"โด้"นำบู๊อิหร่าน "เคยรอซ"ชี้สำคัญสุดตั้งแต่คุมทัพ

ศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายที่รัสเซีย ประจำวันที่ 25 มิถุนาย 2561 เป็นการแข่งขันนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งจะมีลงเตะด้วยกันทั้งหมด 4 คู่ จาก 2 กลุ่ม เริ่มด้วย 2 คู่แรกในกุล่ม เอ ซึ่งจะลงเตะพร้อมกันในเวลา 21.00 น. “หมีขาว” รัสเซีย ลงแย่งแชมป์กลุ่มกับ “จอมโหด” อุรุกวัย และ ซาอุดิอาระเบีย พบ อียิปต์ ต่อด้วย กลุ่ม บี ซึ่งลงเตะในเวลา 01.00 น. โปรตุเกส ซึ่งนำทัพมาโดย โรนัลโด ดาวยิงกัปตันทีม จะลงเผชิญหน้ากับ อิหร่าน และ สเปน รับมือ โมร็อกโก

“โด้”นำทัพล่าตาข่าย
สถานการณ์ในกลุ่ม บี เวลานี้ โปรตุเกส ผ่าน 2 นัด มีอยู่ 4 คะแนน จากการเสมอกับ สเปน 3-3 และเฉือนชนะ โมร็อกโก 1-0 ในเกมล่าสุด ซึ่งทั้ง 4 ประตูที่ทัพฝอยทองทำได้มาจากผลงานของ คริสเตียโน โรนัลโด ดาวยิงกัปตันทีมทั้งหมด โดยนัดนี้ลูกทีมของ เฟอร์นานโด ซานโตส กุนซือ วัย 63 ปี ต้องเก็บชัยชนะให้ได้สถานเดียวและอาจต้องยิงประตูให้ได้มากที่สุดหากต้องการเข้าป้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม เนื่องจากตอนนี้พวกเขามี 4 แต้ม เท่ากับ สเปน ที่รั้งจ่าฝูงของกลุ่มร่วมกันแถมประตูได้-เสีย ยังเท่ากัน และจำนวนประตูที่ยิงได้ก็เท่ากันที่ 4 ลูก

ความพร้อมเวลานี้ โปรตุเกส ไม่มีปัญหานักเตะเจ็บหรือติดโทษแบน โดยเตรียมส่งผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนาม ภายใต้ระบบ 4-4-2 นำโดย รุย ปาทริซิโอ ผู้รักษาประตู แนวรับ 4 คน ประกอบด้วย เซดริก ซัวเรซ, โชเซ ฟอนเต, เปเป และ ราฟาเอล เกร์เรโร แดนกลางวาง เจา มูตินโญ คุมเกมร่วมกับ วิลเลียม คาร์วัลโญ ส่วนริมเส้นสองฝั่งมี แบร์นาร์โด ซิลวา กับ บรูโน แฟร์นานเดส ส่วนแดนหน้า กอนซาโล กูเอเดส จะลงจับคู่กับ โรนัลโด ดาวยิงกัปตันทีม

เกมระหว่าง โปรตุเกส กับ อิหร่าน ถือเป็นการพบกันในฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายเป็นหนที่ 2 ต่อจากครั้งล่าสุดที่ลงเผชิญหน้ากันในรอบแบ่งกลุ่มของเวิลด์ คัพ 2006 ที่เยอรมนี ซึ่งเที่ยวนั้นทัพฝอยทองเอาชนะไปได้ 2-0 จากผลงานของ เดโก และ โรนัลโด

“เคยรอซ”ชี้เกมสำคัญสุดในรอบ 7 ปี
ด้าน อิหร่านของกุนซือ คาร์ลอส เคยรอซ ซึ่งออกมาเผยว่า เกมปะทะกับ โปรตุเกส ในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มเป็นเกมที่สำคัญที่สุดในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่เข้ามาคุมทัพทีมดังจากเปอร์เซีย

เคยรอซ เข้ามารับงานกับ อิหร่าน ในปี 2011 ซึ่งอดีตผู้ช่วยของเซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน ถือว่าสร้างทีมได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว โดยเฉพาะกับผลงานในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซียหนนี้ซึ่งนัดแรกประเดิมด้วยการเฉือน โมร็อกโก 1-0 แม้นัดต่อมาจะแพ้ สเปน แต่สกอร์ที่ออกมา 0-1 ถือว่าทำได้ดีเกินคาดกับการรับมือทีมแกร่งจากยุโรป ทำให้เวลานี้ลูกทีมของกุนซือ วัย 65 ปี ยังมีโอกาสลุ้นเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายจากการมี 3 แต้ม หลังผ่าน 2 นัด

สภาพทีมนัดนี้คาดว่าจะยังยึดชุดเดิมในเกมที่พ่ายกระทิงดุในระบบ 4-5-1 นำโดย อาลิเรชา เบรันวานด์ ผู้รักษาประตู กองหลัง 4 คน ประกอบด้วย รามิน เรซาเอียน, มายิด ฮอสไซนี, มอร์เตซา ปูราลิกานญิ และ เอห์ซาน ฮัจ ซาฟี ตำแหน่งมิดฟิลด์ทั้ง 5 รายใช้ เมห์ดี ตาเรมี, โอมิด เอบราฮิมี, ซาอีด อีซาโตลาฮี, วาฮิด อามิรี และ คาริม อันซาริฟาร์ด ส่วนกองหน้าตัวเป้าฝากความหวังไว้กับ ซาร์ดาร์ อัซมูน หัวหอกดาวรุ่งที่ค้าแข้งอยู่กับ รูบิน คาซาน ในลีกรัสเซีย