วันนี้เมื่อ 35 ปีก่อน การ์รินช่า ตำนานนักเตะทีมชาติบราซิล ผู้พาทีม"แซมบ้า"คว้าแชมป์โลก 2 สมัย ต้องเสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 49 ปี
มานูเอล ฟรานซิสโก้ ดอส ซานโตส หรือที่รู้จักกันในนามว่า "การ์รินช่า" เกิดเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 1933 ที่นครริโอ เดอ จาเนโร เขาเกิดมาด้วยการมาขาทั้งสองข้างงอผิดธรรมชาติ และด้วยการแพทย์ของทศวรรษที่ 30 ยังไม่ก้าวหน้า ประกอบกับปัญหาความยากจนของครอบครัว ทำให้การผ่าตัดช่วยทำให้การ์รินช่าเพียงแค่เดินได้เหมือนคนปกติเท่านั้น แต่ขาขวาของเขาก็ยังสั้นกว่าขาซ้ายถึง 6 ซม.
อย่างไรก็ตาม การ์รินช่า ก็ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา กลับฝึกฝนทักษะฟุตบอลจนสร้างความมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นบนผืนหญ้าทุกครั้งที่เขาได้สัมผัสบอล
การ์รินช่า คือสุดยอดจอมลากเลื้อยแห่งยุค 60-70 ถึงขนาดได้รับการยกย่องจากนักประวัติศาสตร์ฟุตบอลหลายคนให้เป็นนักฟุตบอลที่มีทักษะการเลี้ยงบอลที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนัง โดย การ์รินช่า ค้าแข้งกับสโมสรโบตาโฟโก้เกือบตลอดอาชีพนักฟุตบอล ลงเล่นไปทั้งหมด 614 นัด ยิงไปถึง 245 ประตู
แต่ไฮไลท์สำคัญคือผลงานในทีมชาติ ที่การ์รินชาเป็นกำลังหลักพาทีมแซมบ้าคว้าแชมป์โลกได้ 2 สมัยในปี 1958 และ 1962 ซึ่งในปี 1962 นั้น การ์รินช่าเป็นดาวซัลโวร่วมของการแข่งขันด้วย โดยขึ้นมาเป็นจอมทัพของทีมแทนเปเล่ที่บาดเจ็บ
แม้การ์รินช่าจะมีชีวิตในสนามที่สวยงาม แต่ชีวิตนอกสนามกลับน่าเศร้า การ์รินช่ามีปัญหาติดเหล้าอย่างหนัก ทำให้สิ้นเปลืองเงินไปทองมากมายจากการรักษาโรคพิษสุราเรื้อรังรวมทั้งเกิดอุบัติเหตุจากการ "เมาแล้วขับ" หลายครั้ง นอกจากนี้ในเรื่องชีวิตรักของเขาก็มีแต่ความล้มเหลว มีสัมพันธ์กับหญิงสาวนับร้อยราย ผ่านการแต่งงาน 3 ครั้ง และมีลูกนับรวมถึง 14 คน
จนกระทั่งวันที่ 20 ม.ค. 1983 การ์รินช่าที่กลายสภาพเป็นคนอนาถา ก็ต้องเสียชีวิตลงด้วยโรคตับแข็ง ในวัยเพียงแค่ 49 ปี
อย่างไรก็ตาม การ์รินช่า ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้สร้างความสุขให้กับชาวบราซิลอย่างแท้จริง ซึ่งเขาได้พิสูจน์ให้โลกเห็นแล้วว่า ความไม่สมประกอบ ไม่สามารถหยุดยั้งให้เขาเป็นนักฟุตบอลระดับโลกได้ และในปี 2014 วงการฟุตบอลบราซิลก็ให้เกียรตินำชื่อเขาไปตั้งเป็นชื่อสนาม "เอสตาดิโอ มาเน่ การ์รินช่า" ในกรุงบราซิเลีย และใช้เป็นสังเวียนแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ ขณะที่สโมสรโบตาโฟโก้ต้นสังกัดที่เขาสร้างชื่อมาตลอด ก็สร้างรูปปั้นทองคำไว้เป็นอนุสรณ์บริเวณสนามแข่งอีกด้วย
(ขอบคุณคลิปจาก Youtube // user: Emanuel pereira)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง