ข่าว

บาร์เซโลนา-ยูเวนตุส ชี้ชะตา 8 ทีมสุดท้ายชปล.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โหมโรงศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ระหว่าง บาร์เซโลนา-ยูเวนตุส โดยเกมนี้ทีมจากสเปนต้องเร่งเครื่องยิง3ประตูขึ้นำไปหากยังหวังผ่านเข้ารอบต่อไป

หลังจากบุกไปแพ้ ยูเวนตุส ที่ตูรินมาก่อนในเกมแรก 0-3 ทำให้นัดนี้ บาร์เซโลนา ต้องเก็บชัยชนะให้ได้สถานเดียวและต้องยิงให้ได้สามลูกขึ้นไป โดยก่อนลงสนามพลพรรค“อาซูลกรานา”หวังจะสร้างปาฏิหาริย์ให้ได้อีกครั้ง หลังเคยทำได้มาแล้วในเกมกับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ผ่านมา

ฟอร์มล่าสุด
บาร์เซโลนา เคยพลิกสถานการณ์จากที่แพ้ เปแอสเช 0-4 แล้วกลับมาเอาชนะได้ในรังของตัวเอง 6-1 กระทั่งทะลุเข้ามาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ชนิดพลิกความคาดหมาย
อย่างไรก็ตามเกมที่คัมป์นูในค่ำคืนนี้ลูกทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก อาจต้องเจอกับงานที่ยากกว่าเก่า เมื่อสถิตินอกบ้านของพวกเขาแพ้ถึง 3 จาก 4 เกมหลังสุด อีกทั้ง ยูเวนตุส ยังมีสถิติที่ค่อนข้างดี โดยเป็น 1 ใน 2 ทีม ร่วมกับ เรอัล มาดริด ที่ยังไม่แพ้ทีมใดในรายการนี้ ชนะติดต่อกันมา 5 นัดรวด ไม่เสียประตูนาน 441 นาที สูงสุดเป็นลำดับ 2 จากบรรดาทีมใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปด้วยกัน และไม่แพ้ทีมใดในบ้านตลอด 18 เกมหลังสุด
บนเวทียุโรป (ชนะ 11 เสมอ 7 ) โดยพวกเขากรุยทางมาถึงรอบนี้แบบไม่ยากเย็นเท่าไหร่ด้วยการปราบ เอฟซี ปอร์โต ของโปรตุเกส ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 3-0
นอกจากนี้สถานการณ์ในลีกของ“เบียงโคเนรี”ยังได้เปรียบกว่าทีมจากสเปน เมื่อพวกเขาสามารถลงเล่นโดยไม่ต้องกังวลกับอันดับบนตารางคะแนน หลังเก็บชัย 4 จาก 5 นัดหลังสุด นำโด่งเป็นจ่าฝูงด้วยแต้มทิ้งห่าง โรมา อันดับ 2 ถึง 8 แต้ม ตรงข้ามกับ บาร์เซโลนา ที่หลังจบแมตช์นี้พวกเขาต้องเล่นเกมนัดสำคัญซึ่งมีผลต่อการลุ้นแชมป์ลีกในเกมเอล กลาซิโก กับ เรอัล มาดริด ซึ่งชั่วโมงนี้ทีม“ราชันชุดขาว” นำหน้าพวกเขาอยู่ 3 คะแนน แต่ลงแข่งมากกว่าอยู่ 1 นัด

ผลงานนัดแรก
เกมนัดแรกที่ตูริน ต้องชื่นชมนักเตะของทีมม้าลายที่ช่วยกันเล่นได้ดี แม้จะเป็นฝ่ายครองบอลเพียง 32 เปอร์เซนต์ แต่พวกเขาก็ทดแทนด้วยการวิ่งกดดันคู่ต่อสู้จนคู่แข่งไม่สามารถสร้างสรรค์เกมได้สะดวก โดยพวกเขาวิ่งรวมกันถึง 108.7 กิโลเมตร มากกว่า บาร์เซโลนา ที่วิ่งรวมกัน 99.6 กิโลเมตร ถึง 10 กิโลเมตร
แทคติกของ มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี ได้ผลเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเกมรับที่เล่นกันได้อย่างเหนียวแน่นจน หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกอุรุกวัย แทบไม่มีโอกาสลุ้นทำประตู จากการสัมผัสบอลเพียง 38 ครั้ง, ส่วน ลีโอเนล เมสซี สัมผัสบอลไป 68 ครั้ง แถมเสียการครองบอล 8 จาก 10 ครั้ง ซึ่งตรงนี้แสดงให้เห็นชัดเจนถึงประสิทธิภาพในเกมรับของยอดทีมจากอิตาลี ที่ทำให้เกมรุกที่เคยไหลลื่นของบาร์เซโลนา กลับต้องมาสะดุดไม่เป็นท่า โดย“เจ้าบุญทุ่ม” มีโอกาสยิงตรงกรอบเพียง 4 ครั้ง ตลอด 90 นาที

ความพร้อมล่าสุด
หลุยส์ เอ็นริเก กุนซือบาร์เซโลนา ได้รับข่าวดีเมื่อจะได้ 2 ผู้เล่นคนสำคัญพ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมทั้ง เซร์คิโอ บุสเกตต์ กองกลางตัวตัดเกม และ เนย์มาร์ แนวรุกชาวบราซิลเลียน โดยการกลับมามีชื่อของดาวเตะแซมบ้า หลังโดนลงโทษแบนในลีก 3 นัด ถือว่ามีส่วนต่อเกมนี้อย่างมาก หลังเคยสวมบทฮีโร่ในเกมกับเปแอสเชรอบที่แล้ว ด้วยการเหมาคนเดียว 2 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ ที่ใส่ผ่านให้ เซร์กี โรแบร์โต ซัดประตูชัย ซึ่งการได้ เนย์มาร์ ลงเล่นในคืนนี้น่าจะทำให้สามประสาน“เอ็มเอสเอ็น”กลับมาทำเกมรุกได้ไหลลื่นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามทีมยังหมดสิทธิ์ใช้งาน อเล็กซ์ บีดาล และ ราฟินญา อัลกันตารา ที่ยังไม่สมบูรณ์ รวมถึงต้องรอเช็คความฟิต ฮาเวียร์ มาสเคราโน ดาวเตะอาร์เจนไตน์ว่าจะสามารถลงเล่นไหวหรือไม่
การจัดทัพ มาร์ค อังเดร แทร์ ชเตเกน เป็นผู้รักษาประตู แนวรับ เคราร์ด ปิเก ลงจับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟกับ ซามูแอล อุมติตี ฟูลแบ็คสองข้างประกอบด้วย เซร์กี โรเเบร์โต และ จอร์ดี อัลบา ขยับขึ้นมากลางสนาม บุสเกตต์ จะประสานงานร่วมกับ อันเดรส อิเนียสตา และ อิวาน ราคิติช โดยมี หลุยส์ ซัวเรซ, เนย์มาร์ และ ลีโอเนล เมสซี เป็นสามประสานในแดนหน้า
ฝั่ง มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี กุนซือยูเวนตุส ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบไม่น้อยแถมผลงานในลีกนัดล่าสุดยังบุกไปเอาชนะ เปสคารา 2-0 เกมนี้ต้องรอเช็คอาการเจ็บข้อเท้าของ เปาโล ดิบาลา ที่เจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในเกมลีกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่คาดว่าเจ้าตัวน่าจะผ่านความฟิตพร้อมลงเป็น 11 ตัวจริง
นอกจากนี้ตัวหลักอย่าง จานลุยจิ บุฟฟอน, ดานี อัลเวส, จอร์โจ คิเอลลินี และ ซามี เคดิรา พร้อมกับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งหลังได้พักมาในเกมล่าสุด รวมถึง เลโอนาร์โด โบนุชชี ที่ไม่ได้ลงเล่นในเกมกับเปสคารา เนื่องจากติดโทษแบน ก็พร้อมกลับมาช่วยทีมในเกมนี้เช่นกัน
การจัดทัพ บุฟฟอน ลงเฝ้าเสา แนวรับ 4 คน ประกอบด้วย อัลเวส, โบนุชชี, คิเอลลินี และ อเลกซ์ ซานโดร แดนกลาง เคดิรา ลงเล่นร่วมกับ มิราเลม ปานิช โดยมี ฮวน กวาดราโด, เปาโล ดิบาลา และ มาริโอ มานด์ซูคิช เป็นสามประสานแนวรุกอยู่หลัง กอนซาโล อิกวาอิน ที่รับบทกองหน้าตัวเป้า

ผลงานการพบกัน 4 นัดหลังสุดในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
ปี 2017    รอบก่อนรองชนะเลิศ (นัดแรก) // ยูเวนตุส    3 - 0    บาร์เซโลนา
ปี 2015    นัดชิงชนะเลิศ  //  ยูเวนตุส    1 - 3    บาร์เซโลนา
ปี 2003    รอบก่อนรองชนะเลิศ (นัดที่สอง) // บาร์เซโลนา 1 - 1    ยูเวนตุส (ต่อเวลาพิเศษ ยูเวนตุส ชนะ 2-1)
ปี 2003    รอบก่อนรองชนะเลิศ (นัดแรก)  //  ยูเวนตุส    1 - 1    บาร์เซโลนา

จากสถิติที่ทั้งคู่เคยพบกันบนเวทียูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ทั้งหมด 8 นัด ต่างฝ่ายต่างเอาชนะได้ทีมละ 3 นัด และเสมอ 2 นัด โดยครั้งสุดท้ายที่พบกันที่คัมป์นู ต้องย้อนกลับไปในฤดูกาล 2002/2003 โดยหนนั้น ยูเวนตุส บุกมาเฉือนเอาชนะไปได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 ก่อนเข้าป้ายตำแหน่งรองแชมป์ในบั้นปลาย

กลับมาที่ปัจจุบันเกมระหว่าง บาร์เซโลนา ที่จะเปิดบ้านรับมือ ยูเวนตุส ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง จะลงเตะกันในคืนนี้ (19 เม.ย.) เวลา 01.45 น. ซึ่งจากนี้คงต้องมาลุ้นกันว่าทีมแกร่งจากอิตาลีจะรักษาสกอร์ที่นำอยู่จนทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ หรือว่าจะเป็น บาร์เซโลนา ที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์หนที่ 2 ให้เกิดขึ้นบนเวทีแชมเปียนส์ลีกนี้ได้อีกครั้ง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ