ข่าว

"สเปน"กับบทพิสูจน์ในเวิลด์คัพ2018

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หากจะพูดถึงทีมที่มีแฟนบอลในบ้านเราเอาใจช่วยให้ศึกฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้มากที่สุดอีกหนึ่งทีม คงจะหนีไม่พ้น ทีมชาติสเปน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชาติมหาอำนาจในโลกลูกหนัง

     ที่ประสบความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์สำคัญอย่างต่อเนื่องในช่วงหลัง ทั้ง การคว้าแชมป์ยูโรสองสมัยติดในปี 2008, 2012

     รวมไปถึงในศึกเวิลด์ คัพ ซึ่งครั้งล่าสุดที่พวกเขาครองแชมป์ได้คือในปี 2010 หลังเอาชนะ เนเธอร์แลนด์ จากประตูชัยของ อันเดรส อิเนียสตา ในช่วงต่อเวลาพิเศษพร้อมเป็นการคว้าแชมป์โลกสมัยแรกจากการลงเล่นฟุตบอลโลกทั้งหมด 14 ครั้ง

     โดยในฟุตบอลโลกครั้งนี้ทัพ “กระทิงดุ” ซึ่งรายล้อมไปด้วยผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์แทบทุกตำแหน่ง พร้อมมีสไตล์การเล่นที่สวยงาม ไม่มีเป้าหมายอื่นนอกจากการคว้าแชมป์สมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์ทีมชาติมาครองให้ได้

 รายชื่อ 23 นักเตะ
     โดยทีมชาติสเปน มีการประกาศรายชื่อ 23 แข้งคนสุดท้ายตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีชื่อของดาวดังหลายราย ทั้ง อัลบาโร่ โมราตา, มาร์กอส อลอนโซ, บิคตอร์ บีโตโล และมาร์ก บาร์ตรา
ผู้รักษาประตู : ดาบิด เด เกอา, เปเป้ เรนา, เคป้า อาร์ริซาบาลากา
กองหลัง : เซร์คิโอ รามอส, เคราร์ด ปิเก, จอร์ดี้ อัลบา, เซซาร์ อัซปิลิกวยตา, นาโช่, อัลบาโร่ โอดริโอโซลา, ดาเนียล คาร์บาฆาล, นาโช่ มอนเรอัล
กองกลาง : อิสโก, มาร์กอส อเซนซิโอ, อันเดรส อิเนียสตา, เซร์คิโอ บุสเก็ตต์, ดาบิด ซิลบา, โกเก, ซาอูล นิเกซ, ติอาโก้ อัลกันตารา
กองหน้า : ยาโก้ อัสปาส, ดีเอโก้ คอสตา, ลูคัส บาสเกวซ, โรดริโก

โค้ช : จูเลน โลเปเตกี
     สำหรับเทรนเนอร์วัย 51 ปีรายนี้ สร้างชื่อมาจากการคุมทีมชาติสเปนชุดยู-19 และยู-21 ก่อนจะย้ายไปคุม ปอร์โต สโมสรในลีกโปรตุเกส ซึ่งหลักจากที่ บิเซนเต เดล บอสเก เฮดโค้ชจอมเก๋าประกาศอำลาตำแหน่งผู้จัดการทีม “ลา โรฆา” เมื่อปี 2016 ทำให้สหพันธ์ฟุตบอลสเปนแต่งตั้งให้อดีตผู้รักษาประตูของ เรอัล มาดริด รายนี้เข้ามาคุมทัพแทน
     โดย โลเปเตกี ยังยึดสไตล์การเล่นแบบสวยงามของทีม “กระทิงดุ” เช่นเดิม แต่หันไปเน้นเรื่องการเล่นเกมรับที่แข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งในรอบคัดเลือกพวกเขาก็ทำผลงานได้ดีตามมาตรฐานด้วยการเข้ารอบเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มจีของโซนยุโรป ด้วยการเก็บ 28 แต้มจาก 10 เกม โดยทำได้ 36 ประตู และเสียงเพียง 3 ประตูเท่านั้น
     ขณะที่สถิติรวมของเจ้าตัวในการคุมทีมชาติสเปน ก็ต้องเรียกว่าสวยหรู ด้วยการยังไม่แพ้ทีมใดจากการลงแข่ง 19 นัด ชนะ 13 นัด เสมอ 6 นัด พร้อมยิงได้ถึง 60 ประตู และเสียเพียง 13 ประตูเท่านั้น
    อย่างไรก็ตามสื่อ และแฟนบอลของสเปน ยังมีเครื่องหมายคำถามในตัวกุนซือรายนี้ เนื่องจากเจ้าตัวยังไม่เคยคุมทีมในรายการใหญ่ระดับโลกเช่นนี้ ซึ่งทำให้ศึกเวิลด์ คัพ 2018 ถือเป็นบทพิสูจน์สำคัญของเจ้าตัวว่าจะพาทีมประสบความสำเร็จ และขยับตัวเองไปเป็นกุนซือชั้นนำของโลกได้หรือไม่

สตาร์ประจำทีม : อันเดรส อิเนียสตา
     เฉกเช่นกับทีมชาติระดับโลกอื่นๆที่มีซูเปอร์สตาร์รายล้อมอยู่ล้นทีมสำหรับทัพ “ลา โรฆา” แต่แข้งที่ถือว่าน่าจับตามอง และน่าจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเจ้าตัวหลังรับใช้ทีมมายาวนานกว่า 12 ปี นั่นก็คือ อันเดรส อิเนียสตา
    สำหรับดาวเตะวัย 34 ปีรายนี้ ที่เพิ่งอำลา บาร์เซโลนา ซึ่งเจ้าตัวค้าแข้งมานานถึง 22 ปีไปอยู่กับ วิสเซิล โกเบ ทีมในเจลีกญี่ปุ่น ถือเป็นกำลังสำคัญของทีมชาตินับตั้งแต่ชุดเยาวชน ยู-16, ยู-19 และยู-21 ซึ่งเขาก็เคยคว้าแชมป์โลกใน 2 รุ่นแรกมาแล้ว ก่อนถูกดึงตัวขึ้นไปเล่นให้กับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในปี 2006 ซึ่งตรงกับการแข่งขันฟุตบอลโลกที่เยอรมัน
     จากนั้นเขาก็เป็นกำลังหลักของทีมร่วมกับ ซาบี เอร์นานเดซ เพื่อนร่วมทีม “เจ้าบุญทุ่ม” ในแผงแดนกลางของฟุตบอลยูโร 2008 ซึ่ง อีเนียสตา ได้ลงเล่นทุกเกมก่อนจะมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทีมเอาชนะ เยอรมัน ได้ 1-0 พร้อมคว้าแชมป์มาครอง
     จนกระทั่งในศึกฟุตบอลโลก 2010 อีเนียสตา ก็ยังรับบทเป็นจอมทัพของทีมเช่นเคย พร้อมเป็นฮีโร่ของคนทั้งชาติหลังเป็นผู้ซัดประตูดับ เนเธอร์แลนด์ ในรอบชิงชนะเลิศ และพาทีมคว้าแชมป์โลกเป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์
     โดยมิดฟิลด์รายนี้ มีความสำคัญต่อทีม “กระทิงดุ” อย่างมาก จากการลงเล่นทั้งหมด 126 นัด เนื่องจากเจ้าตัวคือหัวใจในแดนกลางที่คอยพักบอล และหาจังหวะจ่ายสวยๆให้เพื่อนได้เสมอ รวมถึงเป็นคนที่คอยกระตุ้นให้ทีมมีความตื่นตัวด้วยประสบการณ์ในสนามที่มีอย่างโชกโชน ซึ่งถึงแม้เขาจะมีอายุมากขึ้นแต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการลงเล่นในตำแหน่งดังกล่าวแต่อย่างใด และยังคงได้รับความไว้วางใจจาก โลเปเตกี ให้ลงเล่นเป็นตัวจริง เช่นเดียวกับในเวิลด์ คัพ ครั้งนี้ ที่เราจะได้เห็น อีเนียสตา ลงมาวาดลวดลายเพื่อเป้าหมายสำคัญคือการคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ของทีม และของตนเองมาครอบครองให้ได้

     แม้ สเปน จะถูกมองว่าเป็นเต็ง 3 ที่มีสิทธิ์คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในครั้งนี้ไปครอง แต่ด้วยศักยภาพทีม และแผนการเล่นที่โดดเด่นทำให้เหล่าบรรดาทีมเต็งอื่นๆจะมองข้ามพวกเขาไปไม่ได้อย่างแน่นอน

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ