ข่าว

ศึกชิงบัลลังก์ราชาคอร์ตดิน2018

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จบไปแล้วสำหรับเทนนิสรายการระดับ มาสเตอร์ส 1000 อย่าง "ไมอามี โอเพ่น" ซึ่งมีความสำคัญตรงที่เป็นการแข่งขันในฮาร์ดคอร์ต(คอร์ตปูน) รายการสุดท้าย

      ก่อนเข้าสู่ช่วงของ “คอร์ตดิน” อย่างเป็นทางการในศึก มอนติคาโล มาสเตอร์ส ที่ ที่ราชรัฐโมนาโก วันที่ 16 เม.ย.
     สำหรับการแข่งขันในคอร์ตดินถือว่าเป็นอุปสรรคของนักเทนนิสหลายๆคน เนื่องจากลูกบอลจะกระดอนได้สูง และช้ากว่าบนคอร์ทชนิดอื่นๆ ทำให้ยากต่อการคาดเดาว่าลูกจะขึ้นมาในทิศทางใด รวมถึงการเคลื่อนที่ของตัวนักกีฬาเองที่แตกต่างกับคอร์ทอีก 3 ชนิดอย่างสิ้นเชิง
     อย่างไรก็ตามช่วงเคลย์คอร์ต ก็ถือว่าเป็นช่วงโกยแชมป์ของนักเทนนิสบางคนที่มีความเชี่ยวชาญจนส่งผลให้พวกเขาขยับอันดับโลกของตนเอง รวมถึงสร้างชื่อเสียงขึ้นมาได้จากการแข่งขันในช่วงคอร์ตดิน ซึ่งในปีนี้ศึกชิงราชาคอร์ตดินในประเภทชายก็มีความดุเดือนเช่นเคย เนื่องจาก โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นักเทนนิสจอมเก๋าจากสวิตเซอร์แลนด์ และมือ 2 ของโลก ตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขันคอร์ตดินทั้งหมดเพื่อรักษาสภาพความฟิต
      ส่งผลให้เป็นช่วงที่นักหวดหลายคนจะเร่งทำผลงานเพื่อขึ้นมาเป็น “ราชาคอร์ตดิน2018” ซึ่งจะส่งผลสำคัญต่อเงินรางวัล และอันดับโลกของตนเองในปีนี้อย่างแน่นอน

ราฟาเอล นาดาล

     ถ้าจะพูดถึงนักเทนนิสชายที่ทำผลงาน และสร้างประวัติศาสตร์ต่างๆบนคอร์ตดินได้ดีที่สุดในปัจจุบันคงจะหนีไม่พ้น ราฟาเอล นาดาล เนื่องจากเขาคือเจ้าของสถิติชนะบนคอร์ตดินถึง 102 เกม และแพ้เพียง 2 เกมเท่านั้น นอกจากนั้นเจ้าตัวยังเป็นเจ้าของสถิติคว้าแชมป์แกรนด์สแลม บนคอร์ตดินอย่าง “เฟรนช์ โอเพ่น” ถึง 5 สมัยรวดได้เป็นคนแรกในรายการดังกล่าวอีกด้วย
     โดย นาดาล เริ่มสร้างชื่อเสียงในวงการลูกหวดสักหลาดจากการแข่งขันคอร์ตดิน จนมาโด่งดังสุดด้วยการคว้าแชมป์ เฟรนช์ โอเพ่น ได้เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2005 ขณะที่เขามีอายุเพียง 19 ปี ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ “เอล มาธาดอร์” ประสบความสำเร็จในการแข่งขันคอร์ตดิน เนื่องจากเรื่องของสภาพร่างกาย โดยเฉพาะการสไลด์ไปรับลูกของนาดาล ซึ่งเล่นแบบนี้ได้เฉพาะคอร์ตดินเท่านั้น เพราะต้องอาศัยความแข็งแกร่งกล้ามเนื้อ ความฟิตที่ดี
     นอกจากนั้นเจ้าตัวยังได้รับคำแนะนำจาก คาร์ลอส โมยา อดีตนักเทนนิสรุ่นพี่ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านคอร์ตดินเป็นอย่างมาก จนส่งผลให้เจ้าตัวจะคว้าตำแหน่งราชาคอร์ตดินในปีนี้ไปครองได้ไม่ยาก
     ถึงกระนั้นในฤดูกาลนี้นักหวดวัย 31 ปี ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บที่ต้นขารบกวน ต้องถอนตัวจากการแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลมรายการแรกของปีอย่าง ออสเตรเลียน โอเพ่น รอบ 8 ทีมสุดท้ายเมื่อช่วงต้นปี และยังไม่สามารถกลับมาลงเล่นได้อีกเลย ซึ่งยังต้องลุ้นว่าเจ้าตัวจะหายทันในศึก มอนติคาโล มาสเตอร์ส หรือไม่ และจะส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นมากเพียงใด

โนวัค ยอโควิช

    อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของโลกชาวเซอร์เบียรายนี้ หายหน้าหายตาไปจากวงการเป็นเวลานานหลังเสียตำแหน่งมือ 1 ของโลกให้กับ แอนดี เมอร์เรย์ เมื่อช่วงปลายปี 2016 โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้เจ้าตัวฟอร์มดร็อปลงไปอย่างน่าใจหายคือเรื่องของ “อาการบาดเจ็บศอก” ที่รบกวนเขามาตลอดตั้งแต่ปี 2017
    ถึงแม้ว่า ยอโควิช จะหาทางแก้ปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่นด้วยการตั้ง อังเดร อากัสซี อดีตนักหวดระดับตำนานของสหรัฐ มาเป็นโค้ชเพื่อปรับปรุงสไตล์การเล่นที่เน้นเรื่องการตีที่หนักหน่วงจนเกินไป แต่สุดท้ายดูเหมือนว่าฟอร์มของเขาก็ยังจะไม่ดีขึ้นจนกระทั่งต้องตัดสินใจพักยาวจนถึงช่วงต้นปี 2018
    โดย ยอโควิช กลับมาลงแข่งขันในศึกเทนนิส ออสเตรเลียน โอเพ่น 2018 แต่ก็ต้องร่วงตกรอบ 16 คนสุดท้าย ซึ่งการตกรอบดังกล่าวเป็นฟางเส้นสุดท้ายให้เขาตัดสินใจเข้าผ่าตัดเพื่อที่จะได้กลับมาลงแข่งขันอย่างเต็มประสิทธิภาพ
     ขณะนี้นักเทนนิสมือ 12 ของโลกกำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูร่างกายหลังร่วงรอบ 2 เทนนิส ไมอามี โอเพ่น ซึ่งถึงแม้ว่าสถิติในการเล่นตอร์ตดินของเจ้า ตัวจะไม่ค่อยดีนัก อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ยอโควิช จะใส่เต็มร้อยในช่วงฤดูกาลเคลย์คอร์ตที่กำลังมาถึงเพื่อเรียกความมั่นใจ รวมถึงกู้อันดับโลกของตนเองให้ขึ้นมาสู่จุดที่ควรจะเป็นอีกครั้ง

ฮวน มาร์ติน เดล ปอโตร

     ย้อนไปเมื่อปี 2009 นักเทนนิสรายนี้คือ 1 ในนักหวดที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของวงการเนื่องเจ้าตัวสามารถโค่นทั้งราฟาเอล นาดาล และ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ก่อนผงาดคว้าแชมป์เทนนิส ยูเอส โอเพ่น ในปีนั้น พร้อมทำผลงานได้ดีต่อเนื่องด้วยการขึ้นสู่มือ 4 ของโลกในปีต่อมา
      แต่ด้วยความโชคร้ายซึ่งนักเทนนิสหลายคนประสบพบเจอ นั่นก็คือ อาการบาดเจ็บข้อมือทั้งสองข้าง โดยเฉพาะปัญหาที่ข้อมือซ้ายทำให้เขาผลงานตกลงไปจนหล่นไปอยู่อันดับ 142 ก่อนจะกลับสู่ เอทีพี ทัวร์ ในเดือนก.พ. 2016
อย่างไรก็ตามนักหวดชาวอาร์เจนไตน์ เริ่มกลับมาสู่ฟอร์มการเล่นที่ดีอีกครั้ง ด้วยการคว้าเหรียญเงินในศึกเทนนิสชายโอลิมปิก “ริโอ เกมส์ 2016” รวมถึงได้รับเลือกจาก เอทีพี ทัวร์ ให้ได้รับรางวัลผู้เล่นคัมแบ็กยอดเยี่ยมแห่งปี 2016
     จากนั้นอาการบาดเจ็บของเจ้าตัวก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ ด้วยการคว้าแชมป์มาครองได้ 1 รายการเมื่อปีที่แล้ว คือ สต็อกโฮล์ม โอเพ่น ก่อนขึ้นมาอยู่ในอันดับ 11 ของโลก จนกระทั่งเข้าสู่ปี 2018 เดล ปอโตร กลับมาระเบิดฟอร์มด้วยการเอาชนะ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ พร้อมคว้าแชมป์เทนนิสรายการ บีเอ็นพี พาริบาส โอเพ่น เมื่อช่วงกลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกลับมาอยู่ในตำแหน่งท็อป 10 ของโลกอีกครั้งได้สำเร็จ
     สาเหตุที่ทำให้ เดล ปอโตร เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในการแข่งขันซีซั่นคอร์ตดินในปีนี้ เนื่องจากความคุ้นเคยกับคอร์ตดังกล่าวที่เขาฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก รวมถึงสไตล์การเล่นของเขาที่มีความหนักหน่วง พร้อมกดดันฝ่ายตรงข้ามด้วยลูกกราวด์สโตรกที่ยากต่อการป้องกันในเคลย์คอร์ตอีกด้วย จึงเป็นอีก 1 คู่แข่งที่น่ากลัวเลยทีเดียว

มาริน ซิลิช

     แม้ชื่อเสียงของนัดหวดชาวโครแอตรายนี้จะไม่เป็นที่โด่งดัง หรือรู้จักมากเท่าที่ควร แต่ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมส่งผลให้เจ้าตัวไต่มาอยู่ในอันดับ 3 ของโลกในขณะนี้ได้เป็นที่เรียบร้อย
     สำหรับ ซิลิช ถนัดในการเล่นบนฮาร์ดคอร์ตเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาสามารถโกยแชมป์ถึง 16 รายการตั้งแต่ปี 2008 แต่เมื่อปีที่แล้ว เขากลับสร้างเซอร์ไพร์สด้วยคว้าแชมป์ในรายการเคลย์คอร์ตได้เป็นรายการแรกในอาชีพ นั่นก็คือ พาริบาส อิสตันบูล โอเพ่น
     มาในปีนี้ผลงานของเจ้าตัวต้องถือว่ามีความสม่ำเสมอ เนื่องจากเข้าได้ถึงรอบ 32 คนสุดท้ายเป็นอย่างน้อยในการแข่งขันเทนนิส เอทีพี 4 รายการพร้อมคว้าตำแหน่งรองแชมป์ของศึกแกรนด์สแลม ออสเตรเลียน โอเพ่น ด้วยการพ่ายต่อ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ไปแบบน่าเสียดาย
ด้วยความมั่นใจที่กำลังมีอย่างเต็มเปี่ยมส่งผลให้นักหวดวัย 29 ปีอาจจะทำผลงานได้ดีในการแข่งขันฤดูกาลคอร์ตดินของซีซั่นนี้ก็เป็นได้

     ทั้งหมดที่กล่าวมาคือ 4 ตัวเต็งที่ถูกคาดการณ์ว่าน่าจะทำผลงานได้ดีในฤดูกาลของคอร์ตดิน ซึ่งสุดท้ายแล้วต้องมาดูกันว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จในช่วงเคลย์คอร์ตได้มากเพียงใด หรือจะมีนักเทนนิสคนอื่นๆที่ขึ้นมาโชว์ฟอร์มในการยึดบัลลังก์ราชาคอร์ตดิน2018ไปครองแทน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ