บราซิล พร้อมส่ง เนย์มาร์ ลงเป็นความหวังในเกมรุก ดวล เม็กซิโก ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึกฟุตบอลโลก 2018
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายที่รัสเซีย ประจำวันที่ 2 ก.ค. เป็นการแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งมีลงเตะด้วยกันทั้งหมด 2 คู่โดยไฮไลท์อยู่ที่การพบกันของ บราซิล แชมป์กลุ่มจี พบ เม็กซิโก รองแชมป์กลุ่มเอฟ ที่สนาม ซามารา อารีนา เวลา 21.00 น.
“บราซิล”เจอปัญหาแข้งเจ็บ
“แซมบา” บราซิล แชมป์โลก 5 สมัย และเต็งหนึ่งของรายการ ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายมาได้แบบสวยงามในฐานะแชมป์กลุ่ม หลังเก็บ 7 แต้มจาก 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มอี ด้วยการเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1, ชนะ คอสตาริกา 2-0 และชนะ เซอร์เบีย 2-0 นอกจากนั้นยังส่งผลให้ “เซเลเซา” ภายใต้การคุมทีมของ ติเต เอาชนะได้ทั้งหมด 19 นัด เสมอ 4 นัด และแพ้เพียง 1 นัดจากการลงสนาม 24 นัดในทุกรายการ
เส้นทางการคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 6 ของ บราซิลค่อนข้างสดใส หลังเยอรมนี เต็ง 2 พลิกร่วงรอบแรกไปแบบน่าเสียดาย ขณะที่ทีมเต็งอื่นๆ ทั้ง สเปน, เบลเยียม หรือ อังกฤษ ก็ยังมีประสบการณ์ในเวทีระดับโลกสู้พวกเขาไม่ได้
อย่างไรก็ตามความพร้อมเกมนี้ “เซเลเซา” ต้องลุ้นความฟิตของแข้งตัวหลัก 2 คน ประกอบด้วย ดักลาส คอสตา ปีกตัวเก่งที่เจ็บจากเกมกับ คอสตาริกา และดานิโล แบ็คขวาตัวจริงที่ได้รับบาดเจ็บมาตั้งแต่เกมแรกกับ สวิตเซอร์แลนด์ ว่าจะฟิตทันหรือไม่ แต่ข่าวดีคือจะได้ มาร์เซโล แบ็กซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บจากเกมที่แล้วคืนซ้อม และพร้อมลงสนามเป็นตัวจริง
ส่วนการตัดทีมแชมป์โลก 5 สมัยจะมาในระบบ 4-2-3-1 โดยผู้รักษาประตูใช้ อลิสสัน เบ็กเกอร์ ส่วนแนวรับมี ติอาโก ซิลวา ยืนคู่ เจา มิรันดา แบ็กขวา-ซ้าย ปรับใช้ ฟากเนอร์ และมาร์เซโล กองกลางตัวรับ 2 คนยึด คาเซมิโร ยืนคู่กับ เปาลินโญ ขณะที่ 3 ประสานเกมรุกใช้ วิลเลียน ประสานงานกับ ฟิลิปเป คูตินโญ ที่ยิงไป 2 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 3 นัดในศึกฟุตบอลโลก และเนย์มาร์ ทำไปแล้ว 10 ประตู 9 แอสซิสต์ จากการลงสนามให้ทัพ “เซเลเซา” 18 นัดหลังสุด ส่วนกองหน้าตัวเป้ายังเป็น กาเบรียล เฆซุส เช่นเดิม
“เม็กซิโก”ปรับทีมหวังแก้ตัว
ส่วน เม็กซิโก ของเทรนเนอร์ ฮวน คาร์ลอส โอโซริโอ ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่มเอฟ หลังเก็บ 6 คะแนนจากการลงเล่น 3 นัดด้วยการ ชนะ เยอรมนี 1-0, ชนะ เกาหลีใต้ 2-1 ซึ่งส่งผลให้พวกเขาได้เปรียบอย่างมากในเกมสุดท้าย เพราะเพียงเสมอกับ สวีเดน ก็จะเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มทันที ถึงกระนั้นพวกเขากลับโดน “ไวกิง” ถล่มโหด 0-3 ส่งผลให้ถูกแซงเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มไปครองอย่างน่าเสียดาย
เกมนี้ “จังโก” ต้องรวบรวมสมาธิกลับมา และพยายามงัดฟอร์มเก่งเหมือน 2 นัดแรกให้ได้ โดยจะมีการปรับทีมจากเกมที่แล้วหลายตำแหน่งในระบบ 4-2-3-1 หลัง เอคตอร์ โมเรโน ติดโทษแบน โดย กีเยร์โม โอชัว ลงเฝ้าเสา แผงหลังนำโดย อูโก อยาลา ที่ได้กลับมาลงสนามกับ คาร์ลอส ซัลเซโด ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ โดยมี เอ็ดสัน อัลบาเรซ และเฮซุส กายาร์โด ยืนประจำการในตำแหน่งแบ็กขวา-ซ้าย กลางมีตัวรับมี เอคตอร์ เอร์เรรา คุมเชิงกับ อันเดรส กวาร์ดาโด ขณะที่แนวรุก มิเกล ลายุน, การ์ลอส เวลา และเออร์วิง โลซาโน คอยทำเกมสนับสนุน ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ “ชิชาริโต‘” ที่ยืนเป็นเพชรฆาตเดี่ยว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง