ข่าว

จูดาสแห่งโลกลูกหนังที่แฟนไม่ลืม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ในตลาดซื้อขายนักเตะบางครั้งการย้ายทีมของผู้เล่นซักคนนหนึ่งก็เพื่อโอกาสประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพค้าแข้งของพวกเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ในวงการลูกหนัง

แต่ก็มีหลายรายที่การตัดสินใจหันหลังให้กับสโมสรที่เปรียบดั่งอู่ข้าวอู่น้ำ และเป็นที่ๆปลุกปั้นพวกเขาขึ้นมาจะสร้างความไม่พอใจให้กับคนรอบข้างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแฟนบอลที่บางครั้งก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองโดนหักหลังจากการต้องเสียดาวเตะหรือบุคคลที่พวกเขาชื่นชอบ ดั่งคำที่ว่า “รักมากก็เกลียดมากเช่นกัน”

แอชลีย์ โคล
(อาร์เซนอล ไป เชลซี, ปี 2006)

ในยุคปัจจุบันที่ราคาค่าหัวของดาวเตะในตำแหน่งฟูลแบ็คพุ่งพรวดอย่างน่าตกใจ ซึ่งหาก แอชลีย์ โคล อดีตแบ็คซ้ายทีมชาติอังกฤษ ได้โอกาสมาโลดแล่นในตอนนี้บางทีค่าตัวกองหลังสถิติโลกอาจไม่ใช่ ไคล์ วอล์คเกอร์ แบ็คขวาป้ายแดงของแมนเชสเตอร์ ซิตี ก็ได้

จากอดีตเด็กปั้นที่เติบโตมากับอาร์เซนอล “โคล” ถูกตราหน้าว่าคนทรยศทันทีหลังจากตัดสินใจย้ายไปอยู่กับอริร่วมกรุงลอนดอนอย่าง เชลซี เมื่อปี 2006 โดยเหตุผลหลักๆ ก็คือการที่“สิงโตน้ำเงินคราม”เสนอค่าจ้างก้อนโตให้นั่นเอง

อาร์เซนอล ได้ค่าตอบแทนเพียง 5 ล้านปอนด์ (ราว 200 ล้านบาท) สำหรับแบ็คซ้ายที่ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดบนเกาะอังกฤษในตอนนั้น พ่วงด้วย วิลเลียม กัลลาส ที่สลับฝั่งมาอยู่กับทีมปืนใหญ่ ซึ่งเมื่อถึงคราวทำศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ เมื่อไหร่ โคล ก็จะถูกแฟนๆ รุมโห่อยู่เสมอไม่ว่าเหตุการณ์จะผ่านไปกี่ปีก็ตาม

โรบิน ฟาน เพอร์ซี
(อาร์เซนอล ไป แมนฯยูไนเต็ด, ปี 2012)

หากการเสีย แอชลีย์ โคล ว่าน่าเจ็บใจแล้ว กรณีของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ก็คงจะไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพียงแต่ครั้งนี้ อาร์เซนอล ได้ค่าตอบแทนที่ค่อนข้างสมน้ำสมเนื้อ กับจำนวนเงิน 24 ล้านปอนด์ (ราว 1,000 ล้านบาท) ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมจ่ายเพื่อแลกกับดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา

ตอนย้ายมาใหม่ๆ ฟาน เพอร์ซี ถูกคาดหมายว่าจะขึ้นมาเป็นตัวแทนของ เดนนิส เบิร์กแคมป์ ตำนานรุ่นพี่ชาวดัตช์ แม้ช่วงแรกจะเผชิญปัญหาอาการบาดเจ็บที่เป็นๆ หายๆ แต่พอเริ่มเข้าที่ก็ค่อยๆขยับขึ้นมาเป็นนักเตะตัวหลักและเป็นหัวใจสำคัญในแนวรุกชนิดที่จะขาดไม่ได้ ถึงขั้นที่ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือชาวฝรั่งเศสยอมมอบตำแหน่งกัปตันทีมให้

ฤดูกาล 2011-12 ซึ่งเป็นซีซั่นสุดท้ายในสีเสื้อปืนโต เขาสามารถคว้าตำแหน่งดาวซัลโว หลังซัดไป 30 ประตู พาทีมจบอันดับ 3 ของตาราง พร้อมกับรางวัลนักเตะแห่งปีของสโมสร ก่อนจะออกมาประกาศว่าจะไม่ต่อสัญญากับทีม ซึ่งนั่นคือฟางเส้นสุดท้ายก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับทีม“ปีศาจแดง”และพาทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สอยแชมป์ลีกได้ทันที่ตั้งแต่ปีแรกที่ย้ายไปร่วมทัพ

หลุยส์ ฟิโก
(บาร์เซโลนา ไป เรอัล มาดริด, ปี 2000)

ไม่มีดีลไหนจะที่ให้ความรู้สึกเหมือนโดนหักหลังได้ดีเท่านี้อีกแล้ว เมื่อ หลุยส์ ฟิโก ใช้เวลาถึง 5 ปี ไล่ล่าความสำเร็จกับบาร์เซโลนา พร้อมกับสร้างตัวเองให้เป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลกจนช่วยให้ทีมจากกาตาลัน เป็นแชมป์ลีกไป 2 ฤดูกาล แน่นอนว่าเขาเปรียบได้กับสัญลักษณ์ของสโมสรในตอนนั้นเลยทีเดียว แต่ทุกอย่างก็พังทลายลงสิ้นเมื่อ เรอัล มาดริด คู่แค้นตลอดกาล ได้ยื่นข้อเสนอที่ล่อตาล่อใจด้วยเงินกว่า 37 ล้านปอนด์ (1,600 ล้านบาท) ซึ่งนั่นถือเป็นการทำให้ราชันชุดขาวก้าวไปสู่ยุค“กาลาติกอส” เมื่อพวกเขาได้ตัวดาวเตะโปรตุกีสรายนี้ไปครอง

ในไม่ช้า ฟิโก กลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของสาวกบาร์เซโลนา ถึงขนาดที่มีแฟนบอลโยนหัวหมูลงไปในสนามในเกมที่เขาต้องลงเล่นใน คัมป์นู ก็มีมาแล้ว แม้เมื่อครั้งย้ายไปสวมชุดขาว เจ้าตัวจะประสบความสำเร็จ คว้ารางวัลบัลลง ดอร์ เมื่อปี 2000 นำถ้วยรางวัลต่างๆ สู่เรอัล มาดริด ซึ่งนั่นยิ่งตอกย้ำความเกลียดชังของแฟนบอลทั้งสองทีมให้ทวีคูณขึ้นไปอีก

ฟิโก เคยให้สัมภาษณ์ว่า สาเหตุที่เลือกมาอยู่กับ มาดริด ไม่ใช่เรื่องของชื่อเสียง หรือเงินทองแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเขาเจอความกดดันและไม่ได้การยอมรับจากบอร์ดบริหาร แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีแฟนบาร์ซาเชื่อคำพูดของเจ้าตัวเลยสักคนเดียว

โซล แคมป์เบลล์
(สเปอร์ส ไป อาร์เซนอล, ปี 2001)

อดีตเซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติอังกฤษรายนี้ กลายเป็นตำนานในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน หลังจากลงเล่นไปกว่า 250 นัดตลอดระยะเวลา 9 ปี เป็นทั้งลูกหม้อและกัปตันทีมของ “ไก่เดือยทอง” แต่กลับย้ายไปเล่นให้ อาร์เซนอล คู่ปรับร่วมกรุงลอนดอนชนิดที่ต้นสังกัดเก่าไม่ได้เงินกลับมาเลย

ก่อนที่ แคมป์เบล จะกลายร่างเป็น“จูดาส” อย่างสมบูรณ์แบบ ทอตแนม ฮอทสเปอร์ ถึงขนาดยอมทุบเพดานเงินเดือนเพื่อรั้งให้กัปตันทีมของพวกเขาอยู่ต่อไป แถมเจ้าตัวเอง ก็ออกมาเผยต่อสาธารณชนเองด้วยว่าจะอยู่ช่วยทีมต่อ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะทรยศตัวเองชนิดที่แฟนสเปอร์สยังไม่เข้าใจมาถึงทุกวันนี้

แฟนบางส่วนมองว่า “บิ๊กโซล” เลือกที่จะไปอยู่กับ อาร์เซนอล เพราะสาเหตุที่ทีมคู่แข่งยอมทุ่มค่าเหนื่อยเป็นสถิติของเกาะอังกฤษในตอนนั้น ประมาณ 100,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (ราว 4 ล้านบาท) จนกลายเป็นที่มาของการย้ายทีมที่สร้างความเกลียดชังที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เลยทีเดียว

สำหรับตลาดซื้อ-ขายนักเตะในรอบนี้ไม่แปลกที่จะเห็นการย้ายตัวกันอย่างครึกโครม ซึ่งนั่นก็เป็นไปตามเงื่อนไขของโลกลูกหนังในปัจุจับน แต่จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีดีลไหนที่ถึงขนาดสร้างความโกรธแค้นให้แฟนบอลเท่ากับตัวอย่างข้างบนมาก่อน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ