ข่าว

จอร์แดน สปีธ กับเดิมพันสูงสุดบนเส้นทางกอล์ฟอาชีพ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“นี่คือฝันที่เป็นจริง ผมเคยดื่มไวน์จากถ้วย คลาเร็ต จัก ตอนที่ แซค จอห์นสัน ได้แชมป์เมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งหลายคนบอกว่านั่นจะเป็นลางร้าย และผมเกือบเชื่อแบบนั้นจริงๆ"

  ย้อนกลับไปในการชิงชัยวันสุดท้ายของศึกกอล์ฟเมเจอร์รายการที่ 3 ของปี “ดิ โอเพ่น” ครั้งที่ 146 ณ เมืองเซาธ์พอร์ท ของอังกฤษ ซึ่งต้องบอกว่า จอร์แดน สปีธ เกือบจะพลาดทำโทรฟีแชมป์หลุดมือทั้งที่เป็นฝ่ายรั้งตำแหน่งผู้นำมาตลอด 3 วันแรก ซ้ำรอย "เดอะ มาสเตอร์ส" เมเจอร์แรกของปี ที่นำมาดีๆแล้วมาหลุดฟอร์มในวันสุดท้าย

แชมป์เมเจอร์ที่สุดระทึก
    โปรวัย 23 ปี จากเท็กซัส พลิกสถานการณ์วิกฤตช่วง 9 หลุมแรก ที่ตีเสียไปถึง 4 โบกี ทำให้ แมต คูชาร์ โปรเพื่อนร่วมชาติ ขยับขึ้นมาเป็นผู้นำร่วม แถมยังมาออกโบกี้อีกที่หลุม 13 ทำให้โดนคู่แข่งแซงขึ้นไปเป็นผู้นำ ซึ่งนาทีนั้น ดูเหมือนว่า จอร์แดน สปีธ จะกู่ไม่กลับ โยนถ้วยแชมป์ดิ โอเพ่น ทิ้งไปแล้ว กระทั่งกลับมาเร่งเครื่องสร้างผลงานสุดเหลือเชื่อใน 5 หลุมสุดท้าย ด้วยการเก็บ 3 เบอร์ดี กับ 1 อีเกิล ก่อนเซฟพาร์ลงไปในหลุมสุดท้าย ได้ชูถ้วยคลาเร็ต จัก (Claret Jug) เป็นครั้งแรกในชีวิต และเป็นแชมป์เมเจอร์ที่สามของตัวเองต่อจากเดอะ มาสเตอร์สและยูเอส โอเพน โดยเอาชนะ คูชาร์ ไป 3 สโตรก
    สปีธ รับเงินรางวัลรายการนี้กลับบ้านไปทั้งหมด 1.8 ล้านดอลลาร์ (ราว 58 ล้านบาท) พร้อมกับเป็นนักกอล์ฟอายุน้อยที่สุดที่ซิวแชมป์รายการนี้นับตั้งแต่ เซบี บาเยสเตรอส สอยแชมป์เมื่อปี 1979 นอกจากนี้ยังเป็นนักกอล์ฟคนที่สองถัดจาก แจ๊ค นิคลอส ที่คว้าแชมป์เมเจอร์ 3 รายการ ขณะที่อายุยังไม่ถึง 24 ปี

เบื้องหลังความสำเร็จ
    ภายหลังการก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ จอร์แดน สปีธ ได้ออกมาเผยว่า การคว้าแชมป์กอล์ฟออสเตรเลียน โอเพ่น เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยให้เขากลับคืนสู่ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการผงาดแชมป์เมเจอร์รายการที่ 3 ของตนเองเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
    ย้อนกลับในศึก ออสเตรเลียน โอเพ่น 2016 ที่นครซิดนีย์ ของออสเตรเลีย “สปีธ” ซึ่งตอนนั้นอันดับรูดลงไปรั้งมือ 5 ของโลก สามารถคว้าแชมป์มาครองเป็นสมัยที่ 2 ในรอบ 3 ปี ด้วยการดวลเพลย์ออฟ ชนะ แอชลีย์ ฮอลล์ และ คาเมรอน สมิธ 2 นักกอล์ฟเจ้าถิ่น หลังจากสกอร์รวม 4 วัน เท่ากันที่ 12 อันเดอร์พาร์ 276
    โดยไฮไลท์สำคัญคือ การพัตต์ระยะ 40 ฟุต เก็บเบอร์ดีในหลุมที่ 16 พาร์ 5 จนทำให้สกอร์เท่ากันและต้องไปตัดสินที่การเพลย์ออฟ ซึ่งสุดท้ายโปรอเมริกันสามารถเก็บเบอร์ดีตัดสินแชมป์ไปในที่สุด
    “ตลอดปีที่แล้วผมไม่เคยมีการพัตต์ที่ยอดเยี่ยมเลย กระทั่งผ่านหลุม 16 ที่รอยัล ซิดนีย์ ยิ่งคุณสามารถทำแบบนั้นได้มากเท่าไหร่ มันก็ช่วยให้คุณก้าวผ่านสถานการณ์ที่กดดันได้มากขึ้น” สปีธ อธิบายถึงสาเหตุที่ช่วยให้เขาผ่านช่วงเวลาบีบหัวใจ เช่นเดียวกับที่เขาต้องเผชิญในหลุม 13 ของศึกดิ โอเพ่น
    “ผมรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้กลับไปที่นั่น และจบการแข่งขันด้วยการก้าวไปข้างหน้า” เจ้าของแชมป์เมเจอร์ 3 รายการ ยืนยันชัดเจนว่าเขาจะกลับไปแข่งรายการ ออสเตรเลียน โอเพ่น 2017 ซึ่งจะทำการแข่งขันระหว่างวันที่ 23-26 พฤศจิกายนนี้ อย่างแน่นอน

เส้นทางสู่“แคเรียร์ แกรนด์สแลม”
    หลังสร้างผลงานกระหึ่มที่รอยัล เบิร์กเดล ทำให้เป้าหมายต่อไปจากนี้ของ จอร์แดน สปีธ ซึ่งเตรียมจะฉลองวันเกิดอายุครบ 24 ปี ในวันพฤหัสที่จะถึงนี้ (27 ก.ค.) คือการคว้าแชมป์ พีจีเอ แชมเปียนชิพ รายการเมเจอร์ต่อไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 10-13 สิงหาคมนี้ เพราะหากทำสำเร็จจะทำให้เขากลายเป็นนักกอล์ฟคนที่ 6 ในประวัติศาสตร์ที่ทำ “แคเรียร์ แกรนด์สแลม (Career Grand Slam)” หรือการกวาดแชมป์เมเจอร์ครบทั้ง 4 รายการ ต่อจาก แจ๊ค นิคลอส, เบน โฮแกน, จีน ซาราเซน, แกรี เพลเยอร์ และ ไทเกอร์ วูดส์ อีกทั้งยังจะกลายเป็นนักกอล์ฟที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถกวาดแชมป์เมเจอร์ได้ทั้ง 4 รายการอีกด้วย

    ผลการจัดอันดับโลกนักกอล์ฟอาชีพชาย ล่าสุด สปีธ ขยับจากมือ 3 ขึ้นไปเป็นเบอร์ 2 ของโลก ที่ 9.36 คะแนน และใกล้เคียงที่จะทำผลงานแซง ดัสติน จอห์นสัน เจ้าของตำแหน่งมือ 1 โลก ซึ่งมีคะแนนสะสม 11.87 คะแนน อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ ดูเหมือนตำแหน่งเบอร์ 1 โลก จะไม่ใช่เป้าหมายแรกที่ จอร์แดน สปีธ ต้องการเท่าไหร่ ในเมื่อจากนี้เดิมพันสูงสุดบนเส้นทางอาชีพกำลังจะเปิดฉากขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ