ข่าว

ถึงเวลา“ช้างศึก” คว้าสามแต้ม?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ธนรัชต์ คูสมบัติ

ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่มบีวันนี้ ยังคงเป็นการแข่งขันที่แฟนฟุตบอลชาวไทยให้ความสนใจอยู่เช่นเดิม สะท้อนจากตั๋วเข้าชมการแข่งขันที่ขายหมดเกลี้ยง

แม้สถานการณ์ของทีมไทยนั้นไม่สู้ดีเท่าไหร่ เก็บได้เพียงคะแนนเดียว จาก 5 นัด โอกาสไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซียปีหน้า แม้ว่าทางทฤษฏี จะยังคงเป็นไปได้ แต่ในทางปฏิบัติต้องบอกว่า “ยาก”

แต่สำหรับการเปิดบ้านรับมือซาอุดิอาระเบียวันนี้ ทุกคนก็ต่างคาดหวังว่าทีมช้างศึกจะเก็บชัยชนะคว้าสามแต้มได้สักที


เกมแรกของทีมชาติ ปี 2560

นี่คือการแข่งขันระดับชาติอย่างเป็นทางการเกมแรกของทีมชาติไทยในปี 2560 อีกทั้งเกมนี้ยังเป็นการประเดิมคุมทีมนัดแรกของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หลังสมาคมฯฟุตบอลต่อสัญญาในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนกับอดีตหัวหอกจอมตีลังกาออกไปอีก 1 ปี

                “ซิโก้” ถูกจับตาจากแฟนฟุตบอลแน่นอน เพราะช่วงปีที่แล้ว ก็มาจากผลงานอันย่ำแย่ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกนี้นี่เอง ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์ว่าควรได้รับการต่อสัญญาอีกหรือไม่

ดังนั้นผลงานอีก 5 นัดที่เหลือคือบทพิสูจน์ของซิโก้อย่างแท้จริง เริ่มจากเกมวันนี้ที่หลายคนคาดหวังว่าจะการล้างแค้น ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย หลังจากที่ออกไปพ่ายแพ้กลับมาแบบน่าเจ็บปวด 1-0 จากการเสียจุดโทษช่วงท้ายเกม ที่กรุงริยาด วันที่ 1 กันยายน ปีที่แล้ว จนส่งให้ ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มอยู่ในเวลานี้

 

การจัดทัพของ “ซิโก้”

สำหรับเรื่องของการจัดทัพของ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ยังเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก โดยปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับทีมไทยตอนนี้คือ การหายไปของอย่าง “สารัช อยู่เย็น” กองกลางคนสำคัญที่ได้รับบาดเจ็บยาว

เป็นคำถามว่าในรอยโหว่ดังกล่าว จะแก้ไขอย่างไร เพราะด้วยตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางที่ซิโก้เลือกมา มีทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าอย่า  ชาริล ชัปปุยส์ , ปกเกล้า อนันต์ , จักรพันธ์ แก้วพรม , จอนาตา แวร์ซูร่า หรือจะเป็น วัฒนา พลายนุ่ม ล้วนแล้วแต่มีจุดเด่นเฉพาะตัว แต่ที่สัญคือจะทำอย่างไรให้กลมกล่อมลงตัวที่สุด

ส่วนเรื่องรูปแบบการเล่นนั้น ที่ผ่านมาซิโก้ จะยึดรูปแบบ 4-3-3 และ 4-2-3-1  เป็นหลัก ซึ่งแพ้มารวด 4 เกม ก่อนที่จะมีการปรับระบบมาเป็น 3-5-2 ในเกมที่เจอกับออสเตรเลีย และผลงานออกมาดีจนกระทั่งเก็บแต้มแรกมาได้ ตรงจุดนี้เองอาจต้องรอชมถึงหน้างานจริงว่าจะใช้รูปแบบใด หรืออาจจะมีเซอร์ไพรส์อีกหรือไม่

 

สำรวจคู่แข่ง “ซาอุดิอาระเบีย”

หันมาดูทีมชาติ “ซาอุดิอาระเบีย” คู่แข่งในเกมวันนี้กันบ้าง โดยขณะนี้นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มแข่ง 5 นัดมี 10 คะแนน เท่ากับทีมชาติญี่ปุ่น สถิติการเจอกับทีมชาติไทยที่ผ่านมา จาก 17 ครั้ง ยอดทีมจากอาหรับชนะไปถึง 13 เสมอ 1 และแพ้ไปแค่ 3 โดยเกมที่มาเยือนทีมไทยล่าสุดนั้นคือเดือนตุลาคม ปี 2011 โดยเสมอกันไป 0-0

ซาอุฯ ชุดนี้นำมาโดยเบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ อดีตกุนซือทีมชาติเนเธอร์แลนด์ชุดรองแชมป์โลก 2010  สิ่งที่น่าจับตาคือเขามักเลือกตัวผู้เล่นส่วนใหญ่ มาจาก 2 สโมสรหลักๆ เข้าสู่ทีมชาติ คือจากอัลฮิลาล และ อัล อาห์ลี จ่าฝูงและรองจ่าฝูงในซาอุฯโปรลีก

 

ระบบการเล่นที่ ซาอุนิยมใช้ คือ 4-5-1 และ 4-2-3-1 อายุเฉลี่ย ของทีมอยู่ที่ 27 ปี และส่วนสูงของทีมโดยเฉลี่ย อยู่ที่ 184 ซม. ส่วนจุดเด่นในภาพรวมคือ การเล่นบอลกับพื้นที่รวดเร็วและความสามารถเฉพาะตัวทั้งการเลี้ยงกินตัว, ล้มเรียกฟาล์ว, ลูกตุกติกต่างๆสารพัด ทีมซาอุฯเป็นทีมที่ได้จุดโทษมากที่สุดนับเฉพาะทีมที่มาเล่นรอบ 3 นี้

แต่กระนั้นจุดอ่อนของซาอุฯ ชุดนี้ที่มีการวิเคราะห์คือการยืนตำแหน่งของกองหลังและแผงมิดฟิลด์, ความแข็งแกร่งทางร่างกาย นักเตะซาอุฯชุดนี้มีสรีระที่บางมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ พยายามที่จะเข้ามาแก้ไขตั้งแต่เริ่มเข้ามารับตำแหน่ง

 

โอกาสของทีมไทย

ข้อได้เปรียบในเกมวันนี้ของทีมไทย คงหนีไม่พ้นการเล่นในบ้าน หากแฟนบอลเข้ามาเต็มสนามราชมังคลากีฬาสถานที่จุแฟนบอลได้เฉียดห้าหมื่นคน ก็จะเป็นบรรยากาศที่สร้างความกดดันไม่น้อยเหมือนกับที่ทีมออสเตรเลียเผชิญมาแล้ว

รวมไปถึงบรรดาผู้เล่นตัวหลักที่กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในบอลลีกและบอลสโมสรเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น ชนาธิป,ธีรทร,ธีรศิลป์ หรือ อดิศักดิ์ ไกรษร ที่กลับมาติดทีมชาติอีกครั้งจากอาการบาดเจ็บ ปัจจัยเลห่านี้น่าจะทำให้ทีมมีความมั่นใจมากขึ้น รวมไปถึงบรรดาแข่งหน้าใหม่ที่เรียกมาติดทีมก็มีความกระหายที่จะพิสูจน์ตัวเอง

ตอนนี้การเป็นอันดับ 1 และ 2 หมดสิทธิ์ไปแล้ว แต่การลุ้นอันดับที่ 3 เพื่อคว้าสิทธิ์เพลย์ออฟ ยังเป็นไปได้แต่เงื่อนไขก็ยังลำบาก เพราะสถิติที่ผ่านมาคะแนนที่การันตีอันดับ 3  คือ 16 คะแนน นั่นคือทีมไทยต้องชนะให้ได้หมดทั้ง 5 เกมที่เหลือนั่นเอง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ