ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่บิ๊กแมตช์ประจำวันเสาร์ (24 ส.ค.) "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เตรียมเปิดรังรับการมาเยือนของ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล
ลิเวอร์พูล - อาร์เซนอล
สนาม แอนฟิลด์
เวลา : 23.30 น.
ผู้ตัดสิน : แอนโธนี เทย์เลอร์
ผลงานพบกัน 5 นัดหลังสุดในลีก
30/12/18 ลิเวอร์พูล 5 - 1 อาร์เซนอล
04/11/18 อาร์เซนอล 1 - 1 ลิเวอร์พูล
23/12/17 อาร์เซนอล 3 - 3 ลิเวอร์พูล
27/08/17 ลิเวอร์พูล 4 - 0 อาร์เซนอล
05/03/17 ลิเวอร์พูล 3 - 1 อาร์เซนอล
ความพร้อมล่าสุด
ลิเวอร์พูล
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
01/08/19 ชนะ โอลิมปิก ลียง 3-1 (อุ่นเครื่อง)
04/08/19 เสมอ แมนฯ ซิตี 1-1 (แพ้จุดโทษ 4-5), (คอมมิวนิตี ชิลด์)
10/08/19 ชนะ นอริช ซิตี 4-1 (พรีเมียร์ลีก)
15/08/19 เสมอ เชลซี 2-2 (ชนะจุดโทษ 5-4), (ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ)
17/08/19 ชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1 (พรีเมียร์ลีก)
เจอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีมหงส์แดง นำลูกทีมเก็บชัย 2 นัดรวด ประเดิมเปิดลีกซีซั่นใหม่ โดยนัดล่าสุดบุกไปเฉือนชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1 พร้อมทำสถิติเก็บชัยมา 11 นัดติดต่อกันในพรีเมียร์ลีกนับรวมซีซั่นก่อน
เกมนี้ตำแหน่งผู้รักษาประตูจะเป็นหน้าที่ อาเดรียน มือกาว วัย 32 ปี ชาวสแปนิช ที่จะยังคงได้รับมอบหมายให้ลงเฝ้าเสาแทนที่มือ 1 อย่าง อลิสซง เบคเกอร์ ซึ่งเจ็บและต้องพักยาว
ผู้เล่นรายอื่นที่ยังเจ็บและน่าจะไม่มีชื่อในเกมนี้ ประกอบด้วย นาธาเนียล ไคล์, เดยัน ลอฟเรน และ นาบี เกอิตา
การจัดทัพฟูลแบ็ค 2 ข้าง ไม่น่าจะพ้นชื่อของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนล กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ประจำการขวา-ซ้าย ขณะที่เซนเตอร์ฮาล์ฟ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ยืนเป็นตัวหลักอยู่แล้วส่วนพาร์ทเนอร์แมตช์นี้หวยอาจจะออกที่ โจเอล มาติป ที่ คลอปป์ น่าจะเลือกประสบการณ์มาก่อน แล้วให้ โจ โกเมซ คอยเป็นแบ็คอัพบนม้านั่งสำรอง
ขยับมาดูที่แดนกลางซึ่งผ่าน 2 เกมแรก ตำแหน่งมิดฟิลด์สามตัวในระบบ 4-3-3 ดูยังไม่ลงตัวเท่าที่ควร โดยจากสถานการณ์เวลานี้ชื่อของ ฟาบินโญ น่าจะได้รับโอกาสในตำแหน่งตัวตัดเกมจากสถิติการเข้าสกัดดีสุดในบรรดาแผงมิดฟิลด์หงส์แดง
อีก 2 ตำแหน่ง จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม กองกลางเลือดดัตช์จะลงประจำการหน้าที่ตัวเชื่อมเกมประสานงานฟูลแบ็คสองข้างยามรับและรุก
ขณะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม คือ คนที่ไม่น่าพลาดโอกาสกับบิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์นี้ และน่าจะได้โอกาสก่อน อเล็กซ์ ออกเลด แชมเบอร์เลน ที่แม้นัดก่อนกับทีมนักบุญจะโชว์ฟอร์มสร้างสรรค์เกมได้น่าประทับใจในระดับหนึ่งก็ตาม
สามประสานแนวรุก ซาดิโอ มาเน, โรแบร์โต ฟิร์มิโน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เตรียมประสานงานร่วมกัน โดยตั้งแต่เปิดฤดูกาลสามพระกาฬหงส์แดงทะลวงตาข่ายรวมกันไปแล้ว 5 ประตู จาก 4 นัด นับรวมทุกรายการ โดยจากสกอร์ทั้งหมด“หัวหอกเซเนกัล”ซัดไปคนเดียว 3 ลูก
อาร์เซนอล
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
28/07/19 แพ้ โอลิมปิก ลียง 1-2 (อุ่นเครื่อง)
01/08/19 เสมอ อองเช 1 - 1 (ชนะจุดโทษ 4-3), (อุ่นเครื่อง)
05/08/19 แพ้ บาร์เซโลนา 1-2 (อุ่นเครื่อง)
11/08/19 ชนะ นิวคาสเซิล 1-0 (พรีเมียร์ลีก)
17/08/19 ชนะ เบิร์นลีย์ 2-1 (พรีเมียร์ลีก)
ข้ามมาดูฝั่ง อูไน เอเมรี ผู้จัดการทีมอาร์เซนอล ผลงานในลีก 2 นัดที่ผ่านมาก็สามารถเก็บสามแต้มได้ทั้งสองเกมเช่นกัน โดยนัดล่าสุดเปิดบ้านเฉือน เบิร์นลย์ 2-1
ปัญหาหนักอกหนักใจของกุนซือเลือดบาสก์หนีไม่พ้นอาการบาดเจ็บแข้งคนสำคัญที่ไล่ตั้งแต่ เอคตอร์ เบเยริน, คอนแสตนตินอส มาฟโรปานอส, คีแรน เทียร์นีย์, เอมิล สมิธ โรว์, โมฮาเหม็ด เอลเนนี, ร็อบ โฮลดิง น่าจะยังไม่พร้อมลงช่วยทีมในนัดนี้
แต่ข่าวดี 2 มิดฟิลด์คนสำคัญทั้ง เมซุต โอซิล กับ กรานิต ชากา จะพร้อมกลับมาช่วยทีมได้ทันเวลา
การจัดทัพ ดาวิด ลุยซ์ กองหลังป้ายแดงที่ทีมคว้ามาเสริมทัพในช่วงเส้นตายตลาดซื้อขายรอบที่ผ่านมาและเพิ่งได้ออกสตาร์ทตัวจริงเกมแรกนัดที่แล้วกับ เบิร์นลีย์ จะได้รับความไว้วางใจให้ประจำการในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟเป็นเกมที่ 2 ติดต่อกัน โดยจับคู่กับ โซคราติส ปราการหลัง วัย 31 ปี ที่ลงเล่นเป็นตัวจริงมาตลอดสองเกมแรก
ฟูลแบ็คสองข้าง เอนส์ลีย์ มิตแลนด์-ไนล์ส ดาวเตะผู้มีคะแนนผลงานรวมดีที่สุดจากการเก็บข้อมูลของเว็บไซต์ “ฮูสกอร์” (whoscored.com) จะรับบทแบ็คขวาต่อไป
ฝั่งซ้ายประสบการณ์ของ นาโช มอนเรอัล ยังคงทำให้แบ็คคนบ้านเดียวกับ เอเมรี จะได้ประจำการแนวรับกราบซ้าย
กลางสนาม 3 คน ดานี เซบายอส มิดฟิลด์ตัวใหม่ที่ยืมมาจากเรอัล มาดริด น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็น 11 คนแรก ต่อเนื่อง หลังจากสร้างผลงานได้อย่างโดเด่นจากการออกสตาร์ทตัวจริงนัดแรกกับเบิร์นลีย์แล้วโชว์ฟอร์มได้ดี กดไป 2 แอสซิสต์ จนคว้าตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์
แดนกลางอีก 2 รายที่จะมาประสานงานกับห้องเครื่องสแปนิช คนแรกที่น่าจะได้โอกาสก่อนใครเพื่อนจะเป็น มัตเตโอ เกนดูซี มิดฟิลด์ดาวรุ่ง วัย 20 ปี คอยเชื่อเกมกับ ชากา ที่หากผ่านความฟิตทันเวลา แต่หากไม่ทันชื่อของ โจ วิลค็อกซ์ ตัวตัดเกมอนาคตไกลก็มีสิทธิ์สอดแทรกลงบู๊แทนเช่นกันหลังได้โอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงมาตลอด 2 นัดแรก
ปิดท้ายที่แนวรุก ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง ฮีโรซัดประตูชัยมา 2 นัดซ้อนๆ จะยังคงเป็นทีเด็ดและความหวังสูงสุดในแดนหน้าของทัพ“เดอะ กันเนอร์ส” โดยจะเล่นร่วมกับ อเล็กซองดร์ ลากาแซต์ เจ้าของผลงาน 1 ตุงในเกมก่อนกับ“เดอะ คลาเร็ตส์” และปีกค่าตัวสถิติสโมสร นิโคลัส เปเป ประสานงานร่วมกันในระบบ 4-3-3
คู่นี้พบกันมานับเฉพาะในพรีเมียร์ลีก 54 นัด ลิเวอร์พูล ชนะ 20 อาร์เซนอล ชนะ 15 เสมอ 19 นัด โดยเวลานี้มีแค่สองทีมนี้ที่เก็บ 6 แต้มเต็ม จาก 2 เกมที่ผ่านมา
แน่นอนว่าจะมีทีมใดทีมหนึ่งที่เสียสถิติดังกล่าว หากมีผลแพ้-ชนะเกิดขึ้น
แต่ถ้าจบลงด้วยผลเสมอก็จะเท่ากับว่า "พรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้จะมีทีมที่ออกสตาร์ทด้วยการเก็บชัยแบบ 100% แค่ 2 นัดติดต่อกันเท่านั้น
สถิติน่าสนใจก่อนเกม
- ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ อาร์เซนอล ตลอด 8 นัดหลังสุดนับรวมทุกรายการ (ชนะ 4, เสมอ 4)
- อาร์เซนอล ไม่เคยบุกมาเก็บชัยที่แอนฟิลด์ได้เลยใน 6 นัดหลังสุดของเกมพรีเมียร์ลีก (ชนะ 0, เสมอ 2, แพ้ 4) และเสียประตูอย่างน้อยนัดละ 2 ลูกขึ้นไป ( 6 นัด โดนยิง 22 ลูก)
- นับเฉพาะพรีเมียร์ลีก ไม่มีคู่ไหนทะลวงตาข่ายได้ถล่มทลายเท่า ลิเวอร์พูล กับ อาาร์เซนอล โดยจากการพบกัน 54 นัด มีการพังตาข่ายกันไปทั้งสิ้น 155 ประตู
- ลิเวอร์พูล ไม่เสียท่าในรังที่แอนฟิลด์มา 41 นัดติด (ชนะ 31, เสมอ 10, แพ้ 0) โดยครั้งสุดท้ายที่แพ้คารังต้องย้อนกลับไปเกมแพ้ คริสตัล พาเลซ 1-2 สมัยแซม อัลลาร์ไดซ์ ยังกุมบังเหียนปราสาทเรือนแก้ว นับเป็นเวลา 2 ปี กับ 123 วัน
- โรแบร์โต ฟิร์มิโน ศูนย์หน้าลิเวอร์พูล ต้องการอีกแค่ 1 ประตู จะขึ้นแท่นเป็นผู้เล่นบราซิลเลียนหงส์แดงเบอรืแรกที่กระทุ้งแตะหลัก 50 ตุง ในพรีเมียร์ลีก
- เจอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีมเยอรมัน นำทีมเจอ อาร์เซนอล มาทั้งหมด 7 นัด ไม่เคยปราชัยแม้แต่เกมเดียว สถิติชนะ 4 เสมอ 3 นัด
ภาพ : AFP
ข่าวที่เกี่ยวข้อง