วันนี้ในอดีต...โศกนาฏกรรมสุดสยองที่ " เลอ มังส์"

       11 มิ.ย. 1955 ศึกรถยนต์ทางเรียบสุดโหด "เลอ มังส์ 24 ชั่วโมง" กลับมาลงแข่งขันกันอีกครั้งเป็นปีที่ 23 โดยบริษัทรถยักษ์ใหญ่ต่างหมายมั่นจะเป็นผู้ชนะให้ได้เพื่อชิงความเป็นผู้นำของการพัฒนายานยนต์ เนื่องจากการแข่งประเภทนี้ใช้เวลาแข่งถึง 24 ชั่วโมง รถที่นำมาแข่งจึงต้องทั้งทนทานและทำความเร็วได้ดีถึงจะอยู่บนสนามได้จนจบการแข่งขัน

       ด้วยความที่ในเวลานั้น วงการยานยนต์พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด รถรุ่นใหม่ๆต่างทำความเร็วได้สูงกว่าเดิมหลายเท่า และมีเทคโนโลยีใหม่ๆถูกนำมาใช้ในการผลิตรถยนต์มากมาย แฟนๆที่รักความเร็วจึงเดินทางเข้ามาชมการแข่งขันถึงขอบสนามในปีนั้นนับแสนราย หลายคนลอดรั้วที่กั้นไว้เพื่อให้ได้ใกล้ชิดถึงขอบสนาม บางคนปีนขึ้นรั้วเพื่อจะได้ชมผลงานของนักแข่งที่ตนชื่นชอบ

       เวลาประมาณ 16.00 น. การแข่งขันก็เริ่มต้นขึ้นและดำเนินมาเรื่อยๆจนถึงรอบที่ 35 ก็ถึงเวลาที่รถหลายๆคันต้องเข้าพิต และเวลานั้นเองเรื่องเศร้าก็เกิดขึ้น เมื่อ ไมค์ ฮอว์ธอร์น นักขับจากจากัวร์ (9) ขับเปลี่ยนเลนไปทางขวาเพื่อเข้าพิต ทำให้ แลนซ์ แม็คลิน จากออสติน (26) ต้องเบี่ยงหลบออกซ้าย แต่นั่นก็ทำให้ ปิแอร์ เลเว็ค จากเมอร์เซเดส (20) ที่ตามมาข้างหลัง พุ่งเข้าชนท้ายอย่างจัง ทำให้รถทั้งคู่กระเด็นไปชนข้างทางทั้งฝั่งซ้ายและขวาอย่างรุนแรง ส่วน ฮวน มานูเอล ฟานจิโอ้ อีกหนึ่งนักขับของเมอร์เซเดส (19) โชคดีหักหลบรถของทั้งคู่ฝ่าเหตุการณ์นั้นออกไปได้อย่างหวุดหวิด

       รถของ แม็คลิน กระเด็นไปชนขอบทางทั้งสองฝั่ง เจ้าตัวรอดมาได้ แต่รถของ เลเว็ค โชคร้ายเมื่อชนแล้วรถลอยขึ้นก่อนตกลงมากระแทกพื้นจนรถฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้ เลเว็ค เสียชีวิตทันที ขณะที่ชิ้นส่วนของรถก็ลอยไปตกกลางกลุ่มผู้ชม น้ำมันเชื้อเพลิงที่กระจายออกก็เกิดติดไฟจนกลายเป็นลูกไฟขนาดใหญ่แล้วตกลงมากลางกลุ่มคนดูซ้ำเข้าไปอีก 

       แม้จะเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ แต่ทางผู้จัดไม่สามารถยกเลิกการแข่งขันได้ เนื่องจากมองว่าหากยกเลิก แฟนๆนับแสนคนจะต้องออกจากสนามพร้อมกันและทำให้รถติดอย่างหนักจนรถดับเพลิงกับรถพยาบาลเข้าสู่สนามไม่ได้ จึงจำเป็นต้องตัดสินใจให้แข่งกันต่อไป สุดท้ายแล้วเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 83 ราย และบาดเจ็บอีกเกือบ 180 คนทีเดียว

       สำหรับสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ส่วนใหญ่มองว่าเป็นเพราะสนามไม่เหมาะสมกับการแข่งขัน เพราะสร้างมานานกว่า 30 ปี และเป็นสนามที่ออกแบบให้เหมาะกับความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ซึ่งเวลานั้นเทคโนโลยีของรถแข่งได้พัฒนาไปจนทำความเร็วได้สูงกว่านั้นมากแล้วนั่นเอง 

       ด้วยเหตุนี้ หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวจึงได้มีการปรับปรุงสนามแข่งกันใหม่ทั้งหมด รวมถึงช่องทางการเข้าพิตที่ถูกออกแบบใหม่ให้มีความปลอดภัยมากขึ้น และรวมถึงการรักษาความปลอดภัยอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นรถดับเพลิงและรถพยาบาล ที่จะต้องมีการสแตนด์บายอยู่ที่สนามทุกๆครั้งที่มีการแข่งขันเพื่อคอยรองรับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ขณะที่การพัฒนาตัวรถแข่ง ทางทีมบริษัทผู้ผลิตก็ต้องหันไปใช้เชื้อเพลิงที่ปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงการใช้วัสดุที่ไม่ติดไฟด้วย เพราะมีการเปิดเผยว่าไฟในอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากเชื้อเพลิงชนิดพิเศษที่ถูกนำมาใช้เป็นปีแรก และตัวรถบางส่วนยังผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอยด์ซึ่งเมื่อติดไฟแล้วเกิดระเบิดขึ้น แถมยังดับยากมากนั่นเอง

       (คลิป Youtube // user: British Pathé)