ศึกชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก ที่เวียดนาม
ทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 22 ปี เดินทางกลับถึงไทย เมื่อวันที่ 27 ก.พ.หลังเสร็จสิ้นภารกิจการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 22 ปี ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ด้วยการเป็นรองแชมป์ หลังรอบชิงชนะเลิศพ่ายต่อ อินโดนีเซีย ไปแบบหวุดหวิด 1-2
อเล็กซานเดร กามา หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 22 ปี กล่าวว่า "เราพยายามทำผลงานให้ดีที่สุดและคว้าแชมป์ให้ได้ ผมรู้ว่าทุกคนคาดหวังกับเราไว้สูง ผมไม่ได้กดดันนักเตะ เพราะทีมชุดนี้นักเตะยังอายุน้อย เราพยายามโฟกัสไปทีละเกม และพยายามสร้างสรรค์โอกาส เราพยายามทำให้ดีที่สุด ทั้งสตาฟฟ์โค้ช รวมถึงผู้เล่นทุกคน นี่คือทัวร์นาเมนต์แรกของพวกเรา แต่สามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ ถือว่าน่าพอใจ"
"เป้าหมายต่อไปของเราคือยกระดับทีมให้ดีขึ้น เรามีเวลาเตรียมทีมไม่มากนัก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับนักเตะที่ได้มาถึงรอบนี้ จากโครงสร้างที่มีอยู่เราก็จะพยายามมองหานักเตะใหม่ๆ เข้ามาเสริม เพื่อให้ทีมพัฒนาขึ้น ความผิดพลาดในนัดชิงชนะเลิศครั้งนี้เป็นข้อดี เพราะหากเราได้ชิงชนะเลิศอีก เราจะต้องไม่พลาด คิดว่ายังมีอีกหลายคนที่จะมาเสริมทีม เพราะทัวร์นาเมนต์ต่อไปเราจะแข่งขันในช่วงฟีฟ่า เดย์"
"การจะไปโอลิมปิก เกมส์ ถ้าพูดตอนนี้มันคงเร็วเกินไป แต่ผมเชื่อว่าเราสามารถทำได้ เรามีนักเตะฝีเท้าดีหลายคน ที่ตอนนี้เป็นตัวจริงไทยลีกอย่างต่อเนื่อง และจากชุดนี้ก็มีหลายคนที่ทำได้ดี ทั้งที่ไม่เคยมีประสบการณ์กับทีมชาติมาก่อน แต่ก็ช่วยกันได้ขนาดนี้ ถ้ารวมกันและพัฒนาด้วยกัน จะสามารถทำได้ดีกว่านี้"
"ผมอยากทำผลงานให้ออกมาดีที่สุดทุกการแข่งขัน เราอยากได้ผู้เล่นที่ดีที่สุดในทุกตำแหน่ง การแข่งขันครั้งนี้เราก็ได้เห็นเวียดนาม และอินโดนีเซีย ที่อยู่ร่วมกลุ่มกับเราในชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก ที่เวียดนามเราน่าจะทำผลงานได้ดี เพราะพวกเขายังไม่เห็นชุดหลักของเรา"
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า "ผลงานการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์นี้ ถึงแม้ว่าเราจะได้แค่รองแชมป์ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าพอใจ แม้ว่าเราจะมีนักเตะซึ่งไม่ใช่ตัวหลักๆ หรือตัวที่โค้ชต้องการ ก็ยังสามารถสร้างผลงานได้ดี เชื่อว่า แฟนบอลคนไทยเข้าใจ ในสภาพทีมที่ไป มีทั้งน้องที่อายุยังน้อย มีหลายคนที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน จนลงสนามไม่ได้ โดยเฉพาะบางคนที่เจ็บติดตัวไป ยิ่งไปเล่นหญ้าเทียม มันมีปัญหาอาการบาดเจ็บมากขึ้น ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ภาพรวมขอขอบใจโค้ช และทีมงาน รวมถึงนักเตะทุกคน"
"ผลงานในการแข่งขันครั้งนี้ ผมพูดได้เต็มปากว่าผมพอใจ ส่วนทัวร์นาเมนต์ในเดือนหน้า การทำงานของสมาคมฯ มีการเชิญโค้ชทีมงานของทีมชาติไทยทุกรุ่นมาคุยกันตลอดเวลา เพื่อทำงานร่วมกัน พร้อมช่วยกันคิดว่า การที่โค้ชมานั้งโต๊ะ ปรึกษาหารือกัน ก็น่าจะสามารถจัดสรรนักเตะได้ เราต้องดูว่าทัวร์นาเมนต์ไหนสำคัญ เราก็ต้องให้จัดลำดับความสำคัญอีกครั้ง"
"ทัวร์นาเมนต์ที่กระชับมิตร ก็ให้ลำดับรองลงมา การดูบอลของแฟนบอล ต้องทำความเข้าใจ การจัดสรรตัวด้วย เพราะบางครั้งทีมที่ไปทัวร์นาเมนต์กระชับมิตร อาจจะไม่ใช่ทีมหลัก และเราไม่ได้หวังว่าต้องชนะในทุกทัวร์นาเมนต์ ผมอยากให้แฟนบอลได้เข้าใจว่า ตรงนี้ เราต้องให้ความสำคัญกับทัวร์นาเมนต์ที่มีความหมาย กับทีมชาติ ผมคิดว่าโค้ชสามารถคุยกันได้"
"เท่าที่ผมดูและคุยกับกามา เขามุ่งมั่น ตั้งใจ เชื่อมั่นในตัวเองเสมอ ว่าจะสามารถทำหน้าที่ตรงนี้ ถ้าเรามีทรัพยากรที่ดีให้กับเขา วันนี้เขาบอกว่า ถ้าเขาได้เลือกนักเตะตัวหลัก ในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์นี้ พวกเขาได้แชมป์แน่นอน แต่ด้วยเหตุผลต่างๆ ไม่ใช่ข้อแก้ตัว แต่เป็นเรื่องจริง มันมีข้อจำกัดหลายอย่าง คิดว่าทุกคนรู้ดี การทำงานของกามา ถือว่าพอใจ คิดว่าเขามีความมุ่งมั่น ตั้งใจ เขาบอกว่า เขาอยู่บนผืนแผ่นดินไทย เขาทำมาหากินที่นี่ มา 5 ปี เขามีความรัก เขาอยากจะตอบแทนให้กับประเทศไทย สิ่งเดียวที่เขาจะทำให้ได้ คือสร้างผลงานให้กับทีมชาติไทย และ สร้างรอบยิ้มและความสุขให้กับแฟนบอลชาวไทย นี่คือสิ่งที่เขาพูดกับผม"
"ผมคิดว่า ในช่วงฟีฟ่า เดย์ เหตุผลเดียวที่สโมสร จะไม่ปล่อยนักกีฬา คือนักกีฬามีอาการบาดเจ็บ เหตุผลอื่นไม่น่าจะมี เพราะถ้าไม่ปล่อยตัวมา แบบไม่มีเหตุผล คงไม่มีสโมสรใดทำ ผมเชื่อว่าผู้บริหารสโมสร และนักกีฬาทุกคน คิดว่าการไปทำหน้าที่แทนคนไทยทั้งชาติถือเป็นเกียรติ และศักดิ์ศรี ผมเชื่อว่าสโมสรพร้อมให้การสนับสนุน ผมอยากขอบคุณทุกสโมสร ต้นสังกัด ก็ถือว่าท่านมีบุญคุณกับทีมชาติไทย ผลงานทั้งหมดของทีมชาติผมอยากยกเครดิตทั้งหมดให้กับสโมสร เพราะสมาคมฯ ไม่มีส่วน ตรงนี้ สมาคมฯมีหน้าที่แค่การเดินทาง กิน อยู่ หลับ นอน เบี้ยเลี้ยง ส่วนตัวนักเตะ ผมบอกมาตลอดว่า เป็นทรัพยากร ที่โค้ชที่เปรียบเสมือนพ่อครัวไปเดินเลือกมาทั้งนั้น โค้ชมีส่วนในการปรุงแต่งให้มันอร่อย แต่ต่อให้โค้ช หรือพ่อครัวเก่งแค่ไหน แต่อาหารเน่า ก็ไม่มีทางที่จะอร่อย บุญคุณทั้งหมดคือสโมสร"
สำหรับทีมชาติไทยภายใต้การคุมทีมของอเล็กซานเดร กามา จะต้องทำการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก ที่ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 22-26 มีนาคม โดยมี โปรแกรมดังนี้
ไทย พบ อินโดนีเซีย ที่สนาม มี ดินห์ สเตเดียม วันที่ 22 มีนาคม เวลา 16.00 น.
บรูไน พบ ไทย ที่ สนาม มีดินห์ สเตเดียม วันที่ 24 มีนาคม เวลา 16.00 น.
เวียดนาม พบ ไทย ที่สนาม มีดินห์ สเตเดียม วันที่ 26 มีนาคม เวลา 19.00 น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง