ข่าว

"ยูเลียน นาเกลส์มันน์”หัวเรือใหญ่ไฟแรงแห่งฮอฟเฟนไฮม์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ฤดูกาลนี้ มีเรื่องที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย

     ไม่ว่าจะเป็นการที่ แอร์เบ ไลป์ซิก ทีมน้องใหม่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จนได้ไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร รวมไปถึงการที่ บาเยิร์น มิวนิค สามารถคว้าแชมป์ลีกได้เป็นสมัยที่ 5 ติดต่อกัน พร้อมกับการอำลาสนามของ 2 นักเตะคนสำคัญอย่าง ฟิลิปป์ ลาห์ม กองหลังกัปตันทีม และ ซาบี อลอนโซ กองกลางจอมเก๋า

     แต่อีกสิ่งหนึ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ในลีกเมืองเบียร์ปีนี้ นั่นก็คือ การแจ้งเกิดของ “ยูเลียน นาเกลส์มันน์” กุนซือวัยเพียง 29 ปี ที่พาทีมเล็กๆอย่าง ฮอฟเฟนไฮม์ พัฒนาจากการหนีตกชั้น มาเป็นได้ไปเล่นในฟุตบอลยุโรปอย่างศึกยูโรปา ลีก แน่นอนแล้ว พร้อมทั้งกำลังแย่งชิงอันดับ 3 ในการไปเล่นฟุตบอลยูซีแอลในซีซั่นหน้ากับยอดทีมอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อีกด้วย

     ด้วยผลงานดังกล่าวต้องยกเครดิตส่วนใหญ่ให้กับผู้จัดการทีมไฟแรงผู้นี้ ที่ลบคำสบประมาทได้อย่างไร้มลทินว่าคนอายุแค่นี้จะสามารถคุมทีมฟุตบอลในระดับอาชีพได้อย่างไร แต่กว่าเขาจะมาถึงจุดนี้ได้นั้น เจ้าตัวต้องบ่มเพาะหลายอย่างในโลกลูกหนัง ซึ่งทำให้เขากลายเป็นเฮดโค้ชที่ทั่วโลกให้ความสนใจอย่างมากในขณะนี้

เริ่มต้นการคุมทีม
     นาเกิลส์มัน เกิดที่เมือง ลันด์เบิร์ก อัม เล็ค ใกล้ๆ เมืองมิวนิก เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 1987 โดยก่อนที่จะเป็นโค้ช เจ้าตัวเคยค้าแข้งมาก่อนในตำแหน่งกองหลัง โดยเริ่มจากทีม เอาก์สบวร์ก ก่อนย้ายไป 1860 มิวนิค ตอนอายุ 15 ปี อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยขยับขึ้นไปเล่นทีมชุดใหญ่ได้ เนื่องจากปัญหาเจ็บเข่าเรื้อรัง ทำให้สุดท้ายแล้ว นาเกลส์มันน์ ต้องตัดสินใจแขวนสตั๊ดขณะอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น
     หลังจากต้องล้มเลิกความฝันที่จะเป็นนักเตะอาชีพ นาเกลส์มันน์ ก็เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา และสอบไลเซนซ์โค้ชในเวลาต่อมา โดยเมื่อได้ใบอนุญาตแล้ว เจ้าก็เริ่มต้นจากการดูแลนักเตะเยาวชนให้กับต้นสังกัดเก่าอย่าง เอาก์สบวร์ก และ 1860 มิวนิค ก่อนจะย้ายไปเป็นผู้ช่วยโค้ชให้กับทีมเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปี ของ ฮอฟเฟนไฮม์ ในปี 2010 และขยับไปดูแลทีมอายุไม่เกิน 19 ปี ขณะที่เจ้าตัวอายุเพียง 26 ปีเท่านั้น
     ต่อมาในปี 2014 นาเกลส์มันน์ สามารถพาทีมคว้าแชมป์ระดับประเทศมาครอง และเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศอีกครั้งในปีถัดมา
ความสำเร็จดังกล่าวไปเข้าตาทีมใหญ่อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ซึ่ง เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือในขณะนั้น และประธานสโมสร คาร์ล-ไฮน์ซ รุมเมนิกเก ต่างก็อยากได้ตัว นาเกลส์มันน์ ไปคุมทีม “เสือใต้” ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี แต่เขาเลือกปฏิเสธโอกาสดังกล่าว

เฮดโค้ชคนใหม่ “ฮอฟเฟนไฮม์”
     หลังจากทำผลงานได้โดดเด่นกับทีมเยาวชน บอร์ดบริหารของทีม ฮอฟเฟนไฮม์ ก็ได้แต่งตั้งให้กุนซือหนุ่มรายนี้เป็นกุนซือคนใหม่ของทีมในฤดูกาล 2016-2017 ต่อจาก ฮูบ สตีเวนส์ โค้ชชั่วคราว อย่างไรก็ตามเขาต้องเข้ามาทำหน้าที่ก่อนกำหนด เนื่องจาก สตีเวนส์ ขอลาออกจากตำแหน่งอย่างกระทันหันเนื่องจากปัญหาสุขภาพ ส่งผลให้เขากลายเป็นผู้จัดการทีมที่มีอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ของบุนเดสลีกา ด้วยวัยเพียง 28 ปี 5 เดือน
     จากการแต่งตั้งดังกล่าว ส่งผลให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างมากมายจากแฟนบอล เพราะมองว่าเขายังขาดประสบการณ์ และไม่เคยผ่านการคุมทีมระดับอาชีพมาแม้แต่น้อย ขณะที่ทีมกำลังตกอยู่ในสถานการณ์หนีตกชั้น เนื่องจากอยู่ในอันดับ 17 ของตารางในขณะนั้น และมีแต้มตามหลังทีมที่จะได้สิทธิ์เพลย์ออฟหนีตกชั้นถึง 5 คะแนน
     อย่างไรก็ตาม นาเกลส์มันน์ ไม่ได้สนใจเสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้น และก้มหน้าทำงานหนักเพื่อทีม ซึ่งเขาก็พิสูจนืตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการโกยคะแนนได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยสถิติชนะ 7 จาก 14 นัดหลังสุด พร้อมทำแต้มรวม 23 คะแนนจนสโมสรขยับจากอันดับ 17 ขึ้นมาจบอันดับ 15 ของตาราง รอดตกชั้นแบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องเล่นเพลย์ออฟอีกด้วย

แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว
     ในซีซั่นนี้ นาเกลส์มันน์ พร้อมนักเตะ ซึ่งถือว่าเป็นคนหนุ่มไม่ต่างจากกุนซือ เนื่องจากสมาชิกในทีมตอนนี้มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่อายุมากกว่าเขา นั่นคือ อเล็กซานเดอร์ สโตลซ์ นายทวารมือ 2 วัย 33 ปี, ยูเจน โปลันสกี กองกลางชาวโปแลนด์วัย 30 ปี และ เปียร์มิน ชเวกเลอร์ กองกลางชาวสวิสที่อายุแก่กว่า 136 วัน ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการไม่แพ้ใครถึง 17 นัด ก่อนมาพ่ายต่อ ไลป์ซิก 1-2 พร้อมทำสถิติเป็นทีมสุดท้ายของ 5 ลีกใหญ่ยุโรปที่แพ้นัดแรกของฤดูกาลนี้
     และด้วยอันดับของทีม รวมถึงผลงานทั้งหมดที่ผ่านมา จึงไม่น่าแปลกใจที่เจ้าตัวจะถูกเลือกให้รับรางวัลโค้ชยอดเยี่ยมแห่งเยอรมันประจำปี 2016 ไปครอง แซงหน้ายอดโค้ชอย่าง คาร์โล อันเชลอตติ และ โธมัส ทูเคิล

ปรัชญา และสไตล์การทำทีม
     การวางหมากเกมอันหลากหลาย และอารมณ์อันสุขุมเกินวัย เป็นจุดเด่นที่ทำให้ นาเกลส์มันน์ พาทีมประสบความสำเร็จถึงขั้นนี้ได้ โดยในช่วงแรกของฟุตบอลบุนเดสลีกาซีซันนี้ เขาใช้ระบบการเล่นที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับคู่แข่งและสถานการณ์ของทีมในแต่ละเกม ทำให้คู่แข่งยากที่จะคาดเดาว่าทีมของเขาจะมาเล่นในแผนการใด
     ส่วนเรื่องอารมณ์ในการคุมทีม นาเกลส์มันน์ ถือเป็นอีกหนึ่งคนที่มีความนิ่ง และโฟกัสกับเกมโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง โดยเจ้าตัวให้สัมภาษณ์ว่า หลักการทำหน้าที่โค้ชของเขานั้น ให้ความสำคัญกับแทคติค 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 70 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือคือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และวุฒิภาวะ ซึ่งเขาเชื่อว่านักเตะจะทำผลงานได้ดีหากสภาพจิตใจอยู่ในภาวะมั่นคง

     ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นคือเส้นทางของเทรนเนอร์วัย 29 ปีรายนี้ ที่พัฒนาตัวเองแบบก้าวกระโดดจนพาทีมประสบความสำเร็จแบบเหนือความคาดหมาย และถูกจับตาว่าจะเป็นยอดกุนซือระดับโลกในอนาคต ซึ่งเราต้องมาดูกันว่ากุนซือเจ้าของฉายา “ลิตเติล มูรินโญ” ผู้นี้ จะก้าวไปสู่จุดไหนบนเส้นทางลูกหนังที่เขารัก
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ