พลังคนกีฬาเยียวยาเหยื่อเพลิงไหม้ลอนดอน

ซึ่งล่าสุดคร่าชีวิตผู้พักอาศัยไป 79 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บและกลายเป็นผู้ไร้ที่อยู่อาศัยอีกหลายร้อยราย

แต่ถึงกระนั้นเหตุการณ์เศร้าสลดครั้งนี้ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่า โลกไม่เคยหมดสิ้นคนดีมีน้ำใจที่พร้อมยืนหยัดและเสียสละเพื่อผู้อื่นในช่วงเวลาวิกฤต โดยเฉพาะในวงการกีฬาที่เข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกเพื่อแสดงออกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่ต้องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันเลวร้ายนี้โดยเร็ววัน

แอนดี เมอร์เรย์
นักหวดมือ 1 โลก ชาวสหราชอาณาจักร ตั้งใจมอบเงินรางวัลทั้งหมดจากการแข่งขันเทนนิสเอทีพี ทัวร์ รายการ “เอกอน แชมเปียนชิพส์” ที่อังกฤษ เยียวยาเหตุการณ์ระทึกขวัญ โดย อาคารเกรนเฟลล์ ตั้งอยู่ห่างจากสนามควีนส์ คลับ สังเวียนของศึกเอกอน เพียงแค่ 2 ไมล์เท่านั้น
จำนวนเงินสูงสุดที่ เมอร์เรย์ จะสามารถมอบให้กับเหยื่อเพลิงไหม้อยู่ที่ 346,700 ปอนด์ (ประมาณ 15 ล้านบาท) หากนักหวดสหราชอาณาจักรสามารถคว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม นักหวดวัย 30 ปี พลาดท่าปราชัยในแมตช์ประเดิมสนามแก่ จอร์แดน ธอมป์สัน จากออสเตรเลีย แบบพลิกความคาดหมาย 0-2 เซต 6-7 (4-7) และ 2-6 หยุดเส้นทางไว้เพียงรอบแรก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (20มิ.ย.) จึงรับทรัพย์ไปเพียง 12,000 ปอนด์ (ราว 6 แสนบาท) 
แม้ยอดบริจาคจะไม่ได้ตามเป้า แต่การมีส่วนร่วมในครั้งนี้ก็ทำให้เห็นถึงหัวจิตหัวใจของแร็กเกตหมายเลขหนึ่งของโลกได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ เมอร์เรย์ เคยนำเงินรางวัลจากการเป็นแชมป์รายการนี้ 73,000 ปอนด์ (ราว 3 ล้านบาท) เมื่อปี 2013 ให้กับโรงพยาบาลรอยัล มาร์สเดน ในเชลซี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ให้การรักษา รอสส์ ฮัตชินส์ เพื่อนสนิทของเมอร์เรย์จากโรคมะเร็งมาแล้ว

เฮคตอร์ เบเยริน 
แบ็กขวาของอาร์เซนอล ประกาศช่วยเหลือเหยื่อที่ประสบภัย โดยจะบริจาคเป็นเงิน 50 ปอนด์ ทุก ๆ นาทีที่เขาได้ลงสนามในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี
เบเยริน โพส์ผ่านทวิตเตอร์ว่า “สำหรับทุกนาทีที่ผมลงเล่นในยูโร ยู-21 เขาจะบริจาค 50 ปอนด์เพื่อช่วยเหลือเหยื่อเกรนเฟลล์ ทาวเวอร์ โปรดช่วยสนับสนุนไม่ว่าทางใดก็ตาม” หาก สเปน สามารถทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศและแบ็คขวารายนี้ได้ลงทุกนัดจะทำให้ยอดรวมทั้งหมดขึ้นไปสูงถึง 22,500 ปอนด์ (ราว 950,000 บาท)

ราฮีม สเตอร์ลิง
ปีกร่างเล็ก เติบโตในย่านตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงลอนดอน เริ่มอาชีพค้าแข้งกับ ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส ซึ่งมีรังเหย้าตั้งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 1 ไมล์ (ประมาณ 1.6 กิโลเมตร) โดยเจ้าตัวยอมรับรู้สึกสะเทือนใจเพราะเหตุการณ์น่าเศร้านี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขาอย่างมาก และต้องการเยียวยาเหล่าผู้ประสบภัยเหล่านั้น ด้วยการบริจาคเงินจำนวนหนึ่ง 
"นี่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หากเราร่วมมือกัน ผมขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย และทุกๆ คนที่ไม่มีที่พักอาศัย" อดีตดาวเตะลิเวอร์พูลทิ้งท้าย โดยไม่ได้เปิดเผยว่าจะบริจาคในเงื่อนไขใดและเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่

ไรอัน เบอร์ทรานด์
ไม่แปลกที่ส่วนใหญ่จะเลือกบริจาคเงินด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป แต่กับฟูลแบ็คเซาธ์แฮมป์ตันรายนี้ดูเหมือนเจ้าตัวจะลงทุนมากกว่านั้น เมื่อจัดการลงพื้นที่เยี่ยมผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ด้วยตนเองพร้อมยื่นมือหาที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ในละแวกใกล้เคียง
เบอร์ทรานด์ ร่วมมือกับ “รักบี ปอร์โตเบลโล ทรัสต์” (Rugby Portobello Trust) องค์กรแห่งหนึ่งตั้งอยู่ย่านตะวันตกของกรุงลอนดอน ซึ่งมีหน้าที่จัดหาบ้านสงเคราะห์ให้เหล่าผู้ประสบภัยไม่ต้องย้ายถิ่นฐานด้วยสภาพสิ้นเนื้อประดาตัว
ดาวเตะวัย 27 ปี โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ว่า “ผมต้องการช่วยเหลือ ไม่ใช่แค่บริจาค เขาสามารถทำสิ่งที่คิดว่าจำเป็น เริ่มจากการสร้างบ้านใหม่แก่ผู้เคราะห์ร้าย ผมจะอยู่แถวๆ 'รักบี ปอร์โตเบลโล' เพื่อเปลี่ยนจากแนวคิดเป็นการปฏิบัติ”

อาเมียร์ ข่าน
เช่นเดียวกับกำปั้นอังกฤษเชื้อสายปากีสถาน ที่โพสต์คลิปเยี่ยมผู้ประสบภัยทาง โซเขียล มีเดีย พร้อมให้สัมภาษณ์ “สกาย สปอร์ตส” สำนักข่าวชื่อดังว่า “เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ต้องมาอยู่ตรงนี้ และเห็นเหตุการณ์จริง ผมไปมัสยิดท้องถิ่น เพื่อถามว่าคนเหล่านี้ต้องการสิ่งใด และมูลนิธิของผมสามารถช่วยอะไรได้บ้าง”
“สิ่งที่ผมประทับใจ คือ ชุมชนต่างกลมเกลียวและสามัคคีกัน” กำปั้นเมืองผู้ดีกล่าวทิ้งท้าย
หลังพูดคุยกับผู้ประสบภัยจึงได้ทราบว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการ ไม่ใช่อาหาร, น้ำ หรือเสื้อผ้า แต่สิ่งที่พวกเขาอยากได้ คือ ความช่วยเหลือทางการเงิน ทำให้ข่าน ตัดสินใจจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อรวบรวมรายได้ทั้งหมดช่วยเหลือผู้ประสบภัย

นอกจากบรรดานักกีฬาชื่อดังแล้ว ควีนปาร์ค เรนเจอร์ส สโมสรฟุตบอลซึ่งมีสนามเหย้าตั้งอยู่ไม่ไกลจากอาคารเกลนเฟล ยังได้เนรมิตสนามลอฟตัส โรด เพื่อเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวให้กับผู้ประสบเหตุ พร้อมกับเปิดรับบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้กับผู้ประสบภัย ซึ่งการร่วมแรงร่วมใจจากหลายฝ่ายในครั้งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากขาดสิ่งที่เรียกว่า “ความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”