ข่าว

 "วูล์ฟแฮมป์ตัน" น้องใหม่เบอร์แรกพรีเมียร์ลีก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เตรียมกลับขึ้นมาสูดลมหายใจบนเวทีลีกสูงสุดเมืองผู้ดีอีกครั้งต่อจากเที่ยวล่าสุดที่หล่นชั้นจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไปเมื่อปี 2012

แถมการตีตั๋วกลับมาเที่ยวนี้น้องใหม่แต่หน้าเก่าที่ทุกคนคุ้นชื่อดีอย่าง “วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส” ไม่ได้ตั้งเป้ากลับมาเพื่อดิ้นรนหนีตายเหมือนเช่นทุกครั้ง

ลูกทีมของนูโน เอสปิริโต ซานโต การันตีการเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดขณะที่เกมการแข่งขันของศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ยังเหลืออีก 4 เกม จากนั้นมาคว้าแชมป์ลีกรองเมืองผู้ดีอย่างเป็นทางการหลังบุกไปถล่ม โบลตัน วันเดอเรอร์ส 4-0 ในเกมลีกนัดล่าสุด เมื่อวันเสาร์ที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา ทำให้เวลานี้ในโปรแกรมที่เหลืออีก 2 นัดจึงเป็นเพียงการนับถอยหลังก่อนพิธีเฉลิมฉลองใหญ่จะเริ่มต้นเท่านั้น

 

หมาป่าตกถังข้าวสาร

ทิศทางของสโมสรเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 140 ปี จากเขตเวสต์มิดแลนด์ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียวเมื่อได้ “โฟซุน อินเตอร์เนชั่นแนล” กลุ่มทุนจากจีน เข้ามาเทกโอเวอร์สโมสรเมื่อปี 2016

แม้ในช่วง 12 เดือนแรกจะไม่มีความสำเร็จใดๆ เกิดขึ้นต่อทีม โดยฤดูกาล 2016-2017 ซึ่งเป็นซีซั่นแรกภายใต้ผู้บริหารใหม่พวกเขาสั่งปลด เคนนี แจ็คเก็ต กุนซือคนเก่าที่ทำงานกับทีมมานาน 3 ฤดูกาล 1 สัปดาห์หลังจากการเทกโอเวอร์สโมสร พร้อมแต่งตั้ง วอลเตอร์ เซงกา ผู้จัดการทีมชาวอิตาลีที่ชื่อชั้นและโปรไฟล์ดูดีกว่าเข้ามารับงานแทน แต่อดีตผู้รักษาประตูชื่อดังกลับสร้างผลงานงามหน้าพาทีมหล่นไปอยู่โซนท้ายตารางจนได้อยู่บนเก้าอี้นายใหญ่เพียง 17 นัด ก่อนจะเป็น พอล แลมเบิร์ต กุนซือชาวสกอตแลนด์ที่เข้ามารับไม้ต่อในเดือนพฤศจิกายน

แม้แลมเบิร์ตได้อยู่คุมทีมจนจบฤดูกาลแต่การพาหมาป่าที่ตกถังข้าวสารเข้าป้ายในอันดับ 15 ของตาราง ไม่ใช่ผลงานระดับที่กลุ่มทุนจากแดนมังกรต้องการ จนสุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องแยกทางกันหลังจบฤดูกาลนั้น

 

เติบโตในปีที่ 2

อาจเรียกได้ว่าเป็นการลองผิดลองถูกในฤดูกาลแรกภายใต้การดำเนินงานของผู้บริหารกลุ่มใหม่

กระทั่งเมื่อเริ่มเข้าสู่ฤดูกาล 2017-2018 ซึ่งเป็นซีซั่นที่สองของกลุ่มทุนจีน เป้าหมายแรกของพวกเขาคือการเฟ้นหาตัวผู้จัดการทีมมือดีและมาลงตัวที่ นูโน เอสปิริโต ซานโต ผู้จัดการทีมวัย 44 ปี จากปอร์โต

 "วูล์ฟแฮมป์ตัน" น้องใหม่เบอร์แรกพรีเมียร์ลีก

// นูโน เอสปิริโต ซานโต ผู้จัดการทีมวัย 44 ปี //

พอได้โค้ชมือดีอันดับต่อมาก็คือการเสริมทัพซึ่งหนนี้ทีมหมาป่าสร้างความฮือฮาในระดับที่อาจจะเรียกว่าไม่เคยมีมาก่อนในเวทีระดับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ เลยทีเดียว โดยเฉพาะการคว้าตัว รูเบน เนเวส ห้องเครื่องทีมชาติโปรตุเกสซึ่งเคยผ่านเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาแล้ว กับ ปอร์โต ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 15.8 ล้านปอนด์ ไม่นับขุมกำลังที่ไปไล่กวาดต้อนมาจากหลายทีมในยุโรปทั้งการเซ็นสัญญาแบบยืมตัวระยะยาวจนจบซีซั่นรวมถึงการเซ็นแบบไร้ค่าตัวซึ่งนักเตะเหล่านั้นล้วนมีดีกรีที่ไม่ธรรมดาแทบทั้งสิ้น 

 

แน่นนอนว่าดีลทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้นั้นมาจากน้ำมือของซูเปอร์เอเย่นต์ ที่ชื่อ จอร์จ เมนเดส นายหน้าชื่อดังที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับสโมสรแห่งนี้

ด้วยเม็ดเงินเสริมทัพที่มากกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ จึงไม่แปลกที่วูล์ฟแฮมป์ตัน จะใช้กลุ่มผู้เล่นดาวรุ่งเป็นหลัก ต่างจากทีมที่ตั้งเป้าเลื่อนชั้นแต่ก่อนที่มักดึงผู้เล่นวัยดึกซึ่งผ่านประสบการณ์โชกโชนในพรีเมียร์ลีกมาก่อน โดย 8 นักเตะจากรายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกที่ได้รับโอกาสลงเล่นส่วนใหญ่อายุไม่เกิน 23 ปี ทั้งหมด

ภายใต้ระบบ 3-4-3 ที่ นูโน นำมาติดตั้งปรากฏว่าเห็นผลได้ชัดและเร็วกว่าที่คาดคิดเอาไว้เสียด้วย โดยนอกจาก เนเวส หัวใจในแดนกลาง 1 ใน 3 นักเตะวูล์ฟแฮมป์ตันที่ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพฤดูกาลนี้แล้ว

 "วูล์ฟแฮมป์ตัน" น้องใหม่เบอร์แรกพรีเมียร์ลีก

// รูเบน เนเวส (เสื้อส้ม) หัวใจของทีมดีกรีทีมชาติโปรตุเกส //

ทีมชุดนี้ยังประกอบด้วยดาวเด่นอย่าง เลโอ โบนาตินี ดาวยิงบราซิเลียน เจ้าของผลงาน 12 ประตู, ดิเอโก โชตา กองกลางตัวรุกที่ไปยืมมาจากแอต.มาดริด เจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของทีม 17 ประตู, แบรี ดักลาส วิงแบ็กฝั่งซ้ายที่มีสถิติแอสซิสต์สูงสุด (เท่ากับ โรเบิร์ต สน็อดกราส ของแอสตัน วิลลา) 14 ลูก และดาวเตะที่ติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีที่เหลืออีก 2 รายอย่าง วิลลี โบลี กองหลังชาวฝรั่งเศส และจอห์น รัดดี ผู้รักษาประตูมือ 1 ด่านสุดท้ายของทีม

เมื่อส่วนผสมระหว่างนักเตะกับแท็กติกออกมาลงตัว ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นย่อมหนีไม่พ้นสถิติอันแข็งแกร่ง โดยวูล์ฟแฮมป์ตัน มีตัวเลขที่โดดเด่นมากที่สุดในบรรดาคู่แข่งลีกรองเมืองผู้ดี ไล่ตั้งแต่ยิงประตูมากที่สุดในลีก (82 ลูก), ชนะเกมเหย้ามากสุด (14 นัด), ชนะเกมเยือนมากสุด (11 นัด), แอสซิสต์มากสุด (56 ครั้ง) และคลีนชีตมากสุด (22 ครั้ง) โดยเก็บชัยได้ถึง 15 จาก 20 นัดแรกในลีก และไม่แพ้ทีมใดนาน 13 นัด หรือคิดเป็นระยะเวลา 2 เดือนกว่าๆ ที่พวกเขาเดินเครื่องเก็บแต้มชนิดเป็นกอบเป็นกำในลีกรองของอังกฤษ

 

เบื้องหลังซูเปอร์เอเย่นต์

 "วูล์ฟแฮมป์ตัน" น้องใหม่เบอร์แรกพรีเมียร์ลีก

// จอร์จ เมนเดส (คนขวามือสุด) เอเยนต์คนดังที่อยู่เบื้องหลัง //


ตลอด 2 ฤดูกาลนับตั้งแต่ โฟซุน อินเตอร์เนชั่นแนล เข้ามาฮุบกิจการ ฝูงหมาป่าถลุงเงินเสริมทัพไปแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ล้านปอนด์

อย่างไรก็ตามเงินไม่ใช่ปัจจัยแรกที่พาสโมสรเก่าแก่ทีมนี้ประสบความสำเร็จอย่างที่เห็น เพราะหากลงลึกไปในรายละเอียดโดยเฉพาะการนำเข้าผู้เล่นดีกรีไม่ธรรมดาหลายต่อหลายราย ส่วนใหญ่ล้วนมาจากฝีมือของชายชื่อ จอร์จ เมนเดส เอเย่นต์มือฉมังแทบทั้งสิ้น

เจฟฟ์ ฉี ประธานสโมสรวูล์ฟแฮมป์ตัน ให้สัมภาษณ์บีบีซี สื่อของอังกฤษว่า “บางครั้งเมื่อเข้ามาเป็นมือใหม่ในวงการ คุณต้องการใครสักคนที่คอยช่วยเหลือและให้คำปรึกษา แนะนำว่าสิ่งไหนที่ควรจะทำ รวมถึงแบ่งปันประสบการณ์ในด้านต่างๆ ซึ่งผมสามารถได้รับสิ่งเหล่านี้จากเขา (เมนเดส)”

เอเย่นต์ชื่อดังเข้ามามีเอี่ยวกับเรื่องนี้เพราะบริษัทในเครือของโฟซุน เข้าไปถือหุ้นจำนวน 20% ของเกสติฟิวท์ บริษัทดูแลและนำเข้านักเตะของเมนเดสนั่นเอง และแฟนหมาป่าจะไม่มีทางได้เห็น รูเบน เนเวส มาโลดแล่นในถิ่นโมลีนิวซ์ กราวนด์ ได้เลยหากไม่มีสุดยอดเอเย่นต์คนนี้

ไม่นับรวมดีลยิบย่อยที่ไปเซ็นมาแบบฟรีๆ  หรือใช้รูปแบบยืมตัวระยะยาวอีกนับสิบๆ ราย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพราะมันสมองซูเปอร์เอเย่นต์โปรตุกีสซึ่งรู้ทางหนีทีไล่และกฎระเบียบการซื้อขายนักเตะเป็นอย่างดีชนิดที่นายหน้าคนอื่นก็ทำไม่ได้เท่านี้แน่นอน

อย่างไรก็ตามด้วยเล่ห์เหลี่ยมอันแพรวพราวของเมนเดส ก็นำมาซึ่งเสียงวิจารณ์หนาหูของบรรดาคู่แข่ง อาทิ อันเดรีย ราดริซซานี ประธานสโมสรลีดส์ ยูไนเต็ด ที่มองว่าวิธีการของกลุ่มทุนจีนกับเมนเดส ไม่ต่างจากการโกงเท่าไหร่ซึ่งมันไม่ยุติธรรมสำหรับทีมอื่น 

ส่วน สตีฟ บรูซ กุนซือแอสตัน วิลลา ยังสงสัยอยู่ทุกวันนี้ว่านักเตะที่เคยผ่านเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาแล้วอย่าง เนเวส มาอยู่กับวูล์ฟแฮมป์ตันได้อย่างไร แต่ก็อย่างที่บอกไว้ในตอนแรก เมนเดสและพรรคพวกรู้ทางหนีทีไล่เรื่องนี้เป็นอย่างดีและเขาคือนายหน้าที่เข้าใจกฎและกติกาต่างๆ ดี เผลอๆ อาจจะดีกว่าผู้จัดการทีมและนายทุนรายอื่นๆ ด้วยซ้ำไป

การหวนคืนสู่ลีกสูงสุดของวูล์ฟแฮมป์ตันเที่ยวนี้ต่างไปจากทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะคราวนี้พวกเขามาพร้อมกับกลุ่มทุนเงินหนาจากจีน นอกจากไม่ได้มองแค่ประคองตัวอยู่รอดบนลีกสูงสุดแล้ว สโมสรเก่าแก่แห่งนี้ยังมองไกลไปถึงการก้าวขึ้นมาเป็นทีมระดับหัวแถวของยุโรปเสียด้วย

 

เรียบเรียงโดย : พชร นาคจู

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ