“ไอซีซี” ทัวร์นาเมนต์ที่เป็นมากกว่าบอลอุ่นเครื่อง

ถ้าพูดถึงสุดยอดทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลปรีซีซั่นระดับสโมสรในยุคนี้ อันดับหนึ่งคงต้องยกให้ “อินเตอร์เนชั่นแนลแชมเปียนคัพ” หรือ “ไอซีซี” ซึ่งบรรดาทีมชั้นนำของโลกกำลังลงทำการแข่งขันกันอยู่ในขณะนี้ โดยในปี 2017 จะทำการแข่งขันกันทั้งสิ้นสามโซนได้แก่ สหรัฐ อเมริกา,สาธารณรัฐประชาชนจีน และสิงคโปร์

จากที่เป็นแค่โปรแกรมอุ่นเครื่องธรรมดาที่เชิญทีมดังของยุโรปมาแข่งขัน แต่กลับได้รับความนิยมมากขึ้นทุกปีทั้งแฟนฟุตบอล สปอนเซอร์ผู้สนับสนุน และค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ทำให้สโมสรต่างๆที่มา จำเป็นต้องแข่งขันกันอย่างซีเรียสจริงจังตามไปด้วยเพราะมีเม็ดเงินมหาศาล ความคาดหวังของผู้ชมทั่วโลกเป็นแรงกดดัน ส่งผลให้ไอซีซีกลายเป็นมากกว่าทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องไปโดยปริยาย

 

เมื่ออเมริกันรุกตลาดฟุตบอล

 

ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณปี 2009 ทั่วโลกได้รู้จักเกมฟุตบอลปรีซีซั่นที่เชิญทีมดังจากยุโรปมาแข่งขันกันนั่นคือ “เวิลด์ ฟุตบอล ชาเลนจ์” จากนั้นพอถึงปี 2013 กลุ่ม รีเลเวนท์ สปอร์ตส ของ “สตีเฟ่น รอสส์” เจ้าของทีมไมอามี่ ดอลฟินส์ กับ แม็ตต์ ฮิกกิ้นส์ อดีตผู้บริหารของนิวยอร์ก เจตส์ ที่ต้องการรุกธุรกิจด้านกีฬาในสหรัฐฯและไม่จมอยู่กับแค่กีฬาอย่างอเมริกันฟุตบอล เบสบอล หรือ บาสเกตบอล เท่านั้น

ซึ่งซอคเกอร์อันเป็นกีฬาอันดับหนึ่งของโลก ยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการทำตลาดในดินแดนเสรีภาพแห่งนี้ แม้ว่าเมเจอร์ลีกจะเป็นแค่ลูกเมียน้อยในแง่ความนิยมของอเมริกันชนก็ตาม แต่วงการลูกหนังเริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้น มาตรฐานดีขึ้นจากการดึงดูดนักฟุตบอลระดับโลกมาเล่นไม่เว้นแต่ละปี นายรอสส์ มองเห็นโอกาสตรงนี้ และไม่ลังเลที่จะกระโจนลงมาคว้ามัน

จึงจัดตั้งการแข่งขันฟุตบอลระดับโลกขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า อินเตอร์เนชั่นแนลแชมเปียนคัพ ขึ้นมาในช่วงหน้าร้อนปี 2013

โดยในช่วงเริ่มต้นนั้นโปรแกรมการแข่งขันหลักอยู่ที่หกเมืองในสหรัฐ อเมริกา (แข่งที่สเปน 1 นัด) มีแปดสโมสรชั้นนำเข้าร่วมได้แก่ เรอัล มาดริด, ยูเวนตุส, เชลซี, อินเตอร์มิลาน, เอซีมิลาน, บาเลนเซีย, เอฟเวอร์ตันและแอลเอกาแล็กซี่

โดยในนัดสุดท้ายที่เรอัล มาดริด ชนะ เชลซี ไป 3-1 มีแฟนๆบอลเกือบ 70,000 คนเลยทีเดียว

 

 

กระแสการตอบรับดีต่อเนื่อง

 

จากความสำเร็จในปี 2013 ต่อเนื่องมาในปี 2014  ฟุตบอลไอซีซียกระดับการแข่งขันเพิ่มเป็น 13 เมืองสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ยังมีทีมดังมาร่วมเข้าแข่งขันอีกเช่นเคยทั้ง

เรอัล มาดริด, แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เอซีมิลาน, โรม่า, อินเตอร์ มิลานและโอลิมเปียกอส โดยในปีนี้มีการสร้างสถิติผู้ชมการแข่งขันสูงถึง 109,318 คนที่สนาม"บิ๊กเฮ้าส์” มหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งเป็นการเจอกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เรอัลมาดริด

โดยมียอดผู้ชมรวมทุกนัดในสหรัฐฯที่ 631,000 คน และผู้ชมผ่านการถ่ายทดสดใน 150 ประเทศไม่ต่ำกว่า 80 ล้านคน สะท้อนให้เห็นถึงกระแสความนิยมที่มีต่อฟุตบอลรายการนี้ได้เป็นอย่างดี

จนเข้าสู่ปี 2015 ฟุตบอลไอซีซีกลายเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก จากที่ทำการแข่งขันหลักๆอยู่ที่สหรัฐอเมริกา

มีการกระจายการแข่งขันหลักไปยังออสเตรเลีย และจีน รวมไปถึงอีกสองเกมในอังกฤษและอิตาลี การที่เข้าไปจัดการแข่งขันในดินแดนหลายทวีปนั่นหมายถึงจำนวนผู้ชมทั้งในสนามและจากการถ่ายทอดสดที่มากขึ้น โดยในปี 2015 มีการถ่ายทอดสดเพิ่มไปเป็น 170 ประเทศ จำนวนการรับชวนเกินหลักร้อยล้านคน  

กระทั่งปี 2016 ความนิยมของฟุตบอลไอซีซีก็บานสะพรั่งแบบสุดขีด มีการจัดการแข่งขันที่สหรัฐฯ, ออสเตรเลีย,จีน รวมถึงในอังกฤษ,สวีเดน และ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ทำให้มีผู้สนับสนุนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยในปี 2016 มียอดรายรับจากสปอนเซอร์รวมอยู่ที่ 23 ล้านดอลลาร์ (ราว 770 ล้านบาท) เพื่มขึ้นจากปี 2015 เกือบ 60% ขณะที่ยอดผู้ชมรวมมี 963,900 คน เฉลี่ยนัดละ 48,195 คนต่อเกม โดยเฉพาะเกมที่เชลซี เอาชนะ เรอัล มาดริดไป 3-2 ที่รัฐมิชิแกน มีผู้เข้าชมสูงถึง105,826 คน

 

จาก “สิงคโปร์” ขยายสู่อาเซียน

 

สำหรับปี 2017 อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าแข่งขันสามที่หลักในสหรัฐฯ,จีน และสิงคโปร์ มี 17 ทีมกระจายกันไปแข่ง ปัจจุบันมีสปอนเซอร์รวมทั้งที่เป็นผู้สนับสนุนหลักและรองปาเข้าไปมากกว่า 60 ราย  มากขึ้นกว่าการจัดการแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี 2013 เกือบ 3 เท่า ซึ่งเชื่อว่าหลังสิ้นสุดการแข่งขันทั้งหมดรายได้จากสปอนเซอร์ทั้งหมดคงสูงกว่าปี 2016 อย่างแน่นอน

น่าสนใจที่ว่าปีนี้ชาติอย่างสิงคโปร์ ที่เป็นอีกหนึ่งสถานที่เข้าร่วมจัดด้วย นั่นอาจหมายถึงทั้งทางผู้จัดไอซีซีและชาติเจ้าภาพมองว่าตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย หลังจากที่ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องในจีน

โดยการเริ่มตั้นจากประเทศสิงคโปร์ซึ่งถือว่าเป็น “ฮับ” ด้านธุรกิจการเงินในอาเซียนอยู่แล้ว ถือเป็นการนำร่องที่ดีที่จะขยายไปสู่ตลาดใหญ่กว่านี้อย่างเช่นอินโดนีเซีย,มาเลเซีย หรือแม้กระทั่งไทย

 

สถานะของฟุตบอลไอซีซีตอนนี้อาจจะเป็นแค่ทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องเตรียมความพร้อม แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าการได้รับความนิยมที่สูงขึ้นในทุกปีทั้งทางด้านผู้ชมในสนามและเม็ดเงิน อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงแฟนบอลได้ทั่วโลก

ในอนาคตอาจจะกลายเป็นการแข่งขันที่เป็นทางการและจริงจังได้หรือไม่ เพราะมีตัวอย่างมาแล้ว อย่างฟุบอล “คิงส์ ฟาฮัด คัพ” เป็น  “คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ”  หรือ “โตโยต้า คัพ” เป็น “ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก”

ความเปลี่ยนแปลงคือสัจธรรม ไม่เว้นแม้แต่โลกฟุตบอล

 

 

 

อ้างอิง

wikipedia, InternationalChampions Cup 2017

wikipedia, InternationalChampions Cup

Kurt Badenhausen,forbes.com, 16Jul 2016International Champions Cup Adds Five Sponsors For Event Featuring The World's Best Soccer Teams

nbc-2.com , Nexen Tire Sponsors The 2017 International Champions Cup USA

Martin Ross, 18 Jul 2016, www.sportcal.com, International Champions Cup sponsorship

revenue rise tops 30 per cent