ในปี พ.ศ. 2397 เธอจึงรวมตัวกับเพื่อน 38 คน เดินทางไปตุรกี และเข้าทำงานเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลค่ายทหารที่สคูตารี (Scutari) (ปัจจุบันคืออิสตันบูล) ประเทศตุรกี ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามบริเวณที่มีการสู้รบคือแหลมไครเมีย เมื่อมีทหารบาดเจ็บหรือล้มป่วยจากการสู้รบก็จะขนย้ายทางเรือข้ามทะเลดำ มายังโรงพยาบาลค่ายทหารแห่งนี้ เธอใช้มาตรฐานอย่างเข้มงวด ทั้งการรักษา สุขภาพอนามัย และอาหาร เธอดูแลคนป่วยอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแม้ในยามมืดค่ำ ก็ยังคงรักษาคนไข้ใต้แสงตะเกียง จนได้รับการยกย่องว่า“สตรีผู้ถือตะเกียง”(The Lady with the Lamp)
หลังสงครามเธอกลับอังกฤษในฐานะ‘วีรสตรี’ และได้รับอิสริยาภรณ์เชิดชูคุณความดีของอังกฤษ (British Order of Merit) เป็นคนแรก
อีกทั้งในช่วงสงคราม เธอยังได้ทำการบันทึกสถิติทหารที่บาดเจ็บ ซึ่งกลายเป็นแบบอย่างในการบันทึกสถิติทางการแพทย์ในปัจจุบัน
ภายหลังเธอได้ตั้งองค์กรเพื่อสอนวิชาพยาบาลในประเทศตุรกี และก่อตั้งโรงเรียนพยาบาลอีกหลายแห่ง นอกจากนั้นเธอยังจัดหน่วยรักษาพยาบาลไปรักษาที่ต่างประเทศ เช่น สงครามกลางเมืองของสหรัฐอเมริกา และทำกิจกรรมสาธารณกุศล จนวาระสุดท้ายของชีวิตเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2453 ในวัย 90 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง