เปิดม่านศึกเอ็นบีเอ2017-18

      โดยเกมแรกของฤดูกาล จะเป็นการพบกันระหว่าง คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส จะเปิดสนาม ควิกเกนส์ โลนส์ อารีนา ต้อนรับการมาเยือนของ บอสตัน เซลติกส์ ในวันที่ 18 ต.ค. ตามเวลาประเทศไทย
       และในซีซั่นนี้เกิดความเปลี่ยนแปลงหลายต่อหลายอย่างในศึกเอ็นบีเอ รวมถึงมีจุดน่าสนใจมากมายให้แฟนๆได้ติดตาม

การปรับกฏกติกาบางส่วน

      การเปลี่ยนแปลงของศึกเอ็นบีเอในซีซั่นนี้ เริ่มต้นกันตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น ที่ทีมจะได้ลองระบบ และผู้เล่นใหม่ รวมไปถึงฝ่ายอื่นๆ เช่น ระบบไฟ ระบบรักษาความปลอดภัย ระบบแสงสีเสียง การเอ็นเตอร์เทนระหว่างพักเบรก และระบบถ่ายทอดสด
      โดยในปีนี้การแข่งขันช่วงปรีซีซั่นจะแข่งน้อยกว่าทุกปีนั่นคือ 3-5 เกม เพราะฤดูกาลนี้จะเปิดไวขึ้นกว่าซีซั่นที่แล้ว 10 วันเพื่อลดเกมการแข่งขันที่ติดกันจนเกินไป จนส่งผลให้นักกีฬาล้า และการเตรียมการแข่งขันไม่ทันการจนอาจเกิดข้อผิดพลาด
      ส่วนการปรับกฎอีกอย่างที่สำคัญ คือ ในช่วง ออล-สตาร์เกม เราจะไม่ได้เห็นการแข่งขันของทีมตะวันตกปะทะทีมตะวันออกอีกแล้ว เนื่องจากจะเปลี่ยนเป็นการเลือกทีมด้วยการ “โหวต” แทน โดย 5 นักยัดห่วงคนแรกจะใช้เสียงแฟนๆโหวต 50% นักกีฬาด้วยกัน 25% สื่ออีก 25% และสำรองจะเลือกโดยโค้ชของทีม
     จากนั้นจะให้นักบาสเกตบอลที่ได้รับการโหวตมากที่สุดของแต่ละสายเป็นกัปตันทีม แล้วจะให้กัปตันทั้ง 2 เลือกผู้เล่นที่ได้คัดสรรจากแฟนๆ,นักกีฬา,สื่อ และโค้ชที่เหลือ 22 คนมาเข้าทีม โดยแบ่งเป็นทีมละ 12 คน ซึ่งนั่นหมายความว่าเราอาจจะได้เห็น สตีเว่น เคอร์รี ร่วมทีมกับเลอบรอน เจมส์ หรือ เควิน ดูแรนท์ ร่วมทีมกับ ไครี เออร์วิง ก็เป็นได้ ซึ่งการปรับเปลี่ยนดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อทำให้เกม ออล-สตาร์ ดูสนุกขึ้นหลังซบเซามาหลายปี
     นอกจากนั้นยังมีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆที่น่าสนใจ เช่น เอ็นบีเอ จะปรับทีมต่างๆอย่างน้อย 100,000 ดอลลาร์ (ราว 3.1 ล้านบาท) หากพักผู้เล่นซูเปอร์สตาร์ในเกมถ่ายทอดสดระดับประเทศ หากไม่มีอาการบาดเจ็บหรือเหตุผลที่น่าฟัง ซึ่งหากจำเป็นต้องพักจริงๆ กีฬาคนนั้นต้องมานั่งขอบสนามที่ม้านั่งสำรองด้วย

ทีมเต็งแชมป์แห่งซีซั่น

      สำหรับทีมเต็งแชมป์ในปีนี้ อันดับหนึ่งคงจะหนีไม่พ้น โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส แชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้ว และดีกรีแชมป์เอ็นบีเอ 5 สมัย (1975, 1976, 2015, 2016, 2017) โดยสาเหตุที่ทำให้เขาถูกมองจะมีสิทธิ์คว้าแชมป์มากที่สุด เนื่องจากสามารถเก็บซูเปอร์สตาร์ของทีมไว้ได้อย่างครบครัน นำโดย 3 ทหารเสือ สตีเฟ่น เคอร์รี, เคลย์ ธอมป์สัน และ เควิน ดูแรนท์ เจ้าของรางวัลเอ็มวีพีปีที่แล้วที่เข้ามาเติมเต็ม “นักรบทองคำ” ได้เป็นอย่างดี ซึ่งในปีนี้พวกเขาต้องเข้าขา และประสานงานกันได้ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน

     รวมไปถึงในซีซั่นนี้ สตีฟ เคอร์ หัวหน้าโค้ชที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บหลังรบกวน และต้องพลาดคุมทีมข้างสนามไปช่วงระยะนึง กลับมามีสภาพร่างกายสมบูรณ์อีกครั้ง และจะกลับมาจัดการแท็คติกอย่างเต็มตัว ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างมากสำหรับทีมอื่นๆ เนื่องจาก เคอร์ ได้ชื่อว่าเป็นจอมวางแผนที่สุดยอดในวงการยัดห่วงปัจจุบัน
     ส่วนอีกทีมที่จะขึ้นมาต่อกรกับ “นักรบทองคำ” ได้ คงจะหนีไม่พ้น คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ที่พ่ายต่อ วอร์ริเออร์ส ไปในรอบชิงชนะเลิศเมื่อซีซั่นที่แล้ว ทำให้ปีนี้พวกเขาหมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างมากว่าจะทวงแชมป์เอ็นบีเอกลับมาสู่อ้อมอกให้ได้
    ทำให้พวกเขาได้ทำการเสริมทัพแบบจัดหนัก ด้วยการเซ็นสัญญาคว้าตัว ดเวยน์ เวด การ์ดจอมเก๋าจาก ชิคาโก บูลส์ มาร่วมทัพ เพื่อมาช่วยแบ่งเบาภาระของ เลอบรอน เจมส์ จอมทัพของทีม ซึ่ง เวด มีจุดอันตรายคือการตัดการโฉบเข้าไปกลางแล้วเก็บแต้ม เมื่อประกอบกับการจ่ายบอลของ “คิงเจมส์” ที่สุดยอดอยู่แล้วก็ยิ่งจะทำให้แชมป์ 1 สมัยน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
     ขณะที่ผู้เล่นชื่อดังคนอื่นๆ ก็พร้อมที่จะลงช่วยทีมอย่างเต็มที่แล้ว ทั้ง เควิน โรส, เจ.อาร์ สมิธ, อิไซอาห์ โทมัส และ เดอร์ริก โรส จึงทำให้จะมองข้ามพวกเขาไม่ได้

ทีมม้ามืดที่น่าสนใจ
     โดยในศึกยัดห่วงอาชีพของสหรัฐฤดูกาลนี้ มีสิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมขึ้นมา นั่นก็คือ บรรดาทีมต่างๆในลีก ได้ยอมทุ่มเงินในการต่อสัญญาซูเปอร์สตาร์ของทีมออกไป เพื่อที่จะให้นักบาสรายนั้นๆช่วยยกระดับทีมให้ดีขึ้น
     แต่ทีมที่มีการเสริมทีมได้น่าสนใจ และดูว่าจะมีประสิทธิภาพในการสอดแทรกขึ้นมาแย่งแชมป์กับ 2 ทีมข้างต้นได้ คือ โอกลาโอมา ซิตี ธันเดอร์ ทีมแชมป์เอ็นบีเอ 1 สมัยเมื่อปี 1979
    สำหรับ โอเคซี ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในช่วงเกือบ 10 ปีก่อน เนื่องจากเป็นแหล่งรวมสุดยอดนักบาสดาวรุ่งแห่งยุค ทั้ง เควิน ดูแรนท์, รัสเซล เวสต์บรูค และเจมส์ ฮาร์เดน ซึ่งพวกเขาโชว์ฟอร์มกันได้อย่างยอดเยี่ยม จนช่วยให้ทีมเข้าชิงชนะเลิศกับ ไมอามี ฮีท ได้ในปี 2012 แต่สุดท้ายก็ได้แค่รองแชมป์เท่านั้น
     แต่หลังจากที่ ฮาร์เดน ย้ายออกจากทีมไป โอเคซี ก็เริ่มกลับมาสู่ในยุคที่เดินถอยหลัง และไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรจนกระทั่ง พวกเขาต้องเสีย เควิน ดูแรนท์ ไปให้กับ โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส พวกเขาก็กลายเป็นทีมที่ไม่มีจุดเด่นอะไรอีกเลย

      ทำให้เมื่อจบซีซั่นนี้ เคลย์ เบนเน็ท เจ้าของทีมไม่ยอมให้ทีมต้องเสียผู้เล่นตัวหลัก และถอยหลังลงคลองอีกต่อไป ทำให้พวกเขายอมยื่นสัญญาใหม่เป็นระยะเวลา 5 ปีซึ่งมีมูลค่าถึง 205 ล้านดอลลาร์  (ราว 6.4 พันล้านบาท) ให้กับ รัสเซล เวสต์บรูค การ์ดตัวเก่งของทีม และเมื่อรวมยอดที่เหลือในฤดูกาลหน้าอีก 28.5 ดอลลาร์ ทำให้ เวสต์บรูค เป็นนักบาสเอ็นบีเอ ที่มีสัญญาราคามากที่สุดเท่าที่เคยมีมา 72 ฤดูกาล นั่นคือรวมทั้งหมด 6 ปี 233 ล้านดอลลาร์ (ราว 7.4 พันล้านบาท) แซง เจมส์ ฮาร์เดน ของ ฮูสตัน ร็อคเกตส์ ที่ได้ค่าเหนื่อย 228 ล้านดอลลาร์ (7.2 พันล้านบาท) เป็นที่เรียบร้อย และเตรียมแผนเดินหน้าเพื่อพัฒนาทีมต่อไป
     ส่วนอีกทีมที่น่าสนใจ คือ ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ยักษ์หลับแห่งเอ็นบีเอ ซึ่งฤดูกาลที่แล้วกลับมาคืนฟอร์มอีกครั้งด้วยการผ่านเข้าชิงชนะเลิศของสายตะวันตกได้สำเร็จ แต่ต้องพ่ายต่อ วอร์ริเออร์ส ไปอย่างน่าเสียดาย
     ในซีซั่นนี้ผู้เล่นตัวหลักของทีมยังอยู่อย่างครบครัน ทั้ง โทนี่ ปาร์คเกอร์, คาวายห์ เลนนาร์ด และ เพา กาซอล ที่ทำได้ดีเมื่อปีที่แล้ว แต่ในช่วงต้นของการแข่งขันพวกเขาต้องประคองตัวไปให้ได้ก่อนเนื่องจาก ปาร์คเกอร์ และเลนนาร์ด ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ ซึ่งหากผ่านช่วงปีนี้ไปได้ ในปีหน้า สเปอร์ส จะมีผู้เล่นแบบฟูลทีม และเป็นอีกทีมที่จะประมาทไม่ได้

       สุดท้ายแล้วต้องมาติดตามกันว่าการแข่งขันบาสเกตบอลเอ็นบีเอในปีนี้ หลังจากมีการเปลี่ยนกติกาบางส่วนจะทำให้เกมมีความสนุกมากขึ้นหรือน้อยลงเพียงใด รวมถึงบัลลังก์แชมป์ในซีซั่นที่ 72 นี้จะตกไปอยู่กับทีมใดกันแน่