ข่าว

53 ปี การกีฬาแห่งประเทศไทย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

การใช้ “ใจแลกใจ” คือ วิธีที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จ 

การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ครบรอบวันคล้ายวันสถาปนา 53 ปี ยังคงก้าวเดินต่อไป ในการพัฒนา สนับสนุน ส่งเสริมการกีฬาของชาติให้ก้าวหน้า ภายใต้การนำของ “บิ๊กเสือ” สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการ กกท.คนปัจจุบัน 

กกท.จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2528 ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ปีเดียวกัน โดยเหตุผลในการประกาศใช้คือ เพื่อจัดตั้งองค์กรรัฐวิสาหกิจขึ้นแทน องค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย (อสกท.) ซึ่งตั้งขึ้นตาม พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2507 ที่ประกาศเมื่อ 12 กันยายน ปีดังกล่าว และให้มีอำนาจหน้าที่ในการส่งเสริมการกีฬา และควบคุมการดำเนินกิจการกีฬาได้กว้างขวาง และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 

นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการ กกท. เป็นประธานในงานวันคล้ายวันสถาปนาการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 53 พร้อมมอบเกียรติบัตรและเข็มวิริยะอุทิศให้แก่ พนักงานที่ปฏิบัติงานครบ 30 ปี 25 ปี 15 ปี และรางวัลพนักงาน, ผู้ช่วยปฏิบัติงานฯ ดีเด่น ประจำปี 2560 ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา กกท. ตามด้วยกิจกรรม Big Cleaning Day และ เตะฟุตบอลกระชับมิตร 5 ภาคเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม

กิจกรรมในงานวันคล้ายวันสถาปนา กกท. เริ่มด้วยพิธีสักการะพระพุทธรูปประจำ กกท. พระพรหม และพระภูมิชัยมงคล ณ บริเวณหอพระ และสักการะรูปหล่อหลวงสุขุมนัยประดิษฐ์ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จากนั้น เป็นพิธีสงฆ์ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา, ผู้ว่าการ และผู้บริหาร กกท. รับมอบอุปกรณ์กีฬา หรือเงินบริจาคเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล  

พิธีมอบเกียรติบัตรและเข็มวิริยะอุทิศให้แก่ พนักงานที่ปฏิบัติงานครบ 30 ปี 25 ปี 15 ปี และรางวัลพนักงาน, ผู้ช่วยปฏิบัติงานฯ ดีเด่น ประจำปี 2560 ประกอบด้วย พนักงานที่ปฏิบัติงานครบรอบ 30 ปี ได้แก่ นายจินดา เดชภิมล, นายประชุม บุญเทียม, นายวิษณุ ไล่ชะพิษ, นายเจริญชัย สุวรรณศรี, นายปิยะชน โพธิเจริญ, นายเดช ใจกล้า, นางประไพ บรรจงจัด,นางสมศรี ลีลวณิช, นายณเดชน์ ใจคิด, นายฉลอง เผ่าแก้ว, นางสาวนวภัสร์ นนท์ธนาเกียรติ, นางชัญญาภัค สดุดี, นายศรีศักดิ์ ลิ้มลิขิตอักษร, นายอาคม นคราวงศ์ และนายโฆษิต ขวัญศร

พนักงานที่ปฏิบัติงานครบรอบ 25 ปี ได้แก่ นายพิพัฒน์ วัฒนคุ้ม, นางจิติรัตน์ ชุมเชื้อธนบูลย์, ว่าที่ร้อยตรี สกล เจริญวงศ์, นายสงค์ศักดิ์ คำดี, นายปรเมษฐ์ ภักดีคีรีไพรวัลย์, นางสาวฐปนันท์ ชนะสงคราม, นางอรุณทิพย์วัฒนกุลวิวัฒน์, นางสาวอภิญญา มีสามเสน, นายโอ บุญประเสริฐ, นายวสันต์ สู่ทรัพย์, นายยศพนธ์ ผลนาค, นายอดุลย์ อินทรสุนทร, นายจรัญ สุขศรีจันทร์

พนักงานที่ปฏิบัติงานครบรอบ 15 ปี ได้แก่ ว่าที่ร้อยตรี เอกชัย นุชลำยอง, นางภัทราวรรณ วิศุภกาญจน์, นายกล้าณรงค์ ยงสุวรรณ, นางสาวอิศราวรรณ แสงโชติ

พนักงานที่มีผลงานดีเด่น ประจำปี 2560 ได้แก่ นางสาวปิยมาศ ถาวระ, นายพันธุปรี ดาบเงิน, นายสุวิทย์ เกิดบำรุง, นายอดิทัต บุญธิมา, นายรัฐพล ไผ่งาม, นางสาวมยุรี บิลกาซัน, นายทัศนะ ไตรรัตน์, นายชาตรี เหล่าเลิศรัตนา, นางนิตยา ขัตวงษ์, นายศราวุฒิ สุขเกษม, นางพิมพ์ชยาน์ ณ พัทลุง,นางพรอนันต์ คำหวาน และนางภสพร พูลทองคำ

ผู้ช่วยปฏิบัติงานที่มีผลงานดีเด่น ประจำปี 2560 ได้แก่ นางสาวอาศุอร มณไทวงศ์, นายกฤตวัชรนนท์ เครือวัลย์, นางสาวลำพอง ประดาสุข, นางสาวฤทัยรัตน์ คงมา, นายพันธุ์เทพ ม่วงช่วง, นางสาวอำภา บิลกาซัน, นางสาวนุชจรี ทาเวียง, นายธนศาล แก้วกังวาน, นายศิริรักษ์ สว่างตา, ว่าที่ ร.ต.รัชฎ์กร อธิวรุฬห์รัชต์, นางสาวกัญญชัญ โชติทัตพิชา และนางสาวกำลัย ธิชาญ

นายสกล วรรณพงษ์ ผู้นำองค์กรกีฬาที่ก้าวเข้าสู่ปีที่ 54 กล่าวว่า กกท.จะสร้างมิติใหม่ของวงการกีฬาไทย เริ่มตั้งแต่ 1.การปรับแผนในการเตรียมความพร้อมนักกีฬาทีมชาติไทยให้มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งการเพิ่มระยะเวลาการเก็บตัวให้ต่อเนื่องมากที่สุด และส่งไปเก็บตัวฝึกซ้อมและแข่งขันในต่างประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะรายการแข่งขันที่มีการเก็บคะแนนสะสม เพื่อไปแข่งขันรายการใหญ่ ๆ ระดับชิงแชมป์โลก หรือ โอลิมปิกเกมส์ 2.ให้มีการจ้างโค้ชทั้งชาวไทยและต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้ามาดูแลนักกีฬาให้มากขึ้น เพิ่มเงินค่าจ้างจากเดิมสูงสุดเดือนละ 60,000 บาท เป็น 150,000 บาท 3.ให้ กกท.มีการปรับแผนในการเบิกจ่ายเงินสนับสนุนด้านต่างๆ ให้เร็วขึ้น ไม่เกิน 7 วัน และได้ให้ผู้รับผิดชอบทุกด้านปรับหารทำงานให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อลดปัญหาในเรื่องการเงินของสมาคมกีฬาต่างๆ

กกท.พยายามทำตามคำร้องขอของสมาคมกีฬาต่างๆ แล้ว แต่สิ่งที่ กกท.ต้องการจากสมาคมกีฬานั้น “บิ๊กเสือ” กล่าวว่า  คือ ขอ “หัวใจ” ทุกคนให้มีมุ่งมั่น จริงใจและจริงจัง ในการทำงานเพื่อพัฒนาวงการกีฬาไทย ด้วยความเชื่อว่า การร่วมมือกันจะช่วยให้ผลงานนักกีฬาดีขึ้นได้ โดยเฉพาะกีฬาที่ผลงานไม่ดีในซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่ประเทศมาเลเซีย จะเห็นผลงานที่ดีขึ้นในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ในปี 2018 แน่นอน โดยไม่ต้องรอให้ถึงกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ในปี 2019 ก็ได้ โดยในวันที่ 18 พฤศจิกายน กกท.จะเชิญสมาคมกีฬาต่างๆ เข้ามาประชุมเพื่อปรับแผนการเก็บตัวฝึกซ้อมสำหรับการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์  ก่อนจะมีการเก็บตัวฝึกซ้อมต่อไป

“สมาคมกีฬาของมาหลายอย่าง แต่ผมต้องการเพียงอย่างเดียว คือ ผมต้องการหัวใจของทุกคน ขอให้มีความจริงจัง จริงใจ ในการเข้ามาทำงานกีฬา เพราะถ้าไม่จริงใจก็พัฒนาได้ยาก กกท.จะปรับเทคนิคและแทคติคทุกอย่างเสริมเข้าไป เพื่อสนับสนุนสมาคมกีฬาให้มากที่สุด เป็นวันสต็อปเซอร์วิส เพื่อให้ทุกฝ่ายเบิกจ่ายเงินได้คล่องตัวมากขึ้น ทำงานได้คล่องตัว แบบไม่มีปัญหา" บิ๊กเสือ กล่าว

ด้วยความเชื่อที่ว่า การใช้ “ใจแลกใจ” คือ วิธีที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จ 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ