ข่าว

พลพรรคศิษย์รักชิ่งหนี“เวนเกอร์”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เป็นอีกครั้งที่ อาร์เซนอล ต้องสูญเสียดาวเตะระดับแม่เหล็กของทีม โดยเฉพาะเที่ยวล่าสุดกับการตัดสินใจเก็บข้าวของผละจากถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมของ อเลกซิส ซานเชซ

    และเหมือนกับภาพซ้ำชินตาของ อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศส ที่ต้องทนเห็นอดีตศิษย์รักเผ่นไปแสวงหาความสำเร็จที่มากกว่าสโมสรจากกรุงลอนดอนจะเสกสรรค์ปั้นแต่งให้ได้

    แต่ความคุ้นชินนี้หากถามสาวก “เดอะ กันเนอร์ส” พวกเขาคงไม่อยากคุ้นเคยกับเรื่องราวแบบนี้เท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมาพวกเขาบอบช้ำมามากเกินไปแล้วกับการเห็นซูเปอร์ตาร์ขวัญใจละทิ้งทีมแบบนี้

นิโกลาส์ อเนลกา 
(ย้ายไป เรอัล มาดริด ปี 1999)

    ถูกยกให้เป็นการย้ายตัวที่ดีที่สุดของนักเตะดาวรุ่ง แต่นี่คงไม่ใช่สิ่งที่น่าปลาบปลื้มเท่าไหร่สำหรับ อาร์แซน เวนเกอร์

    อเนลกา ย้ายจากปารีส แซงต์ แชร์กแมง สโมสรที่เขาอยู่ค้าแข้งมาตั้งแต่สมัยเป็นเยาวชนเพื่อมาเผชิญโชคบนเกาะอังกฤษกับ อาร์เซนอล ขณะที่อายุได้เพียง 17 ปี พาทีมคว้าดับเบิลแชมป์ในฤดูกาล 1997-98 ด้วยการเข้าป้ายแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พ่วงด้วยถ้วยเอฟเอ คัพ ที่นัดชิงชนะเลิศเขาเป็นคนยิงประตูปิดกล่องในชัยชนะเหนือ นิวคาสเซิล 2-0 คือความสำเร็จสูงสุดที่เขาได้ตอบแทนความไว้วางใจต่อตัวกุนซือที่มีให้ดาวยิงวัยกระทง 

    แต่ก็แทบไม่มีใครเชื่อว่านี่คือสิ่งสุดท้ายที่เขาได้ทิ้งไว้ให้ตัวนายใหญ่ที่ปลุกปั้นเขาขึ้นมา เพราะหลังจบฤดูกาลนั้น เรอัล มาดริด ยอมทุ่มทุนถึง 23 ล้านปอนด์ (ราว 990 ล้านบาท) เพื่อกระชากดาวยิงที่เวนเกอร์ เคยใช้เงินเพียง 5 แสนปอนด์ (ราว 20 ล้านบาท)  พร้อมเสียงก่นด่าจากแฟนบอลทั่วทุกสารทิศที่ไม่พอใจในการเห็นดาวยิงขวัญใจเลือกเดินออกจากสโมสร

    อเนลกา เผยถึงสาเหตุสำคัญที่เขาตัดสินใจย้ายออกจากอาร์เซนอล เพราะแฟนบอลเอาแต่โจมตีเขา ขณะเดียวกัน เวนเกอร์ เองก็ออกมายอมรับว่าสิ่งที่เขาเสียใจมากที่สุดครั้งหนึ่งคือตอนที่เห็นอดีตศิษย์รักตัดสินใจย้ายไปอยู่กับราชันชุดขาว 

    “ตอน อเนลกา ไปอยู่กับเรอัล มาดริด คือเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง ใช่ มันเป็นเรื่องที่เสียใจที่สุดในชีวิตของผม เขาติดทีมชาติฝรั่งเศส แล้วก็ย้ายไปอยู่กับมาดริด จากนั้น เธียร์รี อองรี ก็ย้ายเข้ามา และได้เล่นให้ฝรั่งเศสในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ขณะที่ นิโกลาส์ ไม่ได้เล่น”

ปาทริก วิเอรา
(ย้ายไป ยูเวนตุส ปี 2005)

    ได้รับการยอมรับว่าเป็นกองกลางที่ครบเครื่องทั้งเกมรุกและรับ ไล่ปัดกวาดเกมบุกคู่แข่งชนิดไปไม่เป็น แถมในเวลาเดียวกันยังเดินหน้าสร้างสรรค์โอกาสให้ทีมได้อีก แน่นอนว่านี่คือผู้เล่นที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในทีมเช่นเดียวกันกับตอนที่เสียเขาไป

    จากกองกลางที่ได้รับโอกาสลงสนามกับเอซี มิลาน เพียง 2 นัด ตลอดระยะเวลา 1 ฤดูกาล กลายมาเป็นมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดเท่าที่ลีกอังกฤษเคยมีมา หลังจาก อาร์แซน เวนเกอร์ ใช้สายตาเหยี่ยวกระชากตัวมาร่วมทีมด้วยเม็ดเงินแค่ 3.5 ล้านปอนด์ (ราว 150 ล้านบาท) เมื่อปี 1996 โดย วิเอรา ประสบความสำเร็จอย่างสูงตลอด 9 ปี ภายใต้การเพาะบ่มของกุนซือเลือดเฟรนช์ ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกลีก 3 สมัย โดยหนึ่งในนั้นคือยุคไร้พ่ายอันโด่งดัง ฤดูกาล 2003-2004 เช่นเดียวกับซิวถ้วยเอฟเอ คัพ ที่ได้เท่ากับจำนวนแชมป์ลีก แต่อาจเป็นเพราะความสำเร็จเดียวกันที่นำมาซึ่งจุดอิ่มตัว ทำให้ในปี 2005 กองกลางดีกรีแชมป์โลกจึงเลือกปิดตำนานกับอาร์เซนอลแล้วย้ายไปแสวงหาความท้าท้ายใหม่กับยูเวสตุส ในอิตาลี ซึ่งนอกจากสีเสื้อที่เปลี่ยนไปแล้ว ความสัมพันธ์ของเขากับเวนเกอร์ ก็เปลี่ยนตามไปด้วย

    แฟนบอลส่วนใหญ่ไม่แปลกใจที่ วิเอรา ย้ายทีม แต่ที่หลายคนสงสัยคือทำไมอดีตกองกลางรายนี้ไม่เคยได้รับโอกาสกลับมาร่วมงานกับเวนเกอร์ อีกเลย แถมเมื่อถูกถามถึงว่าใครคือผู้จัดการทีมในดวงใจ คำตอบที่ได้ยังเป็นชื่อของ ชูเซ มูรินโญ อริในดวงใจกุนซือชาวฝรั่งเศสอีกด้วย

แอชลีย์ โคล
(ย้ายไป เชลซี ปี 2006)

    โด่งดังขึ้นมาในฐานะเด็กปั้นของทีมและถือเป็นความภาคภูมิใจของแฟนบอลกับการได้เห็นดาวเตะรายนี้ลงรับใช้ทีมในฐานะแบ็กซ้ายตัวหลัก

    โคล ประสบความสำเร็จกับอาร์เซนอล ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย บวกกับเอฟเอ คัพ อีก 3 หน แต่สิ่งดีงามทั้งหมดที่เคยสร้างมาต้องพังไม่เป็นท่าเมื่อ โคล ตัดสินใจทิ้งทีมไปแบบไม่มีเยื่อใยแถมต้นสังกัดที่ฟูมฟักมาได้ค่าตอบแทนเพียง 5 ล้านปอนด์ (ราว 200 ล้านบาท) สำหรับแบ็กซ้ายที่ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดบนเกาะอังกฤษในตอนนั้น

    จากอดีตเด็กปั้นที่เติบโตมากับทีมต้องถูกตราหน้าว่าคนทรยศทันทีหลังจากตัดสินใจย้ายไปอยู่กับอริร่วมกรุงลอนดอนอย่าง เชลซี เมื่อปี 2006 โดยเหตุผลหลักๆ ก็คือการที่ “สิงโตน้ำเงินคราม” เสนอค่าจ้างก้อนงามให้ แถมสิ่งที่น่าเจ็บปวดมากกว่านั้น คือ อดีตแบ็กซ้ายรายนี้ย้ายไปประสบความสำเร็จมากกว่าตอนรับใช้ทีมจากลอนดอนเหนือเสียอีก

เชส ฟาเบรกาส
(ย้ายไป บาร์เซโลนา ปี 2011)

    ตอนย้ายกลับมาค้าแข้งในเวทีพรีเมียร์ลีกเป็นคำรบที่สองกองกลาง “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เผยว่า อดีตเจ้านายเก่ายังไม่เคยพูดคุยกับเขาเลย

    หลังช็อกแฟนบอล “ปืนใหญ่” ด้วยการย้ายกลับไปบาร์เซโลนา เมื่อปี 2011 “เดอะกันเนอร์ส” หลายรายซึ่งอาจรวมถึง เวนเกอร์ เองด้วย ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการทำใจยอมรับและหาตัวตายตัวแทนจอมสร้างสรรค์โอกาสที่ยอดเยี่ยมที่สุดตั้งแต่หมดยุค ปาทริก วิเอรา 
    
    เวลาผ่านไป 3 ปี ชื่อของฟาเบรกาส กลับมาอยู่ในความสนใจของแฟนบอลย่านกรุงลอนดอนอีกครั้งในการคัมแบ็กสู่ลีกเมืองผู้ดี แต่ผิดตรงที่เขาไม่ได้เลือกอดีตต้นสังกัดเก่าอย่าง อาร์เซนอล

    “เมื่อผมตัดสินใจย้ายออกจากบาร์เซโลนา อาร์เซนอล คือตัวเลือกแรก และบาร์เซโลนามีเงื่อนไขต้องติดต่อกับอาร์เซนอลเป็นทีมแรก”

    สื่ออังกฤษหลายสำนักระบุตรงกันว่าเป็นเพราะปืนโตเองที่ไม่สนใจดึงศิษย์เก่ามาร่วมทีม เพราะเวลานั้นพวกเขามี เมซุต โอซิล อยู่แล้ว จึงทำให้การตัดสินใจของกองกลางชาวสแปนิชไปลงเอยกับทัพสิงห์บลูส์

    “ใช่ ความสัมพันธ์ของผมกับอาร์เซนอลไม่เคยเปลี่ยน”

    “อาร์เซนอล คือทีมที่เชื่อมั่นในตัวผมมากที่สุด ตอนที่ผมอายุ 16 ปีและยังเป็นนักเตะของบาร์เซโลนา”

    “เวนเกอร์ มอบทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตให้ผม แน่นอนว่าผมรักเขาในฐานะโค้ช นี่คือการตัดสินใจของเขา ผมบอกเสมอว่าเขาเหมือนพ่อของผม และเขาจะเป็นแบบนั้นตลอดไป” กรณีของ ฟาเบรกาส คำว่า วิถีลูกหนังน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ซึ่งหากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นคือ เขาเติบโตมากับอาร์เซนอล ส่วน เชลซี คือทีมที่เขาก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ลีกสูงสุด

เธียร์รี อองรี
(ย้ายไปบาร์เซโลนา ปี 2007)

    หากให้จัดทำเนียบตำนานอาร์เซนอล ชื่อของ เธียร์รี อองรี ต้องรวมอยู่ในนนั้นแบบไม่ต้องสงสัย เขาคือเจ้าของรองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีก 4 ฤดูกาล เป็นตำนานดาวยิงสูงสุดตลอดกาล 226 ประตู จากการลงสนาม 337 นัด ตลอดการเล่นระหว่างปี 1999-2007 และแน่นอนว่าคงไม่เกินเลยไปนักหากจะบอกว่า อองรี คือพระเจ้าของสาวกเดอะกันเนอร์ส

    การย้ายทีมของดาวเตะระดับแม่เหล็กแห่งรั้วปืนโต ไล่ตั้งแต่ อเนลกา, วิเอรา, แอชลีย์ โคล, ฟาเบรกาส หรือกระทั่ง อเลกซิส ซานเชซ รายล่าสุด เทียบไม่ได้กับตอนที่พวกเขาต้องกล่าวคำอำลาดาวยิงสูงสุดตลอดกาลที่ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับบาร์เซโลนา เมื่อปี 2007 แต่การจากลาของอองรี อาจกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่แฟนบอลยอมรับได้และแทบจะไม่เคยออกมาโจมตีการย้ายสังกัดแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากสปิริตที่แสดงออกมาให้เห็นก่อนที่จะย้ายไปสเปน 1 ฤดูกาลก่อนหน้านั้น

    ฤดูกาล 2005-06 อาร์เซนอล เกือบจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการก้าวขึ้นมาเป็นเจ้ายุโรป เมื่อ เวนเกอร์ สามารถพาทีมทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แต่สุดท้ายประวัติศาสตร์บทนั้นไม่เกิดขึ้น เพราะตำแหน่งเจ้ายุโรปคือ บาร์เซโลนา โดยนอกจากความผิดหวังแล้วพวกเขายังทำท่าจะสูญเสียดาวยิงเบอร์ 1 ของทีมไปให้ทีมเจ้าบุญทุ่มอีกด้วย 

    อย่างไรก็ตามท่ามกลางกระแสข่าวลือที่ถาโถมประกอบกับรอยต่อแห่งการพลาดหวังครั้งสำคัญ อองรี ได้ทำในสิ่งที่แฟนบอลอาร์เซนอลไม่มีทางลืมเมื่อออกมายืนยันว่าจะอยู่ช่วยทีมต่อไปแม้เพิ่งจะอกหักมาจากนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

    หลังจากทีมไป 4 ปี อองรี กลับมาอยู่กับอาร์เซนอล อีกครั้งในรูปแบบการยืมตัวชั่วคราว 2 เดือน แม้คำรบที่สองจะไม่มีอะไรให้พูดถึงมากนัก แต่การกลับมาครั้งนั้นแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างเขากับเวนเกอร์ ที่อดีตศิษย์รักน้อยคนที่เลือกทิ้งทีมไปได้ย้ายกลับมาร่วมงานกับกุนซือชาวฝรั่งเศส

    ในบรรดาพลพรรคศิษย์รักที่ย้ายออกไปทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขาคงไม่มีวันนี้ถ้าปราศจากชายที่ชื่อ อาร์แซน เวนเกอร์

     ตลอดระยะเวลา 21 ปี กุนซือชาวฝรั่งเศสปั้นดินให้เป็นดาวมานักต่อนัก แต่ในแง่ของความสำเร็จคำชื่นชมเหล่านี้แทบปราศจากความหมายเมื่อเขาต้องกลับมาเริ่มมองหาเพชรเม็ดงามใหม่ทุกครั้ง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ