ครองถ้วยพระราชทานครั้งแรกในชีวิต
การแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ รายการ “The Princess Maha Chakri Sirindhorn’s cup Tour of Thailand 2019” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประเภททีมหญิง เมื่อวันที่ 10 เม.ย. เป็นการแข่งขันในสเตจที่ 3 หรือสเตจสุดท้าย เส้นทางใน จ.เชียงใหม่ เริ่มจากบริเวณหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์-อำเภอสารภี-สันกำแพง-แม่ออน-ดอยสะเก็ด-เข้าเส้นชัยที่บริเวณสวนรุกขชาติห้วยแก้ว รวมระยะทาง 83.80 กม.
นายมนัส ขันใส รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน ร่วมกับ “เสธ.หมึก” พล.อ.เดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย สเตจนี้เหลือนักกีฬาลงแข่ง 66 คน เพราะมีบาดเจ็บไปหลายคน ก่อนการปล่อยตัว นักกีฬาและผู้ชมร่วมกันร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้แก่ ยูมิ คาจิฮาร่า นักปั่นทีมชาติญี่ปุ่น เจ้าของเหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ประเภทออมเนียน (ลู่)
สำหรับเส้นทางแข่งขัน หลังออกจากตัวเมืองจะเป็นถนน 2 เลน ทางค่อนข้างแคบแซงกันลำบาก มีนักกีฬาหลายคนผลัดกันกระชากหนีจากกลุ่มแต่ก็โดนรวบตลอด ช่วงเจ้าความเร็ว IS จุดที่ 1 ปรากฏว่า ยูมิ คาจิฮาร่า สปรินต์เข้าเป็นคนแรกคว้าเจ้าความเร็วฉลองวันเกิดสำเร็จ ที่ 2 วาเลริยา โคโนเนนโก ทีมชาติยูเครน ส่วน จุฑาธิป มณีพันธุ์ เข้าที่ 3 จากนั้นก็มีกลุ่มนักปั่น 8 คน ฉีกออกห่างกลุ่มใหญ่ไปเกือบ 30 วินาที พอถึงชิงเจ้าความเร็วจุดที่ 2 วาเลริยา โคโนเนนโก เข้าเป็นคนแรก ทำให้คะแนนรวมไล่จี้ จุฑาธิป มาติด ๆ หากปล่อยให้คว้าแชมป์สเตจอีก จะส่งผลให้เธอคว้าแชมป์ไปครองทันที จุฑาธิป จึงอยู่เฉยไม่ได้ ต้องขึ้นมาลากเองแล้วพากลุ่มใหญ่ไล่ตามมาจนทัน ในช่วง 5 กม. สุดท้ายนักปั่นเกาะกันมาเป็นกลุ่ม และถึงช่วงสปรินต์ 200 เมตรหน้าเส้นชัย จุฑาธิป ก็บี้แข่งมากับ เทเนียล แคมป์เบล นักปั่นจากเวิลด์ ไซคลิง ทีม (ดับเบิลยูซีซี) สุดท้าย “บีซ” ก็เป็นฝ่ายเฉือนชนะไปอย่างหวุดหวิด
พิธีปิดและมอบรางวัลมี นางสาววราพร มะโนเพ็ญ ผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาแม่ริม เป็นประธานร่วมกับ พล.อ.เดชา สำหรับผลการแข่งขันทั้งหมดมีดังนี้
ชนะเลิศประจำสเตจที่ 3 “บีซ” จุฑาธิป มณีพันธุ์ ได้รับเงินรางวัลพิเศษจากสมาคมกีฬาจักรยานฯ 30,000 บาท, ที่ 2 เทเนียล แคมป์เบล จากเวิลด์ ไซคลิง ทีม (ดับเบิลยูซีซี), ที่ 3 ยูมิ คาจิฮาร่า (ทีมชาติญี่ปุ่น) โดยทำเวลาเท่ากันที่ 1.57.49 ชั่วโมง แต่ได้คะแนนและโบนัสลดหลั่นกันไป
สำหรับผู้ชนะเลิศเวลารวม หลังแข่งครบ 3 สเตจ ก็คือ “บีซ” จุฑาธิป เวลา 5.46.34 ชั่วโมง, ที่ 2 เทเนียล แคมป์เบล (ห่าง 8 วินาที), ที่ 3 ยูมิ คาจิฮาร่า (ห่าง 9 วินาที) ส่งผลให้ จุฑาธิป คว้าเสื้อชมพูติดต่อกัน 3 วัน พร้อมได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปครองเป็นครั้งแรกในชีวิต และเป็นคนที่ 2 ของไทย ต่อจาก “แพร” เพชรดารินทร์ สมราช ที่เคยได้ไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผู้ชนะเลิศอาเซียนประจำสเตจที่ 3 “บีซ” จุฑาธิป ได้เงินรางวัลเพิ่มอีก 10,000 บาท, ที่ 2 ยุพา สมเนตร นักปั่นลูกครึ่งไทย-มาเลเซีย จากทีมชาติมาเลเซีย, ที่ 3 เหงียน ทิ ทิ ทีมชาติเวียดนาม ส่วนรางวัลชนะเลิศผู้นำอาเซียน เป็นของ “บีซ” จุฑาธิป คว้าเสื้อม่วงไปครองอีกเช่นกัน โดยมีเวลารวม 5.46.34 ชั่วโมง ทิ้งห่างอันดับ 2 เหงียน ทิ ทิ ขาดลอย 24 วินาที
รางวัลเจ้าความเร็ว (IS) มี 2 จุด โดย IS1 ยูมิ คาจิฮาร่า นักปั่นทีมชาติญี่ปุ่น, ที่ 2 วาเลริยา โคโนเนนโก ทีมชาติยูเครน โดยมี จุฑาธิป เข้าเป็นอับดับที่ 3 ส่วน IS2 เป็นของ วาเลริยา โคโนเนนโก อย่างไรก็ตาม คะแนนรวม “เจ้าความเร็ว” ก็ยังเป็นของ จุฑาธิป ได้เสื้อเขียวติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยมีคะแนนรวม 51 คะแนน, ที่ 2 เทเนียล แคมป์เบล 43 คะแนน, ที่ 3 ยูมิ คาจิฮาร่า 38 คะแนน
สำหรับรางวัลนักบู๊ยอดเยี่ยม ประจำสเตจที่3 ได้แก่ ทาเทียน่า เยสซี่ ดูเอนาส โกเมซ จากทีม อิลลูมิเนซ (สหรัฐอเมริกา) ด้านประเภททีมประจำสเตจที่ 3 อันดับ 1 ทีมชาติยูเครน, อันดับ 2 โคเกียส-เม็ตต์เลอร์ ลุคโปร ไซคลิง ทีม (รัสเซีย), อันดับ 3 เม็กซ์-วอเตอร์สลีย์ วีเมนส์ ไซคลิง ทีม (เนเธอร์แลนด์) เวลา 5.53.27 ชั่วโมงเท่ากัน, ชนะเลิศผู้นำเวลารวมโอเวอร์ออล ทีมชาติยูเครน, อันดับ 2 เม็กซ์-วอเตอร์สลีย์ วีเมนส์ ไซคลิง ทีม (เนเธอร์แลนด์), อันดับ 3 เวิลด์ ไซคลิง ทีม (ดับเบิลยูซีซี) เวลา 17.21.06 ชั่วโมงเท่ากัน ประเภททีมอาเซียนประจำสเตจที่ 3 อันดับ 1 ไทยแลนด์ วีเมนส์ ไซคลิง ทีม, อันดับ 2 ทีมชาติมาเลเซีย, อันดับ 3 ทีมชาติเวียดนาม เวลา 5.53.27 ชั่วโมงเท่ากัน, ชนะเลิศผู้นำเวลารวมประเภทอาเซียน ได้แก่ ไทยแลนด์ วีเมนส์ ไซคลิง ทีม, อันดับ 2 ทีมชาติเวียดนาม, อันดับ 3 ทีมชาติสิงคโปร์ เวลา 17.21.06 ชั่วโมงเท่ากัน
สรุปผลงานของ “บีซ” จุฑาธิป และทีมนักปั่นไทย มีดังนี้ ชนะเลิศประจำสเตจที่ 3, ชนะเลิศอาเซียนสเตจที่ 3, เป็นผู้นำเวลารวม (โอเวอร์ออล)-ผู้นำจ้าความเร็ว-ผู้นำเจ้าอาเซียน ของสเตจที่ 3 เหมาเสื้อไปคนเดียวทั้ง เสื้อชมพู-เสื้อม่วง-เสื้อเขียว ติดต่อกัน 3 วันโดยไม่แบ่งใคร ได้รับเงินอัดฉีดในสเตจนี้ 40,000 บาท ส่งผลให้ “บีซ” คว้ารางวัลชนะเลิศประจำการแข่งขันเป็นครั้งแรกของตัวเอง ได้ครองถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และยังได้รับถ้วยเกียรติยศรางวัลผู้นำคะแนนรวม, ถ้วยเกียรติยศรางวัลผู้นำอาเซียน อีกด้วย ส่วน “ไทยแลนด์ วีเมนส์ ไซคลิง ทีม” ได้รับถ้วยเกียรติยศทีมชนะเลิศอาเซียน
หลังจบการแข่งขัน จุฑาธิป เปิดเผยว่า ดีใจมากที่จบแบบสวยงามตามเป้าหมาย และปลดล็อกได้สำเร็จ เพราะรู้สึกเหมือนแบกความหวังของคนไทยทั้งชาติเอาไว้ วันนี้ทุกคนในทีมช่วยกันดีมาก พอเหลือ 5 กม. สุดท้ายรู้เลยว่าจังหวะเป็นของเรา ช่วงเจ้าความเร็วจุดที่ 2 เราพลาด แต่ก็ถือว่าเป็นความโชคดีที่ทำให้คู่แข่งมองข้ามเราไป แต่ตนเองมั่นใจว่าการสปรินต์หน้าเส้นชัยก็ไม่เป็นรองใคร พอช่วง 200 เมตรสุดท้ายก็ใส่เต็มที่จนเข้ามาเป็นคนแรก
“จากนี้ไปก็จะตระเวนแข่งขันเก็บแต้มให้มากที่สุดเพื่อคว้าตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ญี่ปุ่นให้ได้ รวมทั้งทุกคนในทีมด้วย เพราะถ้าคะแนนทีมเราสูงพอก็อาจจะได้โควต้าไปถึง 2 คน สำหรับรางวัลชนะเลิศในครั้งนี้ ขอน้อมเกล้าถวายแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และมอบเป็นของขวัญวันสงกรานต์ให้แก่ชาวไทยทุกคน” จุฑาธิป กล่าว
“เสธ.หมึก” กล่าวว่า วันนี้โค้ชวางแผนได้ดีมาก ซึ่งต้องเห็นใจนักกีฬาที่มีการกระชากหนีกันตลอด โดยเฉพาะช่วงที่มีกลุ่มนำ 8 คน จุฑาธิป ถึงกับต้องขึ้นมาลากเอง ตนก็เกรงว่าจะหมดแรง แต่ในการลุ้นช่วง 100 เมตรสุดท้าย ตนมั่นใจเลยว่า จุฑาธิป ได้แชมป์แน่นอน หลังจากนี้ทีมนักปั่นสาวไทยก็จะไปแข่งขันรายการ “ทัวร์ ออฟ จงหมิง 2019” ที่ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 9-11 พ.ค. ต่อด้วยจักรยานทางไกล “ทัวร์ ออฟ ตราด 2019 สุดแผ่นดินตะวันออกแดนสยาม” ระหว่างวันที่ 24-26 พ.ค. ที่จังหวัดตราด เพื่อเก็บแต้มสะสมคว้าโควต้าไปโอลิมปิก ซึ่งอยากให้นักกีฬาไทยได้ไปสัก 2 คน แต่รายการในทวีปเอเชียมีน้อย เพราะฉะนั้นเราอาจจะต้องส่งทีมลงไปเก็บแต้มในรายการระดับ 2.2 ด้วย
“การที่ จุฑาธิป คว้าแชมป์สำเร็จ ถือเป็นการร่วมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 64 พรรษา เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา หลังจากที่พระองค์ทรงเมตตาพระราชทานถ้วยรางวัลใบนี้มาตั้งแต่ พ.ศ.2542 ซึ่งตลอดการแข่งขันทั้ง 10 วัน สมาคมกีฬาจักรยานฯ พร้อมจังหวัดที่ร่วมเป็นเจ้าภาพ ตั้งใจถวายงานแด่พระองค์ท่านอย่างเต็มที่ วันนี้เราประสบความสำเร็จด้วยการนำถ้วยใบนี้ให้มาอยู่ในประเทศไทยอีกครั้ง” พล.อ.เดชา กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง