ถ้าจะพูดถึงทีมที่มีผลงานน่าผิดหวังมากที่สุดในฟุตบอลลีกยุโรป คงจะหนีไม่พ้น เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่แห่งสเปน
แต่ล่าสุดจากการที่พวกเขาพ่ายคารังต่อ บียาร์เรอัล 0-1 ทำให้ขณะนี้ตามหลัง บาร์เซโลนา ทีมจ่าฝูง และคู่ปรับตลอดกาลไปแล้วถึง 19 แต้ม ซึ่งในทางปฏิบัติการลุ้นแชมป์ลีกของพวกเขาในฤดูกาลนี้ได้จบลงไปแล้วแบบ 90 เปอร์เซนต์
สาเหตุที่ทำให้ “ราชันชุดขาว” มีผลงานที่ตกต่ำถึงเพียงนี้เกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งการที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด ดาวเตะตัวความหวังของทีม เกิดฟอร์มตกไปแบบดื้อๆ รวมไปถึงการที่ผู้เล่นตัวหลักของทีมผลัดกันได้รับอาการบาดเจ็บ เป็นต้น
ถึงกระนั้นคนที่ต้องรับผิดชอบกับฟอร์มอันย่ำแย่ดังกล่าวของทีมดังแห่งถิ่น ซานติอาโก เบร์นาเบว นั่นก็คือ ซีเนดีน ซีดาน กุนซือชาวฝรั่งเศส โดยล่าสุดมีข่าวว่า ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร จะไม่ให้การสนับสนุนเขาอีกต่อไป และอาจจะถูกปลดออกจากตำแหน่งในเร็ววันนี้
ส่งผลให้สื่อต่างประเทศได้จัด 4 ผู้จัดการทีมที่มีความเหมาะสมในการเข้ามาคุมบังเหียนทีม “ลอส บลังโกส” เป็นคนต่อไป
คาร์โล อันเชล็อตติ
กุนซือชื่อดังรายนี้ เคยคุมทีมระดับบิ๊กมาแล้วอย่างมากมาย ทั้ง เอซี มิลาน, เชลซี, บาเยิร์น มิวนิค และเรอัล มาดริด ในปี 2013-2015 โดยเจ้าตัวได้พิสูจน์ถึงการเป็นยอดเทรนเนอร์ระดับโลก ด้วยการพาทีมข้างต้นประสบความสำเร็จในรายการใหญ่ทั้งสิ้น
โดยเฉพาะกับ “ราชันชุดขาว” ที่ถึงแม้เขาจะได้คุมทีมเพียงแค่ 2 ฤดูกาล แต่ก็สามารถพา “ลอส บลังโกส” ซิวแชมป์โกปา เดล เรย์ และยูฟ่าแชมเปียนส์ ลีก
สำหรับผู้จัดการทีมวัย 58 ปี มีจุดเด่นในเรื่องการทำทีมที่มีความรัดกุม และมีจังหวะสวนกลับที่เฉียบขาด ซึ่ง เรอัล มาดริด ในยุคของ ซีดาน นั้น ประสบปัญหาในเรื่องกองหลังที่มีช่องโหว่ และการจบสกอร์ที่ไม่มีความแน่นอน ซึ่งถ้า “อันเช่” เข้ามานั่งบังเหียนนายใหญ่คนใหม่ ปัญหาเหล่านี้น่าจะได้รับการแก้ไขได้ดีขึ้น
นอกจากนั้นแล้วขณะนี้ อันเชล็อตติ กำลังว่างงานหลังถูก “เสือใต้” ปลดแบบฟ้าผ่าเมื่อช่วงต้นซีซั่น ทำให้ไม่ใช่เรื่องยากหากจะให้เขากลับมาคุมทัพเป็นคำรบสอง
อันโตนิโอ คอนเต้
ผู้จัดการทีมชื่อก้องที่มีข่าวพัวพันเรื่องการลาออกจากตำแหน่งกุนซือของ เชลซี อยู่เป็นระยะด้วยสาเหตุหลายประการ ทั้ง มีปัญหากับบอร์ดบริหารเกี่ยวกับนโยบายการเสริมทัพ, ทะเลาะกับลูกทีม รวมถึงการที่ครอบครัวอยากกลับไปอยู่ที่ประเทศบ้านเกิดอย่าง อิตาลี เป็นต้น
และล่าสุดอดีตเทรนเนอร์ทีมชาติอิตาลี ก็ให้สัมภาษณ์ถึงอนาคตของตนเองกับทีม “สิงห์บลูส์” ว่า "สำหรับผู้จัดการทีมของสโมสรแห่งนี้ มันไม่น่าแปลกใจถ้าจะโดนวิจารณ์ หากคุณคว้าแชมป์ลีกฤดูกาลที่แล้ว และทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ แต่ซีซั่นนี้กลับโชว์ฟอร์มได้ไม่ดีเช่นเดิม ผมมีสัญญาเหลืออีก 1 ปี แต่ผมรู้ดีว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ ครู่หนึ่งที่คุณอยู่ที่นี่ ก็อาจจะมีใครมาทดแทนคุณ โดยสโมสรจะเป็นคนตัดสินว่า ผมต้องไปหรือไม่”
นอกจากนั้นแล้ว “เดลี เมล์” สื่อดังของอังกฤษ ยังระบุด้วยว่า เชลซี เริ่มเสาะหาตัวแทนของ คอนเต้ ที่มีแนวโน้มจะออกจากทีมหลังจบฤดูกาล 2017-18 ไว้แล้ว โดยมี มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี กับ หลุยส์ เอ็นริเก เป็นตัวเต็ง
ด้วยกระแสที่เกิดขึ้นส่งผลให้ถ้า เรอัล มาดริด ต้องการเฮดโค้ช คนใหม่ คอนเต้ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีประสบการณ์ทั้งการคุมทีมในระดับสโมสร และทีมชาติ รวมถึงมีวิธีการแก้เกมซึ่งมักจะได้ผล ซึ่งต่างจาก ซีดาน ที่ถูกวิจารณ์ว่าแก้เกมไม่เก่ง และทำให้ทีมต้องเสียผลประโยชน์ไปหลายต่อหลายนัด
โชเซ่ มูรินโญ
อีกหนึ่งกุนซือที่เคยรับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมของ เรอัล มาดริด มาแล้วในปี 2010-2013 แต่เจ้าตัวแยกทางกับทีมได้ไม่ค่อยดีนัก หลังมีปัญหาส่วนตัวกับนักเตะซีเนียร์ของทีมหลายคนทั้ง อิเคร์ กาซิยาส นายทวารจอมเก๋า รวมถึงเซร์คิโอ รามอส กองหลังกัปตันทีม
รวมไปถึงสไตล์การเล่นของ “เดอะ สเปเชียล วัน” ที่ทำให้ “ราชันชุดขาว” ซึ่งเป็นทีมที่มีจุดเด่นด้านเกมรุก กลายเป็นทีมที่เน้นเรื่องการตั้งรับมากเกินไปจนกลายเป็นบอลน่าเบื่อที่เน้นผลการแข่งขันเพียงอย่างเดียว
โดย มูรินโญ เองเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า การคุมทีม เรอัล มาดริด คือช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในอาชีพการเป็นผู้จัดการทีมของเขา ก่อนเจ้าตัวจะไปกู้ชื่อกับ เชลซี และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามด้วยฟอร์มอันไม่แน่นอนของทีม “ปีศาจแดง” ในช่วงฤดูกาลนี้ ส่งผลให้มีข่าวว่าเทรนเนอร์ชาวโปรตุกีส เตรียมเก็บของอำลาถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หลังจบฤดูกาลโดยมี ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เป็นเป้าหมาย ถึงกระนั้นหาก เรอัล มาดริด ยื่นข้อเสนอเข้ามาด้วย เชื่อว่า มูรินโญ ก็คงอยากกลับไปสู่ถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว อีกครั้งเพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเอง
มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี
เทรนเนอร์สมองเพชรรายนี้ ได้รับคำชื่นชมอย่างมากตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เจ้าตัวเข้ามาคุมทีม ยูเวนตุส แม้ก่อนหน้านี้แฟนๆของทีม “ม้าลาย” จะไม่อยากได้เขามานั่งแท่นผู้จัดการทีมก็ตาม เนื่องจากเจ้าตัวพาทีมคว้า “ดับเบิลแชมป์” ได้ตั้งแต่ซีซั่นแรกที่เข้ามาคุมทัพ ทั้ง กัลโช่ เซเรีย อา และโคปปา อิตาเลีย เช่นเดียวกับปีต่อมาที่เขาพาทีมคว้าดับเบิลแชมป์อีกครั้ง และนับเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์วงการลูกหนังมะกะโรนีที่คว้า 2 ถ้วยในประเทศได้สองปีซ้อน
โดยเจ้าตัวมีจุดเด่นหลายอย่าง ทั้งเรื่องการปั้นนักเตะที่เขาสามารถดึงศักยภาพของ ปอล ป็อกบา และ เปาโล ดิบาลา จนกลายเป็นนักเตะระดับโลกในปัจจุบัน รวมถึงเรื่องแท็คติกที่เขาจะเน้นทุกนาทีในสนาม และไม่เคยประมาทคู่แข่งแม้จะเป็นทีมที่อ่อนชั้นกว่าก็ตาม
จากที่กล่าวมาทั้งหมดทำให้กุนซือวัย 50 ปี ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเป็นกุนซือของ เรอัล มาดริด คนใหม่ ซึ่งก็น่าจะถึงเวลาของ อัลเลกรี แล้วเช่นกันในการออกไปคุมทีมนอกประเทศบ้านเกิดดูบ้าง
สุดท้ายแล้วต้องมาดูกันว่า ซีเนดีน ซีดาน จะได้คุมทีม เรอัล มาดริด ต่อไปหรือไม่ หรือจะมีกุนซือคนใหม่ที่เข้ามากอบกู้สถานการณ์ของสโมสร และพาทีมกลับสู่ทิศทางที่ควรจะเป็นอีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง