ข่าว

"เรือล่ม หงส์ลิ่ว" พรีเมียร์ลีกหลังผ่าน 5 นัดแรก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2019-20 ยังคงมีเรื่องให้น่าติดตามต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับไฮไลท์ของบรรดาบิ๊กซิกซ์

ประเด็นร้อนแรงสุดหนีไม่พ้นความพ่ายแพ้เที่ยวแรกประจำซีซั่นของเปป กวาร์ดิโอลา และแมนเชสเตอร์ ซิตี แชมป์เก่า

 

นกขมิ้นเหลืองอ่อนผู้ฆ่าเปป

 

หลายคนเชื่อว่ายังไง“เรือใบสีฟ้า”ต้องมีวันสะดุดขาตัวเองเข้าสักวัน แต่อีกหลายคนก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับเกมที่แคร์โรว์ โรด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (14 ก.ย.)

"เรือล่ม หงส์ลิ่ว" พรีเมียร์ลีกหลังผ่าน 5 นัดแรก

ผลลัพธ์ 3-2 บนป้ายสกอร์บอร์ดแสดงชัดเจนถึงการเป็นผู้ชนะในแมตช์นี้ของเจ้าถิ่น “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” นอริช ซิตี แต่ที่ยิ่งกว่านั้น คือ เป็นการคว้าชัยเหนือผู้มาเยือนอย่าง แมนฯ ซิตี แชมป์เก่า ที่ก่อนหน้านี้ไม่แพ้ใครมาตั้งแต่เดือนมกราคม

 

“แน่นอนเป็นวันที่พิเศษสำหรับเราและสโมสร ที่สามารถสู้กับหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของโลก ทั้งที่มีผู้เล่นมากมายที่บาดเจ็บ”

 

“เราเผชิญปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บจำนวนมาก แถมต้องมาเจอกับทีมที่แข็งแกร่งอย่าง ซิตี ดังนั้นเราจึงต้องมีแผนพิเศษไว้รับมือ และเราก็เล่นกันได้ยอดเยี่ยมทีเดียวจึงสมควรแก่การเป็นฝ่ายคว้าสามแต้มในเกมนี้” ดาเนียล ฟาร์เค ผู้จัดการทีมนอริช ซิตี กล่าวหลังเกม

 

นอริช เจอปัญหานักเตะตัวหลักบาดเจ็บไม่พร้อมลงสนามด้วยกันถึง 8 ราย ทำให้เกมกับแชมป์เก่ามีผู้เล่นหลายรายที่ได้ออกสตาร์ทตัวจริงเป็นครั้งแรกในลีก โดยเฉพาะ อิบราฮิม อมาดู กองกลางตัวตัดเกมชาวฝรั่งเศสซึ่งถูกโยกไปประจำการตำแหน่งเซเตอร์ฮาล์ฟ และถูกส่งลงตัวจริงเป็นเกมแรกแต่เล่นดีจนได้รับเลือกเป็น“แมน ออฟ เดอะ แมตช์”

 

“อิบราฮิม(อมาดู) ทำได้ดีเอามากๆ ทั้งที่ไม่ใช่ตำแหน่งประจำที่เคยเล่น เช่นเดียวกับ อเล็กซ์ เทตตี กับ แซม ไบรอัน ที่ก็ทำได้ดีเหมือนกัน”

 

“ตีมู (พุคกี) ก็สุดยอดเช่นกัน ไม่ใช่แค่เพราะเขาทำประตูได้เท่านั้น แต่เป็นการเล่นเพื่อทีม นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมนักเตะคนนี้จึงคู่ควรแก่คำชื่นชมทั้งหมด”

 

ผ่าน 30 นาทีแรกของเกม เจ้าถิ่นสร้างเซอร์ไพรส์ยิงขึ้นนำไปก่อนถึง 2-0 จากผลงาน เคนนี แมคลีน และ ทอดด์ แคนท์เวลล์ โดยประตูที่สองมาจากการถวายพานให้ของ พุคกี กองหน้าคนเก่งของทีม

 

จากนั้นช่วงท้ายครึ่งแรก เซร์คิโอ อเกวโร มาโขกตีไข่แตกให้ทีมเยือน ชั่วโมงนั้นความคิดที่ว่าทีมของเปป กวาร์ดิโอลา จะพลิกสถานการณ์กลับมายังมีความเป็นไปได้มากกว่า การคว้า 3 แต้มของทีมเจ้าบ้าน

 

สุดท้ายความเชื่อนั้นผิด เมื่อเปิดฉากมาในครึ่งหลังความผิดพลาดส่วนบุคคลของ นิโกลัส โอตาเมนดี ที่เสียบอลหน้าปากประตูตัวเองจนโดน เอมิเลียโน บูเอนเดีย อีกหนึ่งแข้งที่สมควรได้เสียงปรบมือเกมนี้ ฉกบอลจากเท้ากองหลังอาร์เจนไตน์ แล้วปาดให้ พุคกี ซัดจ่อๆให้แชมป์จากเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ซีซั่นก่อน หนีห่าง 3-1 ประตูนี้สำคัญมากทีเดียวเพราะทำให้ลูกทีมของ ฟาร์เคอ ไม่ต้องเล่นด้วยความกดดัน จนสามารถหยุดยั้งแนวรุกของผู้มาเยือนไว้ได้ราวๆ 30 นาที กระทั่งมาถูก โรดรี กองกลางป้ายแดงกดประตูแรกกับต้นสังกัดใหม่ แต่ก็ไม่เพียงพอเพราะลูกนี้เป็นการส่งบอลสู่ก้นตาข่ายหนสุดท้ายของเกม

 

“ยินดีกับนอริช ประตูแรกของเกมเกิดขึ้นจากเซตพีช ลูกที่สองจากเกมสวนกลับ พวกเขาสมควรมากๆกับการได้รับเครดิตตรงนี้ ทุกอย่างเป็นอย่างที่เห็นนั่นแหล่ะ เราต้องเรียกนรู้มากขึ้นจากสิ่งนี้และเดินหน้าต่อไป”

กวาร์ดิโอลา พูดถึงความพ่ายแพ้หนแรกในพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เสียท่า นิวคาสเซิล 1-2 เมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา

 

การแพ้ นอริช เที่ยวนี้ยังเป็ครั้งแรกในรอบ 25 นัด ที่ถูกลูบคมโดยทีมน้องใหม่ นับแต่หนสุดท้ายที่เกิดขึ้นในปี 2015 ตอนที่บุกแพ้ เบิร์นลีย์ 0-1

 

ขณะเดียวกัน นอริช ที่ซีซั่นนี้ผ่านไป 5 นัด ยิงไปทั้งหมด 9 ประตู ซึ่งในจำนวนที่ทีมยิงได้ทั้งหมด ติมู พุคกี มีส่วนร่วมกับประตูที่นกขมิ้นเหลืองอ่อนทำได้ถึง 8 ประตู แบ่งเป็นยิงเอง 6 ลูก และผ่านบอลให้เพื่อนยิงอีก 2 ประตู โดยหากนับแค่ 5 เกมแรกของฤดูกาลจะมีแค่ “กุน”อเกวโร ศูนย์หน้าแมนฯ ซิตี รายเดียวเท่นั้นที่มีสถิติดีกว่า (9 ครั้ง)

 

โปรแกรมถัดไปของแมนฯ ซิตี จะออกไปเล่นเกมเยือนถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กับ ชัคตาร์ โดเนตส์ค ที่ยูเครน คืนวันพุธที่ 18 ก.ย. เวลา 02.00 น.

 

 

 

 

 

มาเนแรง หงส์แรง แต่‘ฟีร์มิโน’คือทุกสิ่ง

หลังจบเกมล่าสุด สถิติบอกไว้ว่า ตลอด 51 นัด หาก ซาดิโอ มาเน ศูนย์หน้าเซเนกัลมีชื่อบนป้ายสกอร์บอร์ดที่แอนฟิลด์ “ลิเวอร์พูล” ไม่เคยแพ้แม้แต่หนเดียว

ชนะ 41 นัด

เสมอ 10 นัด

*ข้อมูล www.premierleague.com

 

"เรือล่ม หงส์ลิ่ว" พรีเมียร์ลีกหลังผ่าน 5 นัดแรก

ชัยชนะเมื่อวันเสาร์ (14 ก.ย.) ที่มีเหนือ นิวคาสเซิล 3-1 โดยทีมเยือนเซอร์ไพรส์ขึ้นนำก่อน 1-0 ตั้งแต่ 7 นาทีแรก จากลูกยิงสุดเฉียบของ เจโทร วิลเลมส์ ซึ่งสร้างความประหลาดใจไม่น้อยแก่กูรูและแฟนบอล เพราะนี่เป็นประตูแรกของฟูลแบ็คเลือดดัตช์ที่ส่งบอลไปกองก้นตาข่ายจาก 49 นัดที่ลงล่น แบ่งเป็น 3 นัด กับ นิวคาสเซิล และ 46 นัดกับไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต (นับเฉพาะเล่นใน 5 ลีกใหญ่ยุโรป)

 

อย่างไรก็ตามอีก 83 นาทีที่เหลือ ลูกทีมของเจอร์เกน คลอปป์ ก็ทำให้เห็นว่าสถิติเดินหน้าเก็บชัย 14 นัดรวด ในพรีเมียร์ลีก อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

 

21 นาที ต่อมาหลังเสียประตูแรก สกอร์บอร์ดกลับมาเท่ากันที่ 1-1 จากนั้นก่อนหมดครึ่งแรกห้านาที เจ้าถิ่นแซงนำ 2-1 และทั้งสองเหตุการณ์ มาเน คือ ผู้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง

 

เท่านั้นไม่พอ 1 แอสซิสต์ของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่จ่ายให้หัวหอกกาฬทวีปกดตุงแรกยังเป็นการผ่านบอลให้เพื่อนยิงประตูหนที่ 17 นับตั้งแต่ฤดูกาล 2017-18 สูงสุดในบรรดาผู้เล่นตำแหน่งกองหลังนับเฉพาะในช่วงเวลาเดียวกัน

 

ครึ่งหลัง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มายิงปิดกล่อง ส่งให้ดาวยิงอียิปต์มีส่วนรวมกับประตูที่หงส์แดงทำได้ในพรีเมียร์ลีก 50 ประตู จากการลงเล่น 41 นัด (ยิง 36 ลูก, แอสซิสต์ 14 ครั้ง) แต่ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น มาเน หรือ ซาลาห์ ที่มีส่วนสำคัญในการล่าตาข่ายจนทำเก็บชัย 100% เต็ม ก็ไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ เพราะรางวัลดังกล่าวตกเป็นของตัวสำรองบราซิลเลียน “โรแบร์โต ฟีร์มิโน” ที่ถูกส่งลงสนามท้ายครึ่งแรก นาทีที่ 37

"เรือล่ม หงส์ลิ่ว" พรีเมียร์ลีกหลังผ่าน 5 นัดแรก

แอสซิสต์แบบเหนือชั้นให้ ซาลาห์ กระทุ้งตุงที่สามไม่ใช่ผลงานเดียวที่ส่งให้พ่อมดแอนฟิลด์คนล่าสุดได้รับเลือก เพราะตลอดช่วงเวลาที่เปลี่ยนลงมาแทน ดิวอค โอริกี ที่เจ็บ “ฟอลส์ไนน์” เจ้าของเสื้อหมายเลข 9 รายนี้ โดดเด่นและแพรวพราวทุกครั้งเวลาสัมผัสบอล

 

แถมไม่นับว่าบอลไปแฉลบตัว มาร์ติน ดูบราฟกา ผู้รักษาประตูนิวคาสเซิลเสียก่อน ประตูที่สองของ มาเน “อดีตแข้งฮอฟเฟนไฮม์” สมควรอย่างยิ่งกับการบันทึกชื่อเป็นผู้แอสซิสต์

 

ซีซั่นที่ 2 ติดต่อกันที่ คลอปป์ พาลิเวอร์พูลเดินคว้าชัย 5 นัดรวด แบบ 100% โดยก่อนหน้านี้มีแค่ 2 ทีมที่ทำได้ เชลซี (ฤดูกาล 2009-10 / 2010-11) กับ แมนฯ ซิตี (2015-16 / 2016-17) ขณะที่ชัยชนะ 14 นัดรวด ในพรีเมียร์ลีก มีแค่ 2 ทีมที่ทำได้มาก่อน คือ อาร์เซนอล ปี 2002 กับ “เรือใบสีฟ้า” ที่ทำไว้ 2 เที่ยว ปี 2017 กับ ปี 2019

 

มาที่ปัจจุบันผ่าน 5 นัดแรก ลิเวอร์พูล เก็บ 15 คะแนน ทิ้งห่าง แมนฯ ซิตี รองจ่าฝูง 5 แต้มด้วยกัน

 

โปรแกรมถัดไป ลิเวอร์พูล มีคิวดวล นาโปลี ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ที่อิตาลี ซึ่งจะลงเตะคืนวันอังคารที่ 17 ก.ย.นี้ เวลา 02.00 น.

 

 

 

อีก 3 ทีมบิ๊กซิกซ์ที่เหลือที่ลงเล่นในวันเดียวกัน ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ถล่ม คริสตัล พาเลซ 4-0, แมนฯ ยูไนเต็ด เฉือน เลสเตอร์ ซิตี 1-0 จากจุดโทษ และ เชลซี บุกอัด วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ถึงถิ่น 5-2 เกมนี้ แทมมี อับราฮัม ศูนย์หน้าดาวรุ่งกดแฮตทริกแรกบนสีเสื้อสิงโตน้ำเงินคราม

 

หากนับเฉพาะเกมวันเสาร์(14 ก.ย.) ดูเหมือนลูกทีม เปป กวาร์ดิโอลา จะเป็นทีมที่โชคร้ายที่สุดในบรรดาบิ๊ก 6 ด้วยกัน

 

 

 

 

 

เรียบเรียง : พชร นาคจู

ภาพ AFP

ที่มา : https://www.bbc.com/sport/football/49617989

https://www.bbc.com/sport/football/49617986

https://www.bbc.com/sport/football/49617985

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ