เชียร์ไทยพาวเวอร์ ติงชื่อเสียงบอลไทยเละ มือมืดจุด 'พลุแฟร์' ทีมชาติไทย U17

ชัยวัฒน์  แก้วผลึก   ประธานกิตติมศักดิ์ ชมรมเชียร์ไทยพาวเวอร์ กลุ่มแฟนบอลที่ให้การสนับสนุนทีมชาติไทย  ให้สัมภาษณ์กับ " คมชัดลึก" ว่า ภายในสัปดาห์นี้ " เชียร์ไทยพาวเวอร์" จะออกแถลงการณ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อแสดงออกถึงความเสียใจ ต่อภาพลักษณ์ฟุตบอลทีมชาติไทย   และขอให้กำลังใจไปยังสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่จะดำเนินการตามความเหมาะสม  หลังเกิดเหตุการณ์มีแฟนบอลบางกลุ่ม ก่อเหตุจุด "พลุแฟร์"  ในสนามหลังการแข่งขัน และ ขว้าง "พลุแฟร์" ลงไปในสนาม หลังการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี AFC U17 Asian Cup Thailand 2023 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ประจำวันอาทิตย์ที่ 25 มิ.ย.   คู่  "ทีมชาติไทย U17"  พบ  ทีมชาติเกาหลีใต้ ที่สนามปทุมธานีสเตเดี้ยม   แข่งขันเวลา 21.00 น

 

 

 

การแข่งขันในคู่ "ทีมชาติไทย U17" พบ  ทีมชาติเกาหลีใต้   เป็นทางฝั่งเกาหลีใต้ ที่เอาชนะ " ทีมชาติไทย"  4 -1  ทำให้โอกาสของฟุตบอลทีมชาติไทย ที่จะทำผลงานเพื่อโควตาไปเล่น ฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ชิงแชมป์โลก 2023 ที่ประเทศเปรู ต้องจบเส้นทางในที่สุด  ขณะที่เกาหลีใต้ได้โควตาดังกล่าว ทั้งนี้ความพ่ายแพ้ของฟุตบอลทีมชาติไทย ทำให้แฟนบอลบางส่วนบางกลุ่มแสดงความไม่พอใจ   และแสดงออกด้วยการก่นด่านักกีฬา  รวมทั้งการจุด "พลุแฟร์"  ในบริเวณที่นั่งเชียร์ และขว้างพลุแฟร์ลงไปในสนาม ซึ่งการกระทำดังกล่าวผิดระเบียบของการจัดการแข่งขัน   มีส่วนทำให้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้จัดการแข่งขันจะต้องถูกลงโทษ จากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ เอเอฟซี ในความผิดฐานหละหลวม ที่ปล่อยให้มีการนำเข้าสิ่งต้องห้ามเข้าไปในสนาม 

 

 

" ในความรู้สึกผม  เชื่อว่านาทีนี้เรามีแต่กำลังใจให้กัน เราคงไม่ไปด่าทอใคร  เพราะเราตระหนักดีว่า  ทุกคนในนามทีมชาติไทย ย่อมต้องการให้ทีมประสบความสำเร็จ อันหมายถึงการเอาชนะเกาหลีใต้  เพื่อโอกาสในการได้ไปเล่นฟุตบอลโลก แต่เมื่อน้อง ๆ ทุกคน ทำไม่ได้ ผมว่าเราควรให้กำลังใจกันและกัน   ทุกคนได้ทำเต็มที่แล้ว  แต่การที่แฟนบอลทีมชาติไทยบางส่วน แสดงออกในทิศทางที่ตรงกันข้าม ทั้งการด่าทอ หรือทำผิดระเบียบ ด้วยการจุดพลุแฟร์  และขว้างพลุแฟร์ ลงไปในสนามประเด็นนี้ถือว่าร้ายแรงมาก ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทย หรือ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ก็เคยถูกลงโทษไปแล้วด้วยการปรับเงินนับล้านบาท แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็กลับมาเกิดขึ้นอีก " 

 

 

เขา กล่าวว่า ในแง่ของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยแล้ว อยากให้ฝ่ายจัดการแข่งขันดูแลด้วยความเข็มงวด สำหรับแฟนบอลที่เข้าสู่สนาม เพื่อไม่ให้เกิดกรณีการทำผิดระเบียบเช่นที่เกิดขึ้นล่าสุด  สำหรับ "เชียร์ไทยพาวเวอร์" สิ่งที่แสดงออกก่อนการแข่งขัน ก็คือการเสนอบัญชีสิ่งของที่จะนำเข้าสู่สนามไปยังฝ่ายจัดการแข่งขัน เพราะทางกลุ่มคำนึงถึงการเคารพกฏกติกา แต่ในขณะที่กลุ่มเองและแฟนบอลส่วนใหญ่ต่างให้ความร่วมมือปฏิบัติตามกฏ แต่ก็มีคนส่วนน้อยที่ทำให้เกิดปัญหา  ซึ่งประเด็นที่เชียร์ไทยพาวเวอร์ให้น้ำหนักก็คือ  ความเสียหายของประเทศไทย ความเสียหายของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ไม่สามารถสร้างหลักประกันได้ว่า เมื่อเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน จะทำหน้าที่ในการดูแลการแข่งขันให้เป็นไปตามข้อกำหนด 

"ที่ผมเป็นห่วงตามมาก็คือ จากนี้โอกาสที่ประเทศไทยจะเสนอตัวต่อการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลรายการสำคัญ จะไม่ได้รับการอนุัติจากผู้เกี่ยวข้องเพราะปัญหาที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า  กรณีการจุดพลุแฟร์ หากจุดกันภายนอกก็เป็นเรื่องปกติ หากมองว่านั่นคือสีสัน คือวัฒนธรรมการเชียร์ แต่การแสดงออกในสนามมันคือการฝ่าฝืนข้อกำหนด ที่ทุกฝ่ายวางแนวทางเอาไว้"  ชัยวัฒน์ ระบุ   
 

.

สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (AFC) และ คณะกรรมการจัดการแข่งขันสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ออกข้อปฏิบัติ สำหรับการเข้าชมการแข่งขัน 

.

1. ข้อกำหนดการนำอุปกรณ์เชียร์ เข้าสนามแข่งขัน

1.1 งดการนำอุปกรณ์การเชียร์ที่ผิดต่อกฎระเบียบการแข่งขันทุกชนิดเข้าสนาม

1.2 อุปกรณ์เชียร์ทุกชนิดจะต้องได้รับการตรวจสอบและต้องได้รับอนุญาตจากฝ่ายจัดการแข่งขัน โดยการพิจารณาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย และคณะกรรมการฝ่ายจัดการแข่งขัน

.

1.3 ห้ามนำธงที่มีขนาดใหญ่เกิน 2×3 เมตร เข้าสนามแข่งขัน

1.4 ห้ามนำด้ามธงที่ทำจากวัสดุแข็ง เช่น เหล็ก,อลูมิเนียม,ท่อ PVC ,ไม้ และ/หรือมีความยาวเกิน 1 เมตร เข้าสนามแข่งขัน

1.5 ห้ามนำธงที่มีข้อความที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ,การเมือง, ข้อความเป็นการดูหมิ่น สร้างความแตกแยก ยั่วยุผู้อื่นเข้าสนามแข่งขัน

.

1.6 แฟนบอลที่มีความประสงค์จะนำอุปกรณ์เชียร์เข้าสู่สนาม เช่น ป้ายทุกขนาด กลอง ธง ด้ามธง หรือ อุปกรณ์การเชียร์ทุกชนิด ให้ทำหนังสือถึงสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่อีเมล [email protected] เพื่ออนุญาตและนำฝากอุปกรณ์ต่างๆ กับฝ่ายจัดการแข่งขัน ภายในวันที่ 14 ก.ค.   เวลา 17.00 น.

1.7 ในวันแข่งขัน จะไม่อนุญาตให้นำอุปกรณ์เชียร์ใดๆ ที่นอกเหนือจากข้อ 1.2 – 1.5 เข้าภายในสนามโดยเด็ดขาด

.

2. สิ่งต้องห้ามนำเข้าสนามแข่งขัน และสถานที่จัดการแข่งขัน

2.1 อาวุธ : อาวุธปืน, มีด, สิ่งของมีคม, ขวดแก้ว, วัตถุระเบิด รวมถึง พลุแฟลร์, พลุควันสี, สิ่งที่ทำให้เกิดควัน, บุหรี่ไฟฟ้า

2.2 สาร : ยาเสพติด, สารที่ก่อให้เกิดมลพิษ, เครื่องดื่มแอลกฮอลล์ หรือ วัตถุออกฤทธิ์มึนเมา

2.3 ขวดน้ำ, กระป๋องน้ำ ที่ไม่ได้รับอนุญาต

2.4 นกหวีด และเลเซอร์

2.5 กล้อง DSLR และกล้องเพื่อถ่ายภาพเคลื่อนไหว

.

2.6 ห้ามนำ “โดรน” ขึ้นบันทึกภาพเหนือสถานที่จัดการแข่งขันและสนามแข่งขัน หากตรวจพบจะถูกยึดอุปกรณ์ทันที และดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ หากเกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นทุกกรณี

2.7 ผู้ที่เข้าชมการแข่งขันห้ามทำการบันทึกภาพการแข่งขัน หรือส่งสัญญาณการถ่ายทอดสดภาพการแข่งขัน รวมถึงการ Live ทาง Facebook หรือ แฟนเพจ โดยเด็ดขาด หากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ผู้ถือสิทธิ์การแข่งขันได้มีการตรวจพบจะดำเนินการให้ออกจากสนามแข่งขันทันที และดำเนินการตามกฎหมาย

2.8 วัสดุ หรืออุปกรณ์ใดๆ ที่อาจจะเป็นอันตราย หรืออาจทำให้เกิดความไม่เรียบร้อยต่อการจัดการแข่งขัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะกรรมการจัดการแข่งขัน

.

 

 

ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี รอบ 8 ทีม ระหว่าง ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติเกาหลีใต้ ที่สนามปทุมธานี สเตเดียม เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2566   ผลการแข่งขันคู่นี้ ไทย พ่ายเกาหลีใต้ 1 - 4   โดยเกาหลีใต้ เป็นทีมที่ได้โควตาไปฟุตบอลโลก รุ่นอายุ 17 ปี 

.

Photographer วันชัย ไกรศรขจิต (Wanchai Kraisornkhajit) #NationPhoto #ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย #U17 #ฟุตอลทีมชาติไทย #สนามปทุมธานีสเตเดียม