"โมดริช"คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีฟีฟ่า

     โดยดาวเตะวัย 33 ปีโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อซีซั่นที่แล้วทั้งในนามสโมสร ที่ช่วยให้ เรอัล มาดริด ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก มาครองเป็นสมัยที่ 3 รวมไปถึงในนามทีมชาติที่ช่วยให้ โครเอเชีย ซิวตำแหน่งรองแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองได้

     จากผลดังกล่าวทำให้เจ้าตัว ได้รับการโหวตจากผู้จัดการทีมชาติ, กัปตันทีมชาติ, ตัวแทนของสื่อ และแฟนบอล ให้ผงาดคว้ารางวัล "เดอะ เบสต์ ฟีฟ่า เมนส์ เพลเยอร์ 2018" หรือนักเตะยอดเยี่ยมประจำปี 2018 ของ ฟีฟ่า ไปครอง โดยเอาชนะ คริสเตียโน โรนัลโด หัวหอก ยูเวนตุส และโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ แนวรุก ลิเวอร์พูล

     หลังรับรางวัลที่รอยัล เฟสติวัล ฮอลล์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ วานนี้ (24 ก.ย.) โมดริช กล่าวถึงความรู้สึกว่า "ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูง ที่ได้รับรางวัลซึ่งยิ่งใหญ่เช่นนี้ โดยนี่เป็นรางวัลที่ไม่ใช่แค่ของผมคนเดียว มันสำหรับเพื่อนร่วมทีมเรอัล มาดริด ทุกคน รวมทั้งเพื่อนร่วมทีมชาติโครเอเชีย, โค้ชทุกคนที่ผมเคยร่วมงาน ซึ่งหากขาดพวกเขาไปผมคงไม่ได้มายืนอยู่ที่ตรงนี้"

     นอกจากนั้นรางวัลดังกล่าวถือเป็นรางวัลใหญ่ที่ 2 ในปีนี้ของ โมดริช ต่อจากรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า

ส่วนรางวัลอื่นๆที่น่าสนใจ

รางวัลนักฟุตบอลหญิงยอดเยี่ยม : มาร์ตา กองหน้า ออร์แลนโด พรายด์ ในสหรัฐ
รางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม : ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตู เรอัล มาดริด
รางวัลโค้ชทีมฟุตบอลชายยอดเยี่ยม : ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ผู้จัดการทีมชาติฝรั่งเศส
รางวัลประตูยอดเยี่ยม (ปุสกัส อะวอร์ด) : โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ปีก ลิเวอร์พูล ที่ยิงใส่ เอฟเวอร์ตัน เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.

รางวัลทีมยอดเยี่ยม : ดาบิด เด เคอา – ดานี อัลเวส, ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส, มาร์เซโล – ลูกา โมดริช, เอ็นโกโล ก็องเต – เอแด็น อาซาร์, ลีโอเนล เมสซี, คีลิยัน เอ็มบัปเป, คริสเตียโน โรนัลโด