ข่าว

วันนี้ในอดีต...อาการป่วยปริศนาของ "โรนัลโด้"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วันนี้เมื่อ 19 ปีก่อน โรนัลโด้ ดาวยิงหมายเลข 1 ของโลก เกิดอาการป่วยลึกลับจนช่วยทีมไม่ได้ ส่งผลให้ฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกสมัยแรกได้สำเร็จ

       12 ก.ค. 1998 ที่สนาม สต๊าด เดอ ฟรองซ์ เป็นการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศศึกเวิลด์คัพ ที่ทั่วโลกจับตามอง "เจ้าภาพ" ฝรั่งเศส  โคจรมาพบกับ "แซมบ้า" บราซิล 

       โดยเวลานั้น ฝรั่งเศสได้ชื่อว่าเป็นทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในโลก นำโดยแผง "แบ็กโฟร์" ประกอบด้วย บิเซนเต้ ลิซาราซู, ฟรองค์ เลอเบิฟ (แทน โลรองต์ บล็องค์ ที่โดนแบน), มาร์กแซล เดอไซยี่ และ ลิลิยอง ตูราม ขณะที่แนวรุกนำโดยสองเพลย์เมคเกอร์ตัวเก่ง คือ ซีเนดีน ซีดาน และยูริ จอร์เกฟฟ์ ขณะที่ทัพ "แซมบ้า" เต็มไปด้วยผู้เล่นแนวรุกระดับพระกาฬ ทั้ง ริวัลโด้, เบเบโต้ และ โรนัลโด้ ดาวยิงหมายเลข 1 ของโลกในเวลานั้น

       แต่ลางร้ายของบราซิลก็เริ่มต้นมาตั้งแต่ก่อนคิกออฟราว 5-6 ชั่วโมง เมื่อนักเตะตัวความหวังสูงสุดของพวกเขาอย่าง โรนัลโด้ เกิดชักน้ำลายฟูมปากอย่างที่ไม่มีใครทราบสาเหตุ บรรดาเพื่อนร่วมทีมและสต๊าฟฟ์โค้ชต้องพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ให้เขากัดลิ้นตัวเอง ก่อนที่โรนัลโด้จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน 

       ก่อนคิกออฟราว 1 ชั่วโมงเศษ มาริโอ ซากาโล่ กุนซือทีมชาติบราซิล เผยรายชื่อ 11 ตัวจริงให้สื่อมวลชนได้รับทราบเป็นครั้งแรก ปรากฏว่า ไม่มีชื่อของ โรนัลโด้ อยู่ในลิสต์ โดยใส่ชื่อของ เอ็ดมุนโด้ ลงสนามแทน ทำเอากองทัพสื่อมวลชนแตกตื่นกันเป็นการใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะก่อนหน้านี้ไม่มีข่าวเล็ดรอดแม้แต่น้อยว่า โรนัลโด้ บาดเจ็บ (ส่วนเรื่องป่วยจนต้องส่งโรงพยาบาล ก็ไม่มีการเปิดเผยต่อสื่อเช่นเดียวกัน) แต่ ซากาโล่ ก็ไม่ได้ปริปากบอกถึงสาเหตุแต่อย่างใด แจ้งเพียงว่านี่คือ 11 ตัวจริงที่ดีที่สุดในเวลานี้ของบราซิลเท่านั้น

       ครึ่งชั่วโมงถัดมา ถึงเวลาที่ทั้งสองทีมจะลงไปวอร์มอัพในสนาม แต่ทัพนักเตะ "แซมบ้า" ก็ไม่ได้ลงไปวอร์มตามกำหนด ท่ามกลางข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่วว่า โรนัลโด้ ไม่ได้ลงสนามเพราะ "ป่วยประหลาด"ชนิดไม่มีใครทราบสาเหตุ บ้างก็ลือไปถึงขั้นที่ว่า โรนัลโด้ ถูกวางยาจนลงสนามไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่หลังจากนั้นไม่นานได้มีการประกาศรายชื่อ 11 ตัวจริงอย่างเป็นทางการออกมา ปรากฏว่ามีพลิกโผอีกรอบ เมื่อ ซากาโล่ ใส่ชื่อ โรนัลโด้ กลับมาเป็นตัวจริง พร้อมดร็อป เอ็ดมุนโด้ กลับไปเป็นตัวสำรองตามเดิม 

       การตัดสินใจของ ซากาโล่ ที่ใส่ชื่อ โรนัลโด้ เป็นตัวจริงในครั้งนี้ กลายเป็นการสร้างบาดแผลใหญ่ให้กับทัพนักเตะแซมบ้า เพราะทำให้ทีมแตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งมองว่า โรนัลโด้ ยังดีพอที่จะลงสนามในเกมที่สำคัญที่สุดแมตช์นี้ แต่อีกฝ่ายก็มองว่านัดชิงชนะเลิศควรจะเป็นคนที่พร้อมที่สุดที่จะได้รับโอกาส ไม่ใช่คนที่ป่วยจนแทบจะวิ่งไม่ไหว

       และเมื่อเริ่มการแข่งขัน บราซิลที่แต่ละคนแทบจะไม่มีสมาธิกับเกมแล้ว ก็ถูกฝรั่งเศสไล่ต้อนอยู่ข้างเดียว ขณะที่ โรนัลโด้ ก็โชว์ฟอร์มไม่ออกอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายเป็นทัพ "เลอ เบลอส์" ที่ชนะไปอย่างสบาย 3-0 โดย ซีเนดีน ซีดาน ทำคนเดียว 2 ประตูในนาทีที่ 27 และ 45 ส่วนอีกลูกได้จาก เอ็มมานูเอล เปอตีต์ ในช่วงทดเจ็บ ทำให้ฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกสมัยแรกมาครองได้สำเร็จ

       หลังจบเกม ข่าวลือเรื่องอาการป่วยของ โรนัลโด้ ก็แพร่สะพัดไปทั่วโลก ซึ่งก็มีหลากหลายทฤษฎี ทั้งการถูกแก๊งค์มาเฟียวางยาเพื่อหวังผลจากการพนัน, การที่เจ้าตัวเครียดสะสมจนอาการทรุดหนักอย่างกระทันหันก่อนเกม, การป่วยด้วยโรคอาการเป็นพิษ, การใช้ยาแก้ปวดอย่างต่อเนื่องมานานหลายปีจนร่างกายรับไม่ไหว รวมถึงการที่บราซิลถูกสปอนเซอร์หลักอย่าง ไนกี้ กดดันให้ส่ง โรนัลโด้ลงสนามทั้งๆที่ไม่พร้อม ฯลฯ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครทราบถึงเหตุผลที่แท้จริง แม้กระทั่งตัว โรนัลโด้ เอง ที่บอกแต่เพียงว่า...

       "วันนั้นผมตื่นมาพร้อมกับความสับสน ถึงช่วงบ่าย ผมชักไปราว 30-40 วินาที จนเพลียและหลับไป ผมจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อตื่นขึ้นมาก็ได้รู้ว่าผมหลุดจากตัวจริง เลยไป รพ. เพื่อให้แพทย์ตรวจและได้รับอนุญาตให้ลงสนามได้ จากนั้นผมจึงไปหา มิสเตอร์ ซากาโล่ พร้อมใบรับรองแพทย์ เขาเลยบอกผมว่า งั้นนายลงเล่นได้"

       ส่วนสาเหตุของอาการป่วยที่แท้จริง แม้แต่เจ้าตัวก็คงยังไม่รู้ จนถึงทุกวันนี้

       (คลิป Youtube // user: Sonny Powar)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ