ข่าว

"มวยไทย" เราคือต้นแบบ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"คมสัน-อภิเชษฐ์"สอบผ่าน-"แสน" ไหว้ครูสุดสวย

ทัพมวยไทยสมัครเล่นทีมชาติไทย ชุดเข้าร่วมการแข่งขันมวยไทยสมัครเล่นชิงแชมป์โลก รายการ "อิฟม่า มวยไทย เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2018" ณ เมืองแคนคุน ประเทศเม็กซิโก หลังคว้ามาได้ 5 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญทองแดง จากทั้งหมด 11 รุ่นที่ลงทำการแข่งขัน เดินทางกลับถึงบ้านแล้ว เมื่อวันที่ 22 พ.ค.

ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ นายกสมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นทีมชาติไทย, ดร.วิชิต คนึงสุขเกษม ผจก.ทีมชาติ และ อ.สุรัตน์ เสียงหล่อ เฮดโค้ช พร้อมคณะนักกีฬาทั้งหมดได้เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยเที่ยวบินอีเค 374 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากครอบครัวและแฟนคลับ

ดร.วิชิต ผจก.ทีมชาติไทย เปิดเผยว่า จากความเหน็ดเหนื่อยในการฟิตซ้อมของนักชกทั้งหมด รวมไปถึงการทุ่มเทในการทำงานของทีมงานสตาฟฟ์โค้ช ขอชื่นชมที่ทุกคนร่วมฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมาด้วยกัน แม้ว่า ก่อนเดินทางไปจะต้องพบกับปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะการขอ "วีซ่า" เข้าประเทศสหรัฐอเมริกาจนวินาทีสุดท้าย รวมไปถึงปัญหาในการเดินทางไกลกว่า 30 ชม.และการปรับเวลาให้เข้าเวลาซึ่งช้ากว่าบ้านเราถึง 12 ชม. แต่ทุกคนก็ได้แสดงความเป็นนักมวยไทยที่มีคุณภาพออกมาให้เห็นจากผลงานที่ออกมา นอกจากนี้ทุกคู่ที่นักชกไทยลงแข่งขันนั้นได้รับความสนใจจากสื่อต่างชาติเป็นพิเศษ นับว่า เป็นการเผยแพร่ให้ผู้คนทั่วโลกได้เห็นศิลปะแม่ไม้มวยไทยจากชาติต้นแบบ

แน่นอนว่า การแข่งขันครั้งนี้สมาคมฯได้ส่งนักมวยไทยหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามารับใช้ชาติถึงครึ่งหนึ่ง โดยนักชกที่สอบผ่านในเกมนี้ต้องยกให้กับ รุ่นไลท์ฟลายเวท 48 กก. "เพชรพันล้าน เพชรสี่หมื่น" อภิเชษฐ์ นาคแก้ว ดาวรุ่งดวงใหม่วัย 19 ปี และ รุ่นไลท์มิดเดิ้ลเวท 71 กก. "ยอดวิชา เข้มมวยไทยยิม" คมสัน ทันตะขบ ยอดมวยเข่าชั้นดีอายุ 22 ปี ที่สามารถคว้ารางวัลนักชกยอดเยี่ยมรายการนี้กลับมาด้วย   

              ขณะที่รุ่นเฟเธอร์เวท 57 กก. "แสน ปิ่นสินชัย" วิวัฒน์ คำทา ดีกรีแชมป์ถึง 4 สมัย ก็สามารถคว้ารางวัลนักกีฬาที่ไหว้ครูมวยไทยสวยสุดของรายการนี้มาได้อีกหนึ่งรางวัล ถือว่า ภาพรวมทั้งหมดในความสำเร็จของนักชกไทยอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ดี จากนี้ไปนักมวยไทยชุดนี้จะมีอีก 2 รายการที่ต้องเตรียมตัว คือ ศึกกีฬามหาวิทยาลัยโลก ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี และ ศึกมวยไทยชิงแชมป์อาเซี่ยน ปลายปีนี้ ที่มาเก๊า ส่วนนักชกหน้าเก่าที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นนั้น ก็คือ รุ่นแบนตั้มเวท 54 กก. "สปิ้นเตอร์ แป๋งกองปราบ" โชติชนินทร์ โคกกระชาย และ รุ่นไลท์เวท 60 กก. "ขวัญ ส.เพลินจิต" ประวิทย์ ชิลนาค อดีตแชมป์เก่าที่พลาดท่าเพียงเล็กน้อยจนไม่สามารถป้องกันแชมป์ได้อีก อย่างไรก็ตามจากปัญหาต่างๆทั้งข้อดีและข้อเสียทั้งหมด ตัวเองจะต้องนำเข้ารายงานในที่ประชุมเพื่อให้ได้รับการแก้ไขถูกต้องต่อไป เพราะเท่าที่ตัวเองได้สัมผัสนักชกทั้งหมดรู็ดีว่า ทุกคนต้องการอะไรบ้าง 

อ.สุรัตน์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติ ได้กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ ดร.วิชิต ที่เข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการทีมในครั้งนี้ ซึ่งความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของท่านเป็นที่ยอมรับในวงการกีฬาอยู่แล้ว ส่วนตัวอยากให้ ดร.วิชิต รับหน้าที่ตรงนี้ไปตลอด เพราะคนกีฬาย่อมรู้ใจกันดีว่า ต้องการอะไรบ้าง แน่นอนว่า ปัญหาต่างๆที่ได้เห็นน่าจะได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง หากทุกคนอยากมีส่วนร่วมในการผลักดันกีฬามวยไทยเข้าสู่โอลิมปิกเกมส์ จะต้องเร่งพัฒนาสิ่งต่างๆที่อยู่ใกล้ตัวให้มันมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่ตัวเองเห็นว่า มันไม่ถูกต้องและต้องได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นมีมาช้านานแล้ว ยิ่งทุกวันนี้การยอมรับกีฬามวยไทยแพร่หลายไปทั่วโลก ดังนั้นมาตรฐานและความเป็นสากลมันอยู่ที่ไหนต้องลองถามใจบอร์ดบริหารสหพันธ์มวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ หรือ "อิฟม่า" กันดู 

              สำหรับผลงาน 5 เหรียญทองที่คว้ามาได้นั้น ประกอบด้วย รุ่นไลท์ฟลายเวท 48 กก. "เพชรพันล้าน เพชรสี่หมื่น" อภิเชษฐ์ นาคแก้ว, รุ่นฟลายเวท 51 กก. "นกกระจิบ ศิษย์พ่อแอ๊ด" อานนท์ พลกระโทก, รุ่นเฟเธอร์เวท 57 กก. "แสน ปิ่นสินชัย" วิวัฒน์ คำทา, รุ่นไลท์มิดเดิ้ลเวท 71 กก. "ยอดวิชา เข้มมวยไทยยิม" คมสัน ทันตะขบ และ รุ่นฟินเวท 45 กก.หญิง "โลมา ลูกบุญมี" สุภิสรา คนหลัก ส่วน 2 เหรียญเงิน รุ่นไลท์เวท 60 กก. "ขวัญ ส.เพลินจิต" ประวิทย์ ชิลนาค กับ รุ่นแบนตั้มเวท 54 กก. หญิง "ชมมณี ส.เต๊ะหิรัญ" หยาดรุ้ง เต๊ะหิรัญ และ 1 เหรียญทองแดง คือ รุ่นแบนตั้มเวท 54 กก. "สปินเตอร์ แป๋งกองปราบ" โชติชนินทร์ โคกกระชาย   

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ