เก็บตกหลังเกม : เมื่อหงส์ยังคงบินสูงต่อเนื่อง

หงส์แดง ลิเวอร์พูล ยังคงต่อยอดผลงานอันร้อนแรงจากเกมลีก ต่อเนื่องไปถึงค่ำคืนบอลยุโรปอย่างยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก ด้วยการเปิดรังแอนฟิลด์คว่ำปารีส แซงต์แชร์กแมงอย่างสุดมัน 3-2 เก็บ 3 คะแนนแรก พร้อมนำจ่าฝูงกลุ่มซีสมราคารองแชมป์เก่า 

เกมนี้ถือเป็นเกมคุณภาพระดับ 5 ดาวเลยก็ว่าได้นะครับ ทั้ง 2 ทีมเล่นกันเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพและมาตรฐานที่ค่อนข้างสูงลิ่ว ฝั่งไหนพลาดอีกฝ่ายก็พร้อมจะลงโทษด้วยจังหวะสวนกลับทันที แม้ว่าหงส์แดงจะเป็นฝ่ายครองเกมบุกเข้าใส่เปแอสเชได้เป็นส่วนใหญ่ก็ตาม แต่ยอดทีมจากเมืองน้ำหอม ก็ใช้จังหวะเพียงไม่กี่ครั้ง เปลี่ยนเป็นประตูได้ถึง 2 ลูก ก่อนจะมาโดนทีเด็ดของเจ้าบ้านในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 

เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนผู้เล่น 2 ตำแหน่ง จากเกมนัดที่บุกไปเชือดสเปอร์ส 2-1 โดยจอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมคุมแดนกลาง ประสานงานร่วมกับจอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม และเจมส์ มิลเนอร์  ผู้รักษาประตู- แผงหลัง ใช้ชุดเดิม อลิสสัน เบ็คเกอร์เฝ้าเสา ส่วนแผงแบ็คโฟร์ เทรนด์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ , เวอร์จิล ฟานไดค์ , โจ โกเมซ , แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน 

3 ประสานในแดนหน้า ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ได้รับโอกาสออกสตาร์ทก่อนโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่มีอาการบาดเจ็บที่ดวงตา ประสานงานร่วมกับโมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ 

 

 

ด้านทีมแชมป์ลีกเอิง 7 สมัย ผู้รักษาประตูใช้ อัลฟงส์ อาเรโอล่า แผงหลัง โธมัส เมอนิเย่ร์ , ติอาโก้ ซิลวา , เพรสแนล คิมเพมเบ้ , ฆวน เบร์นาต มิดฟิลด์อาเดรียง ราบิโอต์ คุมเกมร่วมกับมาร์กินญอส มีอังเคล ดิ มาเรีย เป็นตัวบน 3 กองหน้า เนย์มาร์ , เอดิสัน คาวานี่ และ คิเลี่ยน เอ็มบัปเป้ 

ออกสตาร์ทเป็นเจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล ที่เป็นฝ่ายเล่นได้อย่างดุดัน เพรสซิ่งเข้าใส่เล่นเอาเปแอสเช โงหัวหัวไม่ขึ้น จนกระทั่งเข้าสู่ครึ่งชั่วโมงก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0  แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ครอสบอลให้สเตอร์ริดจ์โขกเต็มหัวตุงตาข่าย 

เท่านั้นยังไม่พอ 6 นาทีต่อมา ทีมหงส์แดงได้จุดโทษ ฆวน เบร์นาต สกัดไวจ์นัลดุมล้มลงไปในกรอบเขตโทษ  ก่อนที่เจมส์ มิลเนอร์ สังหารไม่พลาดให้เจ้าถิ่นหนีห่างเป็น 2-0 

จากนั้นไม่นาน 4 นาทีถัดมา เป็นทีมเยือนที่ตีไข่แตกจากจังหวะวอลเลย์ด้วยซ้ายเข้าไปของโธมัส เมอนิเย่ร์ ไล่มาเป็น 1-2 ก่อนจบครึ่งแรกที่สกอร์นี้ 

 

ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลยังเป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่า แต่ทว่าช่วงท้ายเกมนาที 83 หงส์แดงมาโดนเสียประตูจากจังหวะจ่ายบอลพลาดตรงกลางของซาลาห์ ก่อนที่เนย์มาร์ จะตัดบอลเลี้ยงจี้ก่อนผ่านให้เอ็มบัปเป้ หลุดไปยิงให้เกมกลับมาเสมอกันที่ 2-2  และไม่กี่นาทีถัดมาซาลาห์ก็ถูกเปลี่ยนตัวออกทันที พร้อมส่งเซอร์ดาร ชากิรี่มาแทน 

เกมทำท่าจะแบ่งแต้มอยู่แล้ว แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 2 เป็นแฟนบอลเดอะค็อปได้เฮลั่น จากความสามารถเฉพาะตัวของตัวสำรองอย่างโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่ล็อคหลบกองหลังทีมเยือนก่อนซัดบอลพุ่งเสียบมุมเข้าไปอย่างสวยงาม กลายเป็นซูเปอร์ซับให้ทีมหงส์แดงคว้าชัยไปได้อย่างสุดสะใจกองเชียร์เจ้าถิ่น  

 

 

นี่คือประเด็นที่น่าสนใจหลังเกมนี้ 

-ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกมแรกในฤดูกาลนี้ ตลอด 70 นาทีที่เขาอยู่ในสนาม นอกจากจะเป็นคนโหม่งพังประตูขึ้นนำให้ทีมแล้ว ดูเหมือนเขาจะเข้าใจในสิ่งที่เจอร์เก้น คล็อปป์ต้องการด้วย เขามีส่วนร่วมกับเกม และยอมเปลี่ยนสไตล์การเล่นจากหน้าตัวเป้าที่เอาแต่รอเพื่อนร่วมทีมป้อนให้ ดึงตัวเองลงมาล้วงบอล เป็นกองหน้าแบบ  False Nine สลับซ้าย-ขวากับมาเน่ หรือซาลาห์ ได้อย่างไม่เคอะเขิน ที่สำคัญสภาพร่างกายของเขาดูเหมือนว่าจะกลับมาสมบูรณ์เต็มร้อยแล้ว ลิเวอร์พูลโชคดีมากๆ เสมือนกับได้กองหน้าคนใหม่มาร่วมทีมโดยไม่ต้องเสียเงินในกระเป๋าแม้แต่บาทเดียว 

 

-กองกลางของลิเวอร์พูลทั้ง 3 คน เล่นได้ตามที่ใจเจอร์คล็อปป์ต้องการ 

เจมส์ มิลเนอร์ มิดฟิลด์ไดนาโมวัย 32 ปี ต้องบอกว่ายิ่งเล่น ยิ่งเก๋า เขาเป็นผู้เล่นที่วิ่งเยอะที่สุดในเกมนี้ เป็นระยะทาง 12.15 กิโลเมตร สังหารจุดโทษได้อย่างเยือกเย็น และจังหวะที่ทำเอาแฟนหงส์สะใจกันทั้งสนาม คือการปั๊มบอลเอาชนะเนย์มาร์ ลูกนั้นเดอะ ค็อปต่างพากันส่งเสียงเฮลั่นแซวกันยกใหญ่ 

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แม้จะไม่หวือหวา แต่หารู้ไม่ เขาวิ่งไปถึง 11.02 กิโลเมตร เป็นรองแค่มิลเนอร์คนเดียว สามารถคุมเกมและทำได้ตามแท็คติกที่โค้ชสั่งทุกอย่าง 

จินี่ ไวจ์นัลดุม ยิ่งเล่นยิ่งดีนะครับ นอกจากเรียกจุดโทษให้ทีมได้แล้ว  การครองบอลของเขาสามารถเอาตัวรอดได้แทบทุกจังหวะ และเป็นผู้เล่นที่ถ้าไม่นับคู่กองหลัง ห้องเครื่องดัตช์รายนี้จ่ายบอลเข้าเป้าไปมากที่สุดถึง 88% เลยทีเดียว 

-เนย์มาร์ ดาวเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก 2-3 นาทีแรกเริ่มต้นได้อย่างหวือหวา โชว์สกิลล็อคหลบผู้เล่นลิเวอร์พูล 3-4 คน แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ หายไปจากเกม และโดนนักเตะวัย 19 ปี อย่างเจ้าหนูเทรนด์ อาร์โนลด์  เก็บใส่กระเป๋าได้ชนิดอยู่หมัด นอกจากนี้แนวรับคนอื่น ๆ อย่างเอดิสัน คาวานี แม้กระทั่งคิเลี่ยน เอ็มบัปเป้ ที่แม้ว่าจะทำประตูตีเสมอได้ แต่ตลอดทั้งเกม ก็ไม่สามารถคุกคามแนวรับของทีมหงส์แดงได้เลย 

-โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่จ่ายบอลพลาด ทำให้ทีมโดนตีเสมอ ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีต่อมา  จังหวะที่ ฟีร์มิโน่ ยิงให้ทีมขึ้นนำ 3-2 แล้วกล้องจับไปเห็นดาวเตะอียิปต์ขว้างขวดน้ำลงกับพื้น จริงๆมันไม่มีอะไรในก่อไผ่นะครับ ซาลาห์คงจะสะใจสุดๆ ที่ทีมไม่ต้องมาเสีย 2 แต้มเพราะตนเองเป็นคนพลาดทำให้ทีมเสียประตูมากกว่า 

แต่สิ่งที่เจ้าตัวต้องคิดแล้ว คือ คู่แข่งเริ่มจับทางได้ และทำการบ้านในการรับมือกับซาลาห์ทุกครั้ง ส่งผลให้เจ้าตัวเล่นได้อย่างอึดอัดในแต่ละนัด ฉะนั้น นี่คือบททดสอบครั้งใหญ่ ที่ดาวเตะอียิปต์รายนี้ต้องพิสูจน์ตัวเอง และทำให้ทุกคนเห็นว่า เขาไม่ได้เก่งแค่ฤดูกาลเดียว 

ทำไปทำมา เผลอแป๊ปเดียว ลิเวอร์พูลคว้าชัย 6 นัดรวดทุกรายการแล้วนะครับ 

เวสต์แฮม , คริสตัล พาเลซ , ไบรท์ตัน , เลสเตอร์ ซิตี้ , ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส และล่าสุด ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเหยื่อของหงส์แดงตัวนี้มาแล้วทั้งสิ้น 

โปรแกรมนัดต่อไป ลิเวอร์พูล จะเฝ้าบ้านรอรับนักบุญ เซาท์แฮมป์ตัน ซึ่งถ้าพวกเขาเล่นได้ตามมาตรฐาน เชื่อเหลือเกินว่าคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงที่หงส์แดงจะคว้าชัยเป็นนัดที่ 7 ติดต่อกัน 

น่าสนใจนะครับว่าทีมไหน จะสามารถหยุดความร้อนแรงของลิเวอร์พูลที่กำลังติดลมบนแบบสุดๆ ได้เป็นทีมแรก น่าสนใจเหลือเกิน...