ข่าว

5 อันดับแข้ง“หงส์แดง”แพงสุดตลอดกาล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หลังการย้ายมาร่วมทัพลิเวอร์พูลของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกชาวอียิปต์ นอกจากเป็นการเสริมทัพด้วยการทุ่มงบก้อนโตแล้ว ปีกป้ายแดงยังเป็นนักเตะแพงสุดอันดับ 2 ของสโมสร

แม้ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์จะไม่ค่อยเป็นข่าวทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อดึงแข้งระดับโลก แต่ช่วงที่ผ่านมาก็มีผู้เล่นจำนวนไม่น้อยที่ตบเท้าเข้าสู่รั้วแอนฟิลด์ด้วยค่าตัวเป็นสถิติของสโมสร ซึ่งในวันนี้จะขอพาย้อนไปดู 5 แข้งสุดแพงตลอดกาลของพวกเขากันอีกครั้ง

5. โรแบร์โต ฟีร์มิโน - 29 ล้านปอนด์ (ราว 1,200 ล้านบาท)
(ย้ายจาก ฮอฟเฟนไฮม์, ปี 2015)

    ฤดูกาลสุดท้ายในเวทีบุนเดสลีกา เยอรมนี (2013-14) อดีตเพลย์เมคเกอร์ฮอฟเฟนไฮม์ ระเบิดผลงานยิง 16 ประตู จาก 33 นัด ผ่านบอลให้เพื่อนยิงอีก 12 ครั้ง รั้งอันดับ 2 ผู้เล่นที่ทำแอสซิสต์มากที่สุด พร้อมกับรางวัลผู้เล่นที่มีพัฒนาการฝีเท้ายอดเยี่ยมแห่งปี กระทั่งย้ายมาสวมเสื้อลิเวอร์พูลเมื่อช่วงหน้าร้อนปี 2015 ในยุคของเบรนแดน รอดเจอร์ส อดีตกุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือยังกุมบังเหียน
แม้ช่วงแรกจะไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามมากนัก แต่พอบทบาทนายใหญ่แห่งถิ่นแอนฟิลด์เปลี่ยนมือจากกุนซือไอร์แลนด์เหนือมาเป็น เจอร์เกน คล็อปป์ ซึ่งรู้พิษสงดาวเตะแซมบ้ารายนี้เป็นอย่างดี ทำให้ ฟีร์มิโน ค่อยๆฉายแววความเป็นยอดนักเตะออกมาให้เห็น กับบทบาท “ฟอลส์ ไนน์” ด้วยความเร็วและการเคลื่อนที่อย่างชาญฉลาด จนทำให้การประสานงานในแนวรุกร่วมกับทั้ง ฟิลิปเป คูตินโญ และ ซาดิโอ มาเน ดูไหลลื่นและเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ
    สถิติในซีซั่นที่ผ่านมา ฟีร์มิโน ลงเล่นไป 41 นัด ยิงไป 12 ประตู และผ่านบอลให้เพื่อนยิงประตูอีก 12 ครั้ง ซึ่งจากฟอร์มการเล่นและผลงานในชั่วโมงนี้ต้องยอมรับว่าแข้งแซมบ้า คือ อีกหนึ่งอาวุธสำคัญที่ทีมจะขาดไม่ได้สำหรับการไล่ล่าความสำเร็จในฤดูกาลที่สามของเจอร์เกน คล็อปป์

4. ซาดิโอ มาเน - 30 ล้านปอนด์ (1,270 ล้านบาท)
(ย้ายจาก เซาธ์แฮมป์ตัน, ปี 2016)

    หลังอยู่รับใช้เซาธ์แฮมป์ตันเป็นเวลา 2 ฤดูกาล ดาวเตะทีมชาติเซเนกัล ที่มีทั้งความเร็ว, การสร้างสรรค์เกมและการจบสกอร์อันเฉียบคม ก็ได้ตัดสินใจย้ายมาร่วมถิ่นแอนฟิลด์เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2016 พร้อมกับทำให้เขากลายเป็นนักเตะแอฟริกันที่มีค่าตัวสูงที่สุดบนเกาะอังฤษในตอนนั้น และเพียงแค่แมตช์เปิดตัวนัดแรกกับอาร์เซนอล “มาเน” ก็ทำให้ทุกคนเห็นว่าค่าตัวที่ลิเวอร์พูลจ่ายไปให้กับทีมนักบุญนั้นคุ่มค่าทุกบาททุกสตางค์
    สถิติบอกไว้อย่างชัดเจนว่าเวลาที่ทีม“หงส์แดง”มีแนวรุกทีมชาติเซเนกัลรายนี้ลงสนามนั้น ทีมสามารถเก็บชัยชนะไปได้ถึง 70 % (24 เกม ชนะ 17 เสมอ 6 แพ้ 1) ขณะที่ตอนเจ้าตัวเดินทางไปรับใช้ชาติในศึกแอฟริกัน เนชันคัพ ลิเวอร์พูล เก็บชัยชนะได้เพียง 30 % ( 10 เกม ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 5) และไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดที่ในฤดูกาลล่าสุดจะได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นแห่งปีของสโมสร จากผลงานยิงไป 13 ประตู จาก 29 เกม 

3. คริสติยง เบนเตเก - 32.5 ล้านปอนด์ (ราว 1,380 ล้านบาท)
(ย้ายจาก แอสตัน วิลลา, ปี 2015)
    
    ดาวยิงร่างยักษ์เป็นที่ต้องการตัวของ“รอดเจอร์ส”อย่างมาก หลังโชว์ฟอร์มถล่มประตูให้กับแอสตัน วิลลา ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ อย่างไรก็ตามหลังย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูลเมื่อปี 2015 “เบนเตเก” กลับไม่สามารถโชว์ฟอร์มสังหารประตูได้เหมือนกับสมัยที่ล่าตาข่ายให้ทีม“สิงห์ผยอง” แม้จะได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเองอยู่หลายครั้งแต่สุดท้ายดาวยิงทีมชาติเบลเยี่ยมก็ไม่อาจคายพิษสงออกมาให้เห็น เบ็ดเสร็จลงเล่นไป 42 นัด ยิงไปได้แค่ 10 ประตู ก่อนถูกปล่อยตัวไปให้คริสตัล พาเลซ ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน

2. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ - 34 ล้านปอนด์​ (ราว 1,400 ล้านบาท) 
(ย้ายจาก โรมา, ปี 2017 )

    ปีกป้ายแดง วัย 24 ปี ฝากผลงาน 15 ประตู กับ 13 แอสซิสต์ จาก 31 เกมที่ลงเล่นบนเวทีกัลโช เซเรีย อา อิตาลี ก่อนกลายมาเป็นผู้เล่นหน้าใหม่รายแรกในซัมเมอร์นี้ของทีมหงส์แดง ซึ่งจากค่าตัวมหาศาลที่ลิเวอร์พูลจ่ายให้กับโรมายังทำให้เขากลายเป็นนักเตะแอฟริกันที่ค่าตัวสุงที่สุดบนเกาะอังกฤษ
    แม้ก่อนหน้านี้จะไม่ประสบความสำเร็จกับการย้ายมาหากินบนเกาะอังกฤษ หลังตัดสินใจย้ายจากบาเซิลมาอยู่กับเชลซี ด้วยค่าตัว 11 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2014 ซึ่งในรั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ บาบาทของซาลาห์ มักอยู่บนม้านั่งสำรองเสียส่วนใหญ่ โดยได้รับโอกาสลงเล่นเพียงแค่ 6 เกมเท่านั้น จนสุดท้ายถูกปล่อยยืมให้กับฟิออเรนตินาและโรมา ซึ่งเป็นทีมหมาป่ากรุงโรมที่จะตัดสินใจซื้อขาดในที่สุด
    ซาลาห์ ใช้เวลาในลีกอิตาลี 2 ฤดูกาล ก็เริ่มกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ตัวเองเคยทำได้ดีอีกครั้งและการเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของ“หงส์แดง”รอบนี้ น่าจะช่วยเติมเต็มความหลากหลายในแนวรุกให้กับทีมได้อย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะเกมริมเส้นที่จากนี้จะไม่ต้องฝากความหวังไว้กับ ซาดิโอ มาเน เพียงคนเดียวเหมือนซีซั่นที่ผ่านมาอีกต่อไป

1. แอนดี แคร์โรล - 35 ล้านปอนด์ (ราว 1,500 ล้านบาท)
(ย้ายจาก นิวคาสเซิล, ปี 2010)
    
    เป็นเวลากว่า 6 ปีแล้ว สำหรับสถิตินักเตะค่าตัวแพงสุดตลอดกาลของลิเวอร์พูล ซึ่งบรรดาเดอะ ค็อป ย่อมไม่มีใครลืมชื่อของอดีตศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษรายนี้อย่างแน่นอน
ย้อนกลับไปเมื่อตลาดนักเตะเดือนมกราคม ซึ่งบรรดาผู้จัดการทีมต่างทราบดีว่าการคว้าผู้เล่นหน้าใหม่ในช่วงนี้เป็นอะไรที่สุ่มเสี่ยงและหลายสโมสรมักเจอกับความล้มเหลวกับเงินก้อนโตที่ต้องจ่ายไป ไม่เว้นกระทั่งหงส์แดงที่เซ็นสัญญากับ แคร์โรล เมื่อต้นปี 2010 ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ (ราว 1,500 ล้านบาท) หลังสร้างชื่อขึ้นมากับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ด้วยส่วนสูง 193 ซ.ม. ถนัดเท้าซ้าย สามารถเล่นลูกกลางอากาศและครองบอลบนพื้นได้ดี ทำให้หลายฝ่ายคาดหวังว่าเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นความหวังใหม่ให้กับทีมชาติอังกฤษ
    แคร์โรล เข้ามาสวมหมายเลข 9 ของทีมต่อจากเฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ย้ายไปเชลซี ซึ่งก็ทำให้เขากลายเป็นความหวังใหม่ในแดนหน้าของทีมทันที อย่างไรก็ตามด้วยอาการบาดเจ็บและชีวิตส่วนตัวนอกกสนามได้เปลี่ยนเส้นทางค้าแข้งของศูนย์หน้ารายนี้ไปอย่างสิ้นเชิง เบ็ดเสร็จลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล 58 นัด ยิงไป 11 ลูกเท่านั้น ก่อนถูกปล่อยตัวให้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในเวลาต่อมา

    จนถึงตอนนี้มีผู้เล่นหน้าใหม่ที่ตบเท้าเข้าสู่รั้วแอนฟิลด์แล้ว 2 ราย ได้แก่ โดมินิก โซลันเก กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และแน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่หยุดการเสริมทัพไว้เพียงแค่นี้ ซึ่งระยะเวลาอีกไม่ถึง 2 เดือนก่อนที่ฤดูกาลใหม่จะเปิดฉากขึ้น คงต้องมาลุ้นกันว่าใครจะเป็นแข้งให่มรายต่อไปและจะมีดีถึงขั้นทุบสถิติสโมสรเลยหรือไม่
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ