ข่าว

“ฟลอเรนติโน เปเรซ”กับยุทธศาสตร์พาแข้งดังสู่ถิ่นราชัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา (26 ก.ค.) เกิดข่าวลือสะพัดในวงการลูกหนังโลกเกี่ยวกับตลาดซื้อ-ขายนักเตะ

     เมื่อ เรอัล มาดริด มหาอำนาจลูกหนังแห่งศึกลาลีกา สเปน ได้ยื่นข้อเสนอกว่า 160 ล้านปอนด์ (ราว 8,000 ล้านบาท) ให้กับ อาแอส โมนาโก ในการคว้าตัว คีเลียน เอ็มบัปเป กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติฝรั่งเศสมาร่วมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้

     ก่อนหน้านี้ “ราชันชุดขาว” ภายใต้การนำทัพของ ซีเนดีน ซีดาน พยายามไล่ล่าตัวแนวรุกวัย 18 ปีรายนี้มาร่วมทีมตั้งแต่ช่วงก่อนจบฤดูกาลที่แล้ว เนื่องจากเจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยช่วยให้ต้นสังกัดประสบความสำเร็จเกินคาดด้วยการคว้าแชมป์ ลีก เอิง รวมถึงทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ซึ่งจากผลงานทั้งหมดทำให้ ซีดาน ต้องการแข้งรายนี้มาเพื่อเสริมแนวรุก รวมถึงทดแทนการขาดหายไปของสตาร์ในทีมทั้ง อัลบาโร โมราตา ที่ย้ายไปอยู่กับ เชลซี และ ฮาเมส โรดริเกซ ที่ไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค แบบยืมตัว

      จากข่าวดังกล่าวก็สอดคล้องกับนโยบายของ ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด ที่ในช่วงเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา หากปีใดที่มีการเลือกตั้งประธานสโมสร เจ้าตัวจะหาเสียงด้วยการสัญญาจะคว้านักเตะระดับโลกมาสู่ถิ่น ซานติอาโก เบร์นาเบว และก็ทำตามสัญญาได้ทุกครั้ง
   
ปี 2000

     ในปีดังกล่าวถือว่าเป็นทำหน้าที่ประธานสโมสรเป็นครั้งแรกของ เปเรซ หลังเมื่อปี 1995 เขาเคยลงชิงชัยในตำแหน่งดังกล่าว แต่ด้วยนโยบายที่ไม่เหมาะกับสถานะการเงินของสโมสรในขณะนั้น ทำให้เขาพ่ายแพ่ต่อ รามอน เมนโดซา ไป
      โดยนโยบายที่ทำให้ เปเรซ ได้รับเลือกให้เข้ารับตำแหน่งบิ๊กบอสของทีม “ราชันชุดขาว” เป็นครั้งแรก นั่นก็คือ การที่เขาสัญญากับแฟนๆว่าจะเซ็นสัญญา หลุยส์ ฟิโก สุดยอดแข้งชื่อดังแห่งยุคของทีม บาร์เซโลนา คู่ปรับร่วมลีก มาอยู่ถิ่น ซานติอาโก เบร์นาเบว ให้ได้
     แม้แฟนๆของทีม “เจ้าบุญทุ่ม” มองว่าเรื่องดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก เนื่องจากทั้ง 2 ทีมคือคู่อริที่มีประวัติศาสตร์ต่อกันมาอย่างยาวนาน แต่สุดท้ายด้วยความที่ เปเรซ เป็นนักธุรกิจ ซึ่งมองเรื่องมูลค่ามากกว่าความแค้น ทำให้เขายื่นข้อเสนอจำนวน 53 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติโลก คว้าตัว ฟิโก เข้ามาสู่ทีม ท่ามกลางความโกรธแค้นของแฟนบอล บาร์เซโลนา
     นอกจากนั้นในปีต่อมา เขายังเซ็นสัญญากับ ซีเนดีน ซีดาน ยอดแข้งทีมชาติฝรั่งเศสมาร่วมทัพจาก ยูเวนตุส ด้วยค่าตัวทำลายสถิติโลกอีกครั้งที่ 63 ล้านปอนด์ และเป็นการเริ่มต้นยุค “กาลาติกอส” หรือยุครวมดาราลูกหนังของโลกในทีม เรอัล มาดริด อย่างแท้จริง
   

ปี 2004

     หลังจากดำรงตำแหน่งได้ 1 สมัย เปเรซ ก็ได้ลงสมัครเป็นประธานของ เรอัล มาดริด อีกครั้ง ซึ่งด้วยความสำเร็จของทีม และนโยบายการดึงสตาร์มาร่วมทัพแบบคับคั่ง ทั้ง โรนัลโด กองหน้าทีมชาติบราซิล และ เดวิด เบ็คแฮม ปีกสุดหล่อทีมชาติอังกฤษ ทำให้เจ้าตัวได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวอีกสมัย โดยเอาชนะลอเรนโซ ซานซ์ และ อาร์ตูโร บัลดาซาโน
     และจากการครองเก้าอี้สมัยที่ 2 เจ้าตัวก็ไม่ทำให้แฟนๆของทีม “ราชันชุดขาว” ผิดหวังด้วยการคว้าดาวเตะซูเปอร์สตาร์ นั่นก็คือ ไมเคิล โอเว่น กองหน้าร่างเล็กจาก ลิเวอร์พูล ซึ่งขณะนั้นเขาคือ 1 ในกองหน้าที่ฝีเท้าดีและมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก มาร่วมทีมด้วยค่าตัวเพียง 10.2 ล้านปอนด์เท่านั้น ซึ่งก็สร้างกระแสไปได้ทั่วโลก และส่งผลให้ เรอัล มาดริด กลายเป็นทีมที่มีมูลค่าด้านการตลาดเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนอกจาก โอเว่น แล้วยังมีแข้งดังคนอื่นๆ ทั้ง วอลเตอร์ ซามูเอล และ โจนาธาน วูดเกต สองปราการหลังตัวเก่งที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของทีมในปีเดียวกัน
      อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นในปี 2006 เปเรซ ตัดสินใจอำลาตำแหน่งประธานสโมสร เรอัล มาดริด เนื่องจากถูกวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับนโยบายที่เน้นเกี่ยวกับการตลาดมากเกินไป จนกระทั่งลืมเรื่องการประสบความสำเร็จในสนาม
   
ปี 2009

     จากนั้น เรอัล มาดริด ภายใต้การนำของ ราม่อน กัลเดรอน ก็ไม่ได้ทุ่มเงินซื้อใครเป็นสถิติโลกอีกเลย จนกระทั่งในปี 2009 ได้ครบวาระในการเปิดชิงชัยตำแหน่งประธานสโมสรอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ ฟลอเรนติโน เปเรซ ได้ตัดสินใจกลับมาลงสมัครชิงเก้าอี้อีกสมัย
     โดยผลปรากฏว่า ประธานชาวสแปนิชรายนี้ ก็ได้รับเลือกให้นั่งตำแหน่งดังกล่าวเป็นสมัยที่ 3 ซึ่งเขาก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ในวงการลูกหนังอีกครั้ง ด้วยการนำนโยบาย “กาลาติกอส” กลับมาใช้ เริ่มจากเซ็นสัญญากับ ริคาร์โด กาก้า กองกลางเทพบุตรจาก เอซี มิลาน ด้วยค่าตัว 57 ล้านปอนด์
     และหลังจากนั้นอีกเพียง 3 วัน เปเรซ ก็ได้สร้างบิ๊กดีลสะเทือนวงการอย่างต่อเนื่องจากการคว้าตัว คริสเตียโน โรนัลโด แนวรุกของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 82.5 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายสถิติโลกค่าตัวของ ซีเนดีน ซีดาน ลงอย่างราบคาบ และทำให้ “ราชันชุดขาว” กลายเป็นทีมที่ได้รับการจับตามอง และมีฐานแฟนบอลเพิ่มขึ้นไปทั่วโลก
     เท่านั้นยังไม่พอ เปเรซ ยังได้ คาริม เบนเซมา กองหน้าดาวโรจน์แห่งยุคจากทีม โอลิมปิก ลียง มาสบทบในทีมอีกด้วยราคา 35 ล้านปอนด์ รวมไปถึง ซาบี อลอนโซ ห้องเครื่องเท้าชั่งทองจาก ลิเวอร์พูล ด้วยราคา 30 ล้านปอนด์
    
ปี 2013

     ในอีก 4 ปีต่อมา เปเรซ ก็ยังได้ดำรงตำแหน่งประธานสโมสรของ เรอัล มาดริด ต่อไป โดยไร้คู่แข่ง เจ้าตัวก็ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในทีมอีกครั้งด้วยการปลด โชเซ มูรินโญ ยอดกุนซือแห่งยุค หลังมีปัญหาภายในกับนักเตะ และนำตัว คาร์โล อันเชล็อตติ เฮดโค้ชจอมเก๋ามาคุมทัพแทน
     โดยในส่วนของนักเตะ เปเรซ ก็ได้ฉลองการนั่งเก้าอี้ประธานสโมสรสมัยที่ 4 ด้วยการทำลายสถิติโลกตลาดซื้อ-ขายนักเตะอีกครั้ง จากการดึงตัว แกเร็ธ เบล ปีกความเร็วสูงจากท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ด้วยค่าตัวถึง 88 ล้านปอนด์
     นอกจากนั้นในปีต่อมายังมีการนำตัว 3 สตาร์ดัง ทั้ง ฮาเมส โรดริเกซ แนวรุกทีมชาติโคลอมเบีย , โทนี โครส กองกลางทีมชาติเยอรมัน และ เคย์เลอร์ นาบาส ผู้รักษาประตูทีมชาติคอสตาริกา มาร่วมทีม หลังทั้ง 3 คนโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในศึกฟุตบอลโลก 2014 และทำให้ เรอัล มาดริด กลายเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จอันดับต้นๆของโลกทั้งด้านถ้วยรางวัล และด้านการตลาดมาจนถึงปัจจุบัน

     สุดท้ายแล้วต้องมาดูกันว่าในวาระการเป็นประธานสโมสรสมัยที่ 5 ของ ฟลอเรนติโน เปเรซ นั้น เจ้าตัวจะมีเซอร์ไพรส์แฟนบอลด้วยการคว้าตัวซูเปอร์สตาร์ลูกหนังคนใดเข้ามาสู่ถิ่น ซานติอาโก เบร์นาเบว หรือไม่ โดยถ้ามีแข้งคนนั้นจะเป็นใคร และจะย้ายมาด้วยสถิติการค่าตัวที่มหาศาลเพียงใด
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ